บรรยากาศในระหว่างมื้อกลางวันครั้งนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นแบบสุดๆ แต่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำการถ่ายทำ มันจะต้องมีอะไรดีๆ ให้ดูอย่างแน่นอน
คนพวกนั้นคิดว่าอันจื่อเฮ่าไม่รู้จักวิธีเข้าหาคนจริงๆ อย่างนั้นหรือ
น่าหัวเราะสิ้นดี! คนอย่างเขาจำเป็นไปต้องเอาอกเอาใจคนทั่วไปหรืออย่างไร ทำแบบนั้นก็มีแต่จะลดตัวเองลงไปสิไม่ว่า!
ที่สำคัญกว่านั้น ผู้กำกับคนนี้รู้จักการชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียเป็นอย่างดี ไม่ว่าไป๋อวี๋จะมีความสามารถมากแค่ไหน อิทธิพลที่เธอมีก็จำกัดอยู่แค่ไหนประเทศอเมริกาเท่านั้น ในขณะที่ถ้าใครสักคนอยากจะมีชีวิตรอดได้ในปักกิ่ง คนคนนั้นไม่ควรไปหาเรื่องบิ๊กบอสแห่งวงการบันเทิงอย่างโม่ถิง รวมถึงน้องสาวของเขาด้วย
แต่สิ่งที่ประชาชนกำลังพูดถึงในตอนนี้ล่ะ
พวกเขากำลังพูดว่าการแสดงของไป๋อวี๋นั้นหาตัวจับได้ยาก อีคิวก็สูง เรียกได้ว่าการจะหานักแสดงหญิงแบบเธอนั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง ที่จริงแม้แต่ถังหนิงเองก็ไม่อาจเทียบเคียงความสมบูรณ์แบบของไป๋อวี๋ได้ เพราะในหลายๆ ครั้ง อย่างน้อยถังหนิงจะแสดงอารมณ์ออกมานิดหน่อย ในขณะที่ไป๋อวี๋ไม่เคยมีจุดด่างพร้อยในเรื่องนี้เลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไป๋อวี๋จึงเป็นผู้หญิงที่เลิศเลอเพอร์เฟกต์ในสายตาทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าเดิมเกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ ‘ชายาหนิง’ เพราะเธอได้รับบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอยังคงยืนกรานที่จะถ่ายทำต่อและไม่ยอมให้การถ่ายทำเกิดความล่าช้าเพียงเพราะเธอเป็นซูเปอร์สตาร์
ขณะที่บรรดาแฟนคลับของไป๋อวี๋ดูคลิปเบื้องหลังการถ่ายทำละคร หัวใจของพวกเขาปวดร้าวจนต้องออกมาเรียกร้องให้ผู้กำกับดูแลนักแสดงสาวในฝันของคนทั้งชาติคนนี้!
เธอเป็นนักแสดงสาวในฝันของคนทั้งชาติ!
ทันใดนั้นแสงไฟต่างก็สาดแสงส่องสว่างไปยังไป๋อวี๋มากกว่าถังหนิง ‘อ้วนฉุ’ เพียงเพราะไป๋อวี๋ดูใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากกว่า
…
“ไร้สาระที่สุด! ไป๋อวี๋นี่น่าขยะแขยงเป็นบ้า” หลงเจี่ยหัวร้อนฉ่าขณะอ่านความเห็นต่างๆ บนโลกออนไลน์ แม้เธอจะกำลังตั้งท้อง ก็ยังคงรีบรุดมายังไฮแอทรีเจนซี่
“เธอกำลังท้องอยู่นะ ทำไมไม่ใจเย็นๆ หน่อยล่ะ” ถังหนิงกล่าวด้วยเสียงเข้ม “เธออยากให้ลูกเกิดมาขี้โมโหเหมือนเธอหรือไง”
“เรื่องนั้นถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วยเหรอคะ” หลงเจี่ยอึ้ง
“มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว เธอยังไม่ชินกับความเห็นแบบนี้อีกเหรอ” ถังหนิงช่วยประคองหลงเจี่ยลงนั่ง
“แต่มันไม่เคยน่ารังเกียจขนาดนี้นี่… คุณควรจะอ่านดูบ้างนะคะ ทุกคนต่างพากันพูดว่าผู้หญิงคนนั้นแสดงได้เก่งกว่าแล้วก็มีอีคิวสูงกว่าคุณ แถมตอนนี้ยังพูดถึงขนาดว่าหุ่นของผู้หญิงคนนั้นดีกว่าคุณด้วย คนพวกนั้นตาบอดไปหมดแล้วหรือไงกัน”
“ผู้คนต้องไม่แน่ใจอยู่แล้วเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นรูปร่างตอนนี้ของฉัน เธอช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหม”
อีคิวของถังหนิงนั้นถูกใช้เพื่อจัดการศัตรูมาตลอด เธอไม่เคยเอาอกเอาใจใคร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่คนจะพูดว่าไป๋อวี๋เข้ากับคนอื่นได้ดีกว่าเธอ
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่คนเขาพูดกัน เธอก็ยังมีโอกาสที่มากมายที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนพวกนั้นคิดผิด แล้วเธอจะรีบไปทำไมกันล่ะ
“แต่ฉันโกรธนี่คะ”
ถังหนิงเป็นคนนิ่งมาตลอดทำให้เธอเป็นคนคาดเดาได้อย่าง แต่การโต้กลับของเธอนั้นงดงามเสมอ
“ไม่ต้องใจร้อน เดี๋ยวมีอะไรดีๆ ให้ดูแน่นอน ใจเย็นๆ ไว้” ถังหนิงปลอบอีกฝ่าย
…
ไป๋อวี๋กำลังรุ่งโรจน์ในปักกิ่ง ส่งผลให้ไป๋หลินหลินผู้เป็นน้องสาวได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ในขณะนั้น ไป๋หลินหลินกำลังถ่ายทำอยู่ที่กองถ่าย แม้เธอจะไม่อาจโอ้อวดตัวเองต่อสาธารณะได้ แต่เธอก็ยังทำตัวหัวสูงได้ในกองถ่าย
เฉินซิงเยียนเป็นคนชอบอ่านบท ดังนั้นต่อให้บรรดาทีมงานไม่สนใจและไม่พูดคุยกับเธอ นั่นก็ยังเป็นเรื่องดี เพราะเธอสามารถใช้เวลาในการอ่านบทให้สมบูรณ์ได้มากกว่าเดิม
นับตั้งแต่ตอนที่อันจื่อเฮ่าถูกว่าร้ายเพราะเธอ เฉินซิงเยียนให้คำมั่นกับตัวเองว่าเธอจะสร้างชื่อให้ตัวเองเพื่อที่อันจื่อเฮ่าจะได้รับความเคารพไปด้วย
ไป๋หลินหลินมองดูเฉินซิงเยียนที่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ไป๋หลินหลินมีโอกาสมากมายที่จะเดินไปหาเรื่องอีกฝ่ายแต่เพราะเธอรู้ว่าเฉินซิงเยียนเป็นสตันต์และมีความสามารถด้านการต่อสู้ หญิงสาวจึงไม่กล้าทำอะไรเหมือนอย่างแต่ก่อน
เธอทำได้เพียงใช้อุบายเล็กๆ หน่อยๆ เพื่อสร้างความยุ่งยากให้เฉินซิงเยียนเท่านั้น
“ไป๋หลินหลิน ถึงตาเธอแล้ว เตรียมตัวเข้าฉากได้”
การถ่ายทำของผู้กำกับในวันนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก จนถึงจุดที่มีหลายคนโดนเขาตะโกนใส่ แม้แต่นักแสดงนำทั้งสองคนก็ยังโดนผู้กำกับต่อว่า นับประสาอะไรกับนักแสดงไร้ประสบการณ์อย่างไป๋หลินหลิน
“เธอแสดงเป็นหรือเปล่าเนี่ย
“เป็นหุ่นกระบอกหรือไง หน้าน่ะไปฉีดโบทอกซ์มาเกิดขนาดงั้นเรอะ ทำไมหน้าถึงได้แข็งแบบนั้น!
“เก่งแต่เรื่องหาเรื่องคนอื่น ไม่สนใจจะพัฒนาการแสดงให้มันได้มาตรฐานหรือไง
“ฉันไม่อยากถ่ายเธอแล้ว ไป๋หลินหลิน ไปพักจูนสมองให้มันเข้าที่สักสองวันไป”
ใบหน้าไป๋หลินหลินแดงเถือกหลังจากถูกต่อว่าจนต้องอับอาย ในเวลานั้น บรรดาทีมงานพยายามจะเข้ามาพูดปลอบใจเธอ พวกเขาใช้คางชี้ไปที่เฉินซิงเยียนและกล่าว “รอดูเถอะ ยัยเด็กนั่นต้องเจอหนักกว่าแน่”
ไป๋หลินหลินสังเกตเห็นว่าเฉินซิงเยียนกำลังจะเริ่มถ่ายทำและรู้สึกสงบลงเล็กน้อย อย่างน้อยเธอก็เป็นนางรองและผู้กำกับต้องไว้หน้าเธอบ้าง เธออดใจรอดูเฉินซิงเยียนต้องอับอายคนทั้งกองถ่ายไม่ไหวแล้ว
“ทุกคนพร้อมนะ!”
เฉินซิงเยียนอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีน และเพื่อให้สมบทบาท เธอต้องตัดผมจนสั้นและมีรอยสักอีกนิดหน่อย ดูจากภายนอกแล้วเธอดูมีบุคลิกที่มีเอกลักษณ์มากทีเดียว
ฉากน่าตื่นเต้นที่พวกเขากำลังถ่ายทำมีส่วนที่เฉินซิงเยียนจะต้องแข่งรถยนต์อยู่ด้วย
ผลงานของผู้กำกับหวังขึ้นชื่อเรื่องความไร้เหตุผล ดังนั้นในภาพยนตร์คอเมดี้เรื่องนี้ ตัวละครของเฉินซิงเยียนจึงเป็นทอมบอยที่ทำตัวเกินจริง ทั้งกินเหล้า สูบบุหรี่ แข่งรถและมีเรื่องกับคนไปทั่ว ทุกอย่างที่ผู้ชายชอบทำ เธอจะรู้วิธีทำเช่นกัน
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้กำกับไม่ได้พอใจกับการแสดงของเฉินซิงเยียนเสียทีเดียว ที่จริงในระหว่างการถ่ายทำ ผู้กำกับถึงกับกระโดดออกจากที่นั่งพร้อมคิ้วขมวดย่น…
“ผู้กำกับกำลังจะระเบิดแล้ว!”
“ฮะๆๆ เฉินซิงเยียนกำลังจะโดนด่า”
แต่ผิดความคาดหมาย เพราะผู้กำกับพูดเพียงแค่ “ซิงเยียน จำตำแหน่งของเธอตรงซ้ายมือไว้ด้วย เธอโอเคแล้วล่ะ พยายามต่อไปนะ”
ทุกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
พวกเขาถูกตะโกนใส่ แต่ไม่เพียงเฉินซิงเยียนจะไม่โดนตะคอกเท่านั้น ผู้กำกับยังพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกับผู้กำกับ”
“ทำไมเขาไม่ตะโกนใส่เฉินซิงเยียนล่ะ”
ไป๋หลินหลินโกรธจนอกแทบระเบิดเพราะทุกอย่างไม่ออกมาอย่างที่เธอคาดคิด
ไม่เพียงแต่ผู้กำกับจะพูดชมเชยเฉินซิงเยียนเท่านั้น เขายังพูดกับทุกคนหลังจากเฉินซิงเยียนถ่ายเสร็จด้วยว่า “ถ้าฉันด่าเธอวันนี้ นั่นจะเป็นเพราะเธอไม่ใส่ใจในสิ่งที่สมควรใส่ใจ รังแกกันไปแล้วมันจะมีอะไรดี ทีมงานคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน อย่าบกพร่องในหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองเพราะผลประโยชน์เล็กน้อยแล้วมาเที่ยวดูถูกคนอื่น
“นับจากนี้พวกเธอควรดูตัวเองให้ดี ถ้าทำแบบนี้อีก ฉันจะไล่ออกทันที!”
ผู้กำกับหวังพูดจบปั๊บเขาก็ประกาศเลิกกอง
กระนั้นใบหน้าของทีมงานทุกคนกลับแดงเถือกด้วยความอับอาย
“ทำไมผู้กำกับหวังถึงได้ลำเอียงเข้าข้างเฉินซิงเยียนแบบนี้ล่ะ” ไป๋หลินหลินถามคนที่อยู่รอบตัวเธอด้วยความสับสน
“อาจเพราะเขาเห็นเฉินซิงเยียนถูกรังแกมากเกินไปก็ได้” ทีมงานคนหนึ่งยักไหล่
ไป๋หลินหลินไม่พอใจ แม้ทีมงานทุกคนจะต้อนรับเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้กำกับกำลังไม่ชอบขี้หน้าเธอ…
เฉินซิงเยียนมีโชคจริงๆ
แต่มันเป็นแค่โชคธรรมดาอย่างนั้นหรือ
อาจเป็นเพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาของไป๋หลินหลิน เธอไม่เคยเข้าใจเหตุผลที่แท้จริง เช่นเดียวกับพี่สาวของเธอที่รู้วิธีการเพียงแค่ผิวเผินและยังมีอีกหลายสิ่งที่เธอไม่อาจควบคุมได้