วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก ตอนที่ 4

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0004

บทที่ 2 ไม่คิดว่าจะต้องกลับไปทันทีที่กลับมา (1)

“ความเข้าใจของฉันผิดทั้งหมด?”

ชาโซฮีมองฉันด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แต่ฉันไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้น เพราะตอนนี้สายตาเอาแต่จับจ้องแท็บเล็ตที่ชาโซฮียื่นให้

มีเนื้อหามากมายเขียนอยู่ในรายงาน เช่นวิธีเดินทางไปยังจุดสำคัญ สิ่งที่ต้องระวังระหว่างทาง และสิ่งที่ต้องเตรียมล่วงหน้า รวมถึงความรู้ความเข้าใจสำหรับฝ่าฟันอุปสรรค

เป็นข้อมูลปริมาณมาก และดูเหมือนจะมีประโยชน์

แต่ในสายตาของฉัน พวกมันทั้งหมดแทบใช้การไม่ได้

“ประตูมิติเปิดมานานแค่ไหนแล้ว?”

“มนุษย์ใช้เวลาสองปีครึ่งเพื่อระบุตำแหน่งและรักษาเสถียรภาพของประตูมิติ จากนั้นจึงสร้างค่ายขึ้นในฝั่งต่างโลกและเริ่มสำรวจอย่างจริงจัง… สำหรับตัวฉัน เริ่มศึกษาเกี่ยวกับต่างโลกมาได้ประมาณสองปี”

“ตั้งสองปี… แล้วทำไมถึงยังพล่ามแต่เรื่องเหลวไหล?”

“…”

ชาโซฮีไม่ตอบคำถามของฉัน ไม่สิ เธออับอายเกินกว่าจะตอบ

ถ้าฉันเป็นเธอ ก็คงจะมีท่าทีแบบเดียวกัน

“แทนที่จะเชื่อข้อมูลพวกนี้ ฉันยอมไปต่างโลกโดยไม่รู้อะไรเลยดีกว่า อย่างน้อย คนที่ไม่รู้อะไรเลยจะระแวงกับทุกสิ่ง… ถ้าเอาแต่พึ่งพาข้อมูลเหลวไหลพรรค์นี้อย่างสบายใจ ต่างโลกก็ไม่ต่างอะไรกับสุสานฝังศพ”

“แย่ขนาดนั้น… เลยหรือ?”

พิจารณาจากท่าที เธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลส่วนใดผิด และผิดอย่างไร

ต่างโลก

หากได้ศึกษาเกี่ยวกับดินแดนที่ตัวเองไม่รู้จักมานานกว่าสองปี

ช่วงเวลาดังกล่าวยาวนานพอที่จะขจัดความกลัวจากความไม่รู้ แต่ยังไม่มากพอที่จะเข้าใจแก่นแท้อย่างถูกต้อง

อันที่จริง ตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากจะช่วยอะไรนัก ไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหน แต่นั่นก็แค่ความขัดแย้งภายในบริษัท

เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงหูตั้งหลังจากได้ยินเกี่ยวกับค่าตอบแทน

ฉันต้องการเงินจำนวนมากไปใช้จ่ายกับการพักผ่อนโง่ๆ สักสองสามเดือน ต้องยอมรับว่าสถานะทางการเงินของฉันในปัจจุบันไม่ค่อยดีนัก

“สัปดาห์หน้าใช่ไหม?”

“ใช่”

“ฉันต้องการเวลาไตร่ตรองและเรียบเรียง การเร่งตัดสินใจขณะดื่มคงไม่เหมาะสมนัก”

“อา…”

ชาโซฮีตอบด้วยสีหน้าเจือกังวล

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วย ไม่สิ สำหรับฉัน เป้าหมายภารกิจมันก็แค่ของกล้วยๆ”

ง่ายเกินไปมากสำหรับคนอย่างฉัน

ค่อนข้างรู้สึกผิด ที่ได้เงินมากถึงสามร้อยอย่างง่ายดายเช่นนี้

“อา… ขอบคุณ”

น้ำเสียงของชาโซฮีไม่เคยร่าเริงเท่านี้มาก่อน

“ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจนะ ว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้มีความหมายยังไง”

* * *

ฉันไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ดื่มโซจูไม่บ่อยนัก

แทบจำไม่ได้แล้วว่าความรู้สึกขณะแอลกอฮอล์สัมผัสกับตับเป็นยังไง

“ปวดหัวแฮะ”

ค่อนข้างน่าสมเพชเมื่อต้องคอยกุมหัวหลังจากดื่มเบียร์ไปแค่ไม่กี่แก้ว

แต่ภายในบ้านสองห้องที่มีห้องนั่งเล่นเล็กๆ อีกหนึ่ง คงไม่มีใครมาเห็นฉันในสภาพนี้

เมื่อเปิดตู้เย็น ฉันได้กลิ่นเหม็นคาว

“คงต้องเปลี่ยนสินะ…”

ตู้เย็นเก่า

ฉันเคยคิดว่ามันคงเต็มไปด้วยอาหารเน่าเสีย แต่กลับมีใครบางคนช่วยทำความสะอาด

ถึงจะเก่าไปสักหน่อย แต่ที่นี่ก็คือบ้านของฉัน ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาได้

“หืม…”

อาจเป็นเพราะเจ้าของบ้านหายตัวไป ตำรวจจึงเข้ามาตรวจค้นเพื่อสืบสวน

ฉันไม่ค่อยรู้ขั้นตอนละเอียดนัก จึงไม่เก็บมาใส่ใจสักเท่าไร

สิ่งสำคัญก็คือ หลังจากสามัญสำนึกทางสังคมเริ่มกลับมาทีละนิด ฉันเริ่มตระหนักถึงการรั่วไหลของเม็ดเงิน

“บิลล์ค่าน้ำค่าไฟค้างชำระ… ฟู่ว… ถูกระงับไว้ชั่วคราว ขอบคุณสวรรค์”

ตู้เย็นต้องถูกนำไปทิ้งทันที เสื้อผ้าในตู้ก็ต้องโยนทิ้งทั้งหมด ไม่ใช่เพราะกลิ่นเชื้อรา แต่เป็นเพราะพวกมันไม่พอดีกับร่างกายในปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงหัวไหล่ที่แน่นตึงเป็นพิเศษ

ฉันเดินมายืนหน้ากระจก และพบร่างกายที่เต็มไปด้วยแผล

จะว่าไปแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้เห็นตัวเองชัดๆ หลังจากชีวิตเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

“…”

ฉันนั่งลงบนโซฟาเก่าด้วยความรู้สึกสับสน

ในสภาพสวมเสื้อยืด ฉันจมอยู่กับความคิด

สิ่งใดสำคัญที่สุดในตอนนี้?

“เงิน”

อ้างอิงจากร้านสะดวกซื้อที่แวะไป ราคาสินค้าไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

เงินสามร้อยยังมีมูลค่าสูงอย่างที่คิด คุ้มพอที่จะให้ใครบางคนใช้งานเยี่ยงสุนัข

ดังนั้น ฉันไม่ได้ช่วยชาโซฮีอยู่ฝ่ายเดียว เพราะค่าตอบแทนที่ชาโซฮีเสนอถือว่าแฟร์กับฉันด้วย

ขณะกำลังตัดสินใจ

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด—

ฉันได้ยินเสียงคนกดรหัสประตู จะว่าไป มีคนคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่กลอนประตูให้อย่างสม่ำเสมอ

บนโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่รู้รหัสผ่านบ้านของฉัน จึงไม่มีอะไรน่ากังวล

“เธอไม่ควรเข้าบ้านคนอื่นโดยพลการ”

“ที่บ้านนายมีอะไรกินไหม? ทำไมถึงปิดมือถือ? ขอบคุณนะที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่”

ชาโซฮียกกล่องจดหมายขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะซื้อของจิปาถะ อาหารแช่แข็งหรือไม่ก็อาหารกระป๋อง และของว่างอีกนิดหน่อยมาให้

“บัญชีธนาคารของนายน่าจะถูกระงับ… ฉันซื้อมาเผื่อ เพราะคิดว่านายน่าจะมีปัญหา”

“ฉันจะเปิดบัญชีใหม่วันนี้… ปกติเธอแวะมาที่บ้านฉันบ่อยไหม?”

“ก็… ทำความสะอาดให้นิดหน่อย เปลี่ยนแบตฯ กลอนประตู เปลี่ยนหลอดไฟ แล้วก็… ทำความสะอาดตู้เย็น…”

ฉันแค่พยักหน้ารับ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเรา การพูดขอบคุณถือเป็นสิ่งที่น่าอึดอัด

“บริษัทของเธอเมื่อตอนกลางวันเป็นยังไงบ้าง สมดุลระหว่างการใช้ชีวิตกับการทำงานดีไหม”

“หลังจากถูกย้ายมาอยู่ทีมสำรวจต่างโลก ทุกวันก็แทบจะเป็นวันหยุด… เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมความพร้อม งานหลักๆ จึงเป็นการเตรียมนั่นนี่เรื่อยเปื่อย แน่นอนว่าต้องออกเงินส่วนตัว… ก่อนอื่น บ้านนายมีกระทะไหม?”

ฟังดูเหมือนเป็นสถานที่ที่น่าอึดอัดไม่น้อย

ฉันพยักหน้ารับพอเป็นพิธีและกลับมาขบคิดอีกครั้ง

ควรรับงานนี้ดีไหม?

ขณะก้มหน้าไตร่ตรอง ชาโซฮีเปิดปากพูดเป็นนัย

“จริงสิ นายไม่จำเป็นต้องช่วยสำรวจต่างโลกแล้ว”

“หือ? ทำไมถึงกะทันหันนัก?”

“วันนี้ฉันไปแอบถามมา ทางบริษัทห้ามจ้างคนนอกมาช่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

“แอบตามไปก็ไม่ได้หรือ?”

“ทุกสิ่งที่บริษัททำนอกประตูมิติจะถูกบันทึกไว้ เช่นมีใครร่วมทางไปบ้าง ออกเดินทางที่ไหนและเมื่อไร ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวได้แนบเนียนขนาดไหน ท้ายที่สุดก็จะถูกจับหางได้อยู่ดี”

“แล้วเธอจะทำยังไง”

“เคยได้ยินเกี่ยวกับพาธไฟน์เดอร์ไหม?” (Pathfinder – ผู้เบิกทาง)

ฉันส่ายหน้า

“เหมือนกับชนเผ่าเชอร์ปาบนเทือกเขาหิมาลัย พวกเขาทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวในต่างโลก ฉันได้ยินว่าธุรกิจนี้กำลังบูม”

“…มีอาชีพแบบนี้ด้วยหรือ”

“ใช่ ฉันสืบมาแล้วว่านั่นไม่เป็นการละเมิดกฎ”

เท่าที่ฟังดูก็ไม่น่าจะละเมิด ไม่สิ พวกบริษัทคงใช้บริการเป็นประจำอยู่แล้ว

แต่ก็เหมือนกับข้อมูลที่บริษัทเตรียมให้ ฉันคิดว่าพวกพาธไฟน์เดอร์ก็คงไม่ต่างกัน

ไร้ประโยชน์

“ดังนั้น คงไม่ต้องรบกวนนายแล้ว ขอบใจมาก”

ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไปด้วยไม่ได้หรือ?

ชาโซฮีพึมพำด้วยสีหน้าเหม่อลอย

“ฉันเตรียมกับข้าวไว้สองสามอย่าง ข้าวสารอีกหนึ่งกิโลฯ นายคงประทังชีวิตไปได้อีกสักพัก ดังนั้นเลิกกังวลเกี่ยวกับปากท้องและรีบไปเปิดบัญชีธนาคาร… ส่วนฉันคงต้องขอตัว”

“เธอจะกลับ?”

“ฉันต้องรีบกลับไปเตรียมตัว หลังจากได้ยินคำเตือนของนาย ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม… อย่าลืมเปิดโทรศัพท์ตลอดไว้เวลา นายเคยเป็นคนแบบนั้น”

ฉันมองไปทางชาโซฮีที่กำลังจัดวางสิ่งของ พลางได้ข้อสรุปในสิ่งที่เคยกังวล

“ชาโซฮี”

“มีอะไร?”

“เธอบอกว่าฉันไปด้วยไม่ได้ใช่ไหม”

“ใช่ แล้วไง”

“ถ้าอย่างนั้น แค่ไม่ไปด้วยกันก็พอแล้วนี่”

“แค่ไม่ไป… ด้วยกัน?”

ฉันก้มมองแผนสำรวจของชาโซฮีที่เคยถ่ายไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ

<เป้าหมาย: จัดเก็บตัวอย่างชีวภาพสามชนิด ของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ริมป่าเบอร์มิวด้า>

“ตัวอย่างชีวภาพสามชนิด แค่ได้ไอ้นี่มาก็พอไม่ใช่หรือ”

“…”

ชาโซฮีเงียบไปชั่วขณะ คล้ายกับสมองกำลังประมวลผล

“นายอยากช่วยฉันมากขนาดนั้นเชียว? ประทับใจนิดหน่อยนะ”

“สามร้อย… มันมากพอที่จะไปเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบหรูหรา”

“…สามร้อยสินะ ก็พอรับได้ ตกลง… ว่าแต่นายคิดจะทำยังไง”

“ฉันจะไป และรวบรวมพวกมันกลับมาให้”

ถึงจะไม่แน่ใจว่าตัวอย่างสามชนิดหมายถึงอะไร และมาตรฐานอยู่ตรงไหน แต่ถ้าจับสัตว์เป็นๆ มาได้สามชนิด นั่นก็จะเทียบเท่ากับสามตัวอย่างหรือมากกว่าไม่ใช่หรือ?

“แค่สามก็พอสินะ…”

ในตอนที่ฉันอาศัยอยู่ต่างโลก มีหลายวันที่จับสัตว์ได้มากกว่าสามสิบตัว

* * *

เมื่อความคิดดำเนินมาถึงจุดนี้ ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะนิ่งนอนใจและประวิงเวลา ผนวกกับการที่ธรรมชาติของฉันคือนักสำรวจ การอยู่นิ่งๆ อาจทำให้ร่างกายส่งเสียงกรีดร้อง

“ค่อยพักหลังจากจบงานนี้ก็แล้วกัน”

ฉันเหลือเงินในบัญชีไม่ถึงห้าร้อย ถ้าได้มาอีกสามร้อย คุณภาพชีวิตในการพักผ่อนก็จะดีขึ้น สบายมากขึ้น

แม้จะต้องวกกลับไปที่ต่างโลกอีกครั้ง แต่ฉันก็มองว่ามันคุ้มค่า

ต้องไปที่ประตูมิติในกรุงโซลสินะ…

“ถ้านายไปในสภาพนี้ คงไม่ผ่านการคัดกรอง”

“คัดกรองอะไร? เป็นสนามบินหรือไง?”

“ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะได้ผ่านประตูมิติ พวกเขามีวิธีคัดกรองในแบบของตัวเอง”

สรุปก็คือ ฉันต้องสอบก่อน

โชคดีที่มีการจัดสอบในทุกสัปดาห์ และประกาศผลในทันที

การสอบมีสองประเภท ใบอนุญาตสำรวจ และใบอนุญาตท่องเที่ยว

แน่นอน ฉันต้องการใบอนุญาตสำรวจ

<คังซอนฮู>

[การปรับตัวเข้ากับพิษ: บวก (ผ่าน) ]

[การทดสอบถัดไป: ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย]

“หลังจากสอบภาคปฏิบัติ ยังต้องมีการสอบรอบที่สองเพิ่มเติม?”

“ถ้าสอบภาคปฏิบัติได้คะแนนมากกว่าแปดสิบ ก็ไม่ต้องสอบเพิ่มเติม… แปดสิบคะแนนนับว่าค่อนข้างยาก แต่การสอบให้ผ่านนั้นไม่ยากเท่าไร แค่มีสมาธิและจริงจังก็พอ”

“สอบผ่านไม่ยาก? ทำไมการสอบไปต่างโลกถึงไม่ยาก?”

“นั่นก็แค่ระดับพื้นฐาน การเดินทางไปยังต่างโลกใช่ว่าจะเผชิญอันตรายในทันที… แต่ถ้านายคิดจะทำภารกิจอันตราย ก็ต้องสอบเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับใบอนุญาต”

เข้าใจแล้ว เป็นบททดสอบขั้นพื้นฐาน ที่ช่วยคัดกรองไม่ให้คนตายทันทีที่เหยียบต่างโลกสินะ

“เตรียมอุปกรณ์มาแล้วใช่ไหม”

…อุปกรณ์?

<จากผู้คุมสอบ… การทดสอบภาคปฏิบัติของวันนี้กำลังจะเริ่มขึ้น กรุณารีบมาที่ศูนย์ทดสอบทันทีหลังจากลงทะเบียนเสร็จ>

“ฉันต้องไปแล้ว”

“เดี๋ยว! สิ่งที่นายต้องเตรียมก็คือ…”

ฉันรู้ว่าต้องเตรียมอะไร

แค่คิดว่ามันไม่จำเป็น

ห้องสอบคือหอประชุมโรงเรียนแห่งหนึ่ง

หากมองไม่เห็นเครื่องไม้เครื่องมือ ก็คงไม่ทราบว่าเป็นศูนย์จัดสอบ

ผู้คนเดินถือสมุดบันทึกพลางอ่านเคล็ดลับ หรือไม่ก็มารวมตัวกันเพื่อพูดคุย แต่เกือบทุกคนจะถืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งในมือ

นั่นคือสิ่งที่ต้องเตรียม

ฉันทราบดีว่ามันคืออะไร แค่อยากยืนยันจุดประสงค์การใช้งานให้แน่ใจ จึงตัดสินใจถามคนที่เดินผ่าน

“ขอโทษนะครับ มันคืออะไรหรือ”

“หือ?”

ชายผู้น่าจะมีอายุราวยี่สิบตอนต้น ยกอุปกรณ์ในมือขึ้น ลักษณะคล้ายสมาร์ตโฟนแบล็กเบอร์รี่

“นี่หรือ? เครื่องตรวจจับคริสตัล”

“เรื่องนั้นผมรู้… แต่คุณไว้ใช้ทำอะไร”

“ในต่างโลกจะพบหินคริสตัลหลากสีอยู่เป็นระยะ เจ้านี่เปรียบดังเข็มทิศที่คอยตรวจจับและระบุตำแหน่งปัจจุบันของเรา นอกจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นเรดาร์ตรวจจับอันตรายรอบตัว คุณไม่ได้พกมาหรือ”

“ครับ… ก็เอกสารไม่ได้บังคับให้นำเข้าสอบ”

“เอ่อ… มันก็จำเป็นอยู่นะ เหมือนกับคุณไม่ได้นำเครื่องคิดเลขเข้าสอบวิชาบัญชี”

อุปกรณ์ชิ้นนี้ ราคาต่ำสุดที่เคยเห็นคือหนึ่งแสนวอน

ฉันไม่คิดจะนำเงินไปใช้กับของไร้ประโยชน์อยู่แล้ว

“ทุกคน มารวมตัว!”

ฉันมองไปทางเครื่องจักรที่ผู้คุมสอบกำลังเดินเข้าใกล้ ในหัวครุ่นคิดในหลายสิ่ง

มนุษย์สร้างของแบบนี้ขึ้นมาสินะ

“พวกคุณคงได้เห็นในเอกสารที่แจกไปแล้ว แต่ผมจะอธิบายสั้นๆ ให้ฟังอีกครั้ง สิ่งที่ผมจับอยู่คือเครื่องกำเนิดรอยแยก มันสามารถเปิดประตูมิติไปยังพื้นที่เฉพาะเจาะจงบนต่างโลก ทางเราเตรียมสถานที่ทดสอบไว้ที่นั่น”

ฉันอ่านมันแล้วในเอกสารแจก ดูเหมือนว่ามนุษย์จะพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถควบคุมรอยแยกได้ดังใจ

“เมื่อไปถึงที่นั่น พวกคุณจะได้เผชิญอุปสรรคมากมาย… ค่าความเป็นพิษในสนามสอบจะต่ำกว่าเบสแคมป์*มาก ดังนั้น ถ้าคุณได้ผลสอบต้านพิษเป็นบวก ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง” (Base Camp)

ชั่วขณะหนึ่ง ผู้เข้าสอบและผู้คุมสอบสบตากัน

“หากใครไปถึงคริสตัลสีดำและกลับมายังโลกผ่านรอยแยกที่เปิดอยู่ การทดสอบถือเป็นอันเสร็จสิ้น… ข้อห้ามเดียวคือการใช้ความรุนแรงระหว่างผู้เข้าสอบ นอกนั้นไม่จำกัดวิธีการ”

กล่าวจบ เขาหมุนแป้นเครื่องกำเนิดรอยแยกทันที

“พวกเรามีเวลาไม่มาก ผมจะเริ่มเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงหรือสอบเกินเวลา ทางเรามีทีมช่วยเหลือที่จะพาทุกคนกลับอย่างปลอดภัย”

สายลมพัดกระโชก เสียงคล้ายไฟฟ้าลัดวงจรดังขึ้น ห้วงมิติเกิดรอยแยก

ฉันอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงความทรงจำขณะถูกส่งไปยังต่างโลก มันคล้ายกันมากจนทำเอาขนลุก

“ขอให้ทุกคนโชคดี”

ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้เข้าสอบกว่าหนึ่งร้อยคนวิ่งเข้าไปในรอยแยกมิติโดยพร้อมเพรียง

ระยะเวลาจำกัดคือห้าชั่วโมง

เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง เหลือผู้เข้าสอบเพียงสามคนที่ยังอยู่ใกล้กับฉัน จากกว่าร้อยคนที่วิ่งเข้ารอยแยกพร้อมกัน

“พวกเราถูกส่งมายังจุดที่แตกต่างกันสินะ ที่นี่คือ… ป่า?”

ปลายทางที่ฉันถูกส่งมาคือป่ารกทึบ อบอ้าวใกล้เคียงกับเขตที่ฉันเคยอยู่ เป็นอากาศร้อนชื้นที่คุ้นเคย

สามคนที่ถูกส่งมาใกล้กับฉัน ต่างคนต่างหยิบสิ่งที่เรียกว่า ‘เครื่องตรวจจับคริสตัล’ ออกมาและก้มมอง

ติ๊ด— ติ๊ด— ติ๊ด—

“คริสตัลที่ใกล้ที่สุด… อยู่ไกลจนน่าตกใจ”

“หืม… น่าจะคลาดเคลื่อนนะ ในระยะห้าสิบเมตรควรจะมีสักก้อนไม่ใช่หรือ”

“ใช่ ก็เหมือนกับ GPS มือถือ นี่เป็นการสอบครั้งที่สองของฉัน ปรกติแล้วจะมีคริสตัลอยู่ในระยะหนึ่งร้อยเมตรเสมอ เครื่องน่าจะแสดงผลผิด”

“แย่ชะมัด… ฉันไปก่อนนะ ขอให้ทุกคนสอบผ่าน”

ทุกคนก้าวไปในทิศทางที่แตกต่าง จนกระทั่งเหลือฉันยืนอยู่ตามลำพัง

รอยแยกปิดลงอย่างรวดเร็วทันทีที่ทุกคนถูกส่งเข้ามา ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดซึ่งไม่เหมาะกับผืนป่า

คนสุดท้ายที่เดินจากไป มองกลับมาที่ฉันพร้อมกับพึมพำ

[…จะสอบยังไงโดยที่ไม่มีเครื่องตรวจจับ]

อาจเบาเกินกว่าที่คนธรรมดาจะได้ยิน แต่สำหรับฉันแล้วไม่ใช่

ฉันหลับตาและเพ่งโสตประสาท

เสียงของทุกชีวิตที่ซ่อนอยู่ รวมถึงพลังเวทที่ไหลผ่าน ดังกระทบแก้วหูอย่างละเมียดละไม

สวบสวบ

แกร่กแกร่ก

จิ๊จิ๊จิ๊จิ๊

ประหนึ่งการเรียงภาพถ่ายในห้องมืด ฉันแบ่งประเภทของเสียงในหัวและจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

ระหว่างนั้น ฉันพบการสั่นสะเทือนของคริสตัลสีดำ

ฉันไม่มีทางลืมความรู้สึกอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เหมือนกับเส้นด้ายพลังเวทกำลังสั่นกระเพื่อม

ตอนนี้ แค่ต้องหาตำแหน่งของมันให้พบ

และแน่นอน ฉันมีวิธี

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ฉันถึงไม่พกเครื่องตรวจจับคริสตัลห่วยๆ ติดตัวมาด้วย

“มาร์คาม่าmarlkaama”

แกะรอย

ระบุทิศทาง

ทิศทาง… ใจกลางป่า…

“ทูรอสโตto rosto”

และขั้นตอนสุดท้าย สร้างรูปร่างให้มัน

“เดอโมห์สde mohs”

จุดแสงเล็กๆ ขยายตัวอย่างอ่อนโยน กลายเป็นรูปทรงคล้ายภูตจิ๋ว

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก , 고인물은 이계가 너무 쉽다
Score 8.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก หลังจากเอาตัวรอดในต่างโลกอย่างยากลำบากเป็นเวลานาน ในที่สุดคังซอนฮู นักผจญภัยมากประสบการณ์ก็มีโอกาสได้กลับมายังโลกมนุษย์ แต่กลับต้องพบว่า เวลาบนโลกเพิ่งผ่านไปเพียงสองปี และการสำรวจต่างโลกนั้นแทบไม่มีความคืบหน้าเลย ผู้คนแทบไม่มีข้อมูลของต่างโลก ไม่เพียงเท่านั้น ภาษารูนที่มนุษย์โลกสรรเสริญประหนึ่งเวทมนตร์ คังซอนฮูกลับใช้มันได้อย่างชำนาญราวกับภาษาแม่ แถมยังมีแวมไพร์สาวสวยปริศนา ผู้สามารถมองเห็น 'โฉม' ของดวงวิญญาณได้อีก ที่ผ่านมา คังซอนฮูใช้ชีวิตแบบใดกันแน่ และสิ่งใดอยู่เบื้องหลังการดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดหลายปีของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset