วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 752 ฉันจะเปลี่ยนตัวเธอออก!

ทันใดนั้น ถังหนิงได้กลับคืนสู่วงการและเป็นอีกครั้งที่ไป๋อวี๋ถูกข่มไว้ใต้เธอ

 

 

นี่เป็นเพราะทุกคนเริ่มตระหนักได้ว่าพวกเขาคิดผิดที่เปรียบเทียบถังหนิงกับไป๋อวี๋และคิดว่าทั้งสองนั้นมีส่วนคล้ายคลึงกัน ถังหนิงนั้นมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์แล้วไป๋อวี๋จะเอาอะไรมาเทียบได้กันล่ะ

 

 

ถูกต้องแล้ว ถังหนิงนั้นมีเอกลักษณ์และไม่ขึ้นกับใคร เธอไม่จำเป็นต้องเอาอกเอาใจใครก็ตามที่เธอพบ

 

 

ถังหนิงเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด เธอทำดีกับคนที่ดีกับเธอ

 

 

เมื่อเทียบกันแล้ว แม้ไป๋อวี๋จะเป็นคนแบบที่ยิ้มให้กับทุกคนและดูเข้าถึงได้ง่าย แต่เธอก็ยังดูค่อนข้างน่ากลัว เพราะเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเธอเคยแทงข้างหลังหรือสร้างเรื่องใส่ร้ายคนอื่นมากี่ครั้งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่พยายามเอาใจคนอื่นมักจะเป็นคนเจ้าวางแผน คนพวกนั้นไม่เคยจริงใจกับใครเพราะในหัวใจของคนเหล่านั้น ทุกคนก็เหมือนกันหมด

 

 

ถังหนิงโต้กลับได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบถึงไป๋หลินหลินและเฉินซิงเยียนที่กำลังอยู่ในกองถ่ายอีกด้วย

 

 

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ไป๋อวี๋ได้รับการสรรเสริญจากทุกคน ไป๋หลินหลินผู้เป็นน้องสาวก็ถูกมองด้วยความรักใคร่เช่นกัน ที่จริงแล้วคนที่ชอบไป๋หลินหลินก็ได้ร่วมดูถูกเฉินซิงเยียนด้วย แต่ตอนนี้ถังหนิงพลันปรากฏตัวขึ้นและลมได้เปลี่ยนทิศแล้ว ผู้คนในกองถ่ายที่เดิมสร้างความยุ่งยากมากมายให้เฉินซิงเยียนในที่สุดก็รู้จักควบคุมตัวเองและไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรกับเฉินซิงเยียนอีก ที่จริงบางคนถึงกับนำสิ่งของมาให้เฉินซิงเยียนเพื่อขออยู่ข้างเธอด้วย…

 

 

กระนั้นข้อดีของเฉินซิงเยียนในระหว่างช่วงเวลาเช่นนี้คือเธอเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นคนพวกนั้นจึงไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน

 

 

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไป๋หลินหลินเดินไปหาเฉินซิงเยียนและพูดกับอีกฝ่าย “เหอะ… แกคิดว่าตัวเองอยู่ๆ ก็สูงส่งขึ้นได้เพราะถังหนิงหรือไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถังหนิงก็คือถังหนิง แกไม่ใช่ถังหนิงสักหน่อย”

 

 

ได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวกับไป๋หลินหลิน “เธออาศัยความสำเร็จของพี่สาวตัวเองมาทำตัวหยิ่งยโสไม่ใช่หรือไง แล้วตอนนี้เป็นอะไรไปล่ะ เธอเป็นปลิงเกาะคนอื่นได้อยู่คนเดียวหรือไง”

 

 

“แก…”

 

 

“อีกอย่าง ในเมื่อพี่หนิงกลับเข้าวงการมาแล้ว นั่นหมายความว่าพี่สาวเธอไม่มีโอกาสเอาชนะพี่หนิงได้อีกแล้ว ถ้าเธอมีเวลามาทำตัวอิจฉาตาร้อนต่อหน้าฉันแบบนี้ เธอควรจะเอาเวลาไปพัฒนาการแสดงของตัวเองซะบ้าง!”

 

 

“เฉินซิงเยียน ฉันพนันได้เลยว่าแกต้องไปให้ท่าผู้กำกับมาแล้วใช่ไหม” ไป๋หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ไม่อย่างนั้นผู้กำกับจะทำดีกับแกขนาดนี้ไปทำไมในเมื่อเขายังตะคอกนางเอกเลย”

 

 

เฉินซิงเยียนได้ยินเช่นนั้น ก็คว้าแขนไป๋หลินหลินแล้วลากอีกฝ่ายไปหาผู้กำกับ “แน่จริงเธอพูดคำพูดเมื่อกี้หน้าผู้กำกับอีกทีสิ”

 

 

“นี่มันอะไรกัน” ผู้กำกับหวังถามขึ้นมาในทันที

 

 

“ฉัน…” ไป๋หลินหลินไม่เคยคิดว่าเฉินซิงเยียนจะลากเธอมาเผชิญหน้ากับผู้กำกับตรงๆ แบบนี้

 

 

“ไม่กล้าหรือไงล่ะ”

 

 

“แกกำลังแกล้งฉันเพราะแกมีถังหนิงคอยหนุนหลัง!” ไป๋หลินหลินทำตัวราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ

 

 

“ก็ได้ ถ้าเธอไม่พูด งั้นฉันจะพูดแทนเอง” เฉินซิงเยียนไม่คิดจะแสดงความปรานี เธอรู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะทำดีกลับพี่น้องไป๋แค่ไหน คนพวกนี้ก็ไม่มีว่ารู้สึกยินดีกับการกระทำเหล่านั้น ดังนั้นแทนที่จะทำอะไรแบบนั้น เธอน่าจะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองพอใจดีกว่า “ไป๋หลินหลินถามฉันเมื่อกี้ว่าผู้กำกับทำดีกลับฉันเพราะฉันให้ท่าเขาหรือเปล่า”

 

 

ใบหน้าผู้กำกับหวังเปลี่ยนเป็นแดงก่ำหลังได้ยิน ด้วยแรงเหวี่ยงแขนเพียงครั้งเดียว เขาตบเข้าที่ใบหน้าของไป๋หลินหลิน “บ้าเอ้ย! แน่จริงพูดอีกทีสิ พูดต่อหน้าฉันเลย”

 

 

หลังถูกตบ ไป๋หลินหลินช็อกจนพูดอะไรไม่ออก…

 

 

“ฉะ… ฉัน…”

 

 

“ถ้าเธอข้องใจว่าทำไมฉันถึงได้ทำดีกับซิงเยียนแล้วละก็ เธอควรจะดูการที่ซิงเยียนทำการบ้านในบทของตัวเองเสียบ้าง ซิงเยียนอยู่ที่นี่ในฐานะนักแสดงที่มีความจริงจัง แล้วเธอละอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร เธอแค่มาสุมหัวแล้วทำตัวจองหองไปวันๆ แล้วกล้าดียังไงมาเรียกร้องว่าฉันลำเอียงเข้าข้างซิงเยียน เธอคิดว่าครูบาอาจารย์เขาจะมานั่งใส่ใจนักเรียนที่ห่วยที่สุดของตัวเองหรือไง ไป๋หลินหลิน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันจะฟ้องเธอข้อหาหมิ่นประมาท ฉันมีครอบครัวมีภรรยา ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาพูดจาใส่ร้ายฉันแบบนี้!”

 

 

เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับหวังกำลังโกรธจริงๆ

 

 

“อีกอย่างนะไป๋หลินหลิน ฉันไม่คิดว่าเธอเหมาะกับหนังของฉัน งั้นเธอควรจะออกไปจากที่นี่ซะ…”

 

 

“ผู้กำกับคะ… แบบ… แบบนี้คุณหมายความว่ายังไง”

 

 

“ฉันหมายความว่า ไสหัวไปซะ! หนังเรื่องนี้ไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว ฉันจะเปลี่ยนตัวเธอออก!” ผู้กำกับส่งเสียงขับไล่ด้วยความทรงอำนาจ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะส่งเสียง แม้แต่ทีมงานที่มักจะอยู่ข้างไป๋หลินหลินเสมอในเวลานี้ยังทำได้เพียงเอาตัวเองให้รอด

 

 

“ผู้กำกับคะ ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ!” ไป๋หลินหลินไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน และไม่เคยมีใครทำลายความเชื่อมั่นในตัวเองของเธอแบบนี้เช่นกัน แต่…

 

 

…วงการนี้นั้นเลือดเย็น

 

 

“แม้แต่พี่สาวของเธอยังถูกเขี่ยทิ้งเพียงชั่วพริบตา แล้วเธอคิดว่าตัวเองจะรอดอย่างนั้นเหรอ” พูดจบ ผู้กำกับหวังก็หันหลังเดินจากไป

 

 

ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์ที่ไป๋หลินหลินถูกไล่ออก ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มประเมินความสามารถของเฉินซิงเยียนใหม่

 

 

ไป๋หลินหลินวิ่งขอความช่วยเหลือไปทั่วแต่ไม่มีใครกล้าต่อกรกับผู้กำกับหวัง ยกเว้นแต่คนคนนั้นจะรนหาที่ตาย…

 

 

แม้เฉินซิงเยียนจะรู้สึกเวทนาไป๋หลินหลิน เธอเลือกที่จะคว้าบทของตัวเองและกลับไปยังที่นั่ง ไป๋หลินหลินเกลียดเฉินซิงเยียนมาก ดังนั้นเธอจึงกระโจนเข้าไปหวังจะทำร้ายอีกฝ่ายแต่…

 

 

… เฉินซิงเยียนไม่ได้มีแค่ทักษะด้านการต่อสู้ เธอยังมีอันจื่อเฮ่าเป็นโล่อีกด้วย

 

 

ดังนั้นทันทีที่ไป๋หลินหลินกระโจนเข้าใส่ อันจื่อเฮ่าจึงสกัดเธอลงไปกองกันพื้น

 

 

“เฉินซิงเยียน ฉันเกลียดแก… ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำในวันนี้เป็นพันๆ เท่า”

 

 

อันจื่อเฮ่าไม่สนใจอีกฝ่ายก่อนจะหันไปชมเชยเฉินซิงเยียน “ทำได้ดีมาก!”

 

 

เฉินซิงเยียนยิ้มด้วยความมั่นใจก่อนจะก้มหน้าลงศึกษาบทที่อยู่ในมือต่อ ในความเป็นจริง เธอรู้ดีกว่าเธอกำลังเกาะความสำเร็จของถังหนิงในเหตุการณ์นี้ หากถังหนิงไม่ได้กลับคืนสู่วงการ ก็คงเป็นเรื่องยากที่เธอจะจัดการกับไป๋หลินหลินเหมือนอย่างที่เธอทำในวันนี้…

 

 

เมื่อเห็น่วาเหตุการณ์ไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้ว ไป๋หลินหลินจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาและโทรหาไป๋อวี๋ “พี่… พี่ต้องทวงความยุติธรรมให้ฉันนะ”

 

 

แต่ไป๋อวี๋ไม่อยู่ในโหมดที่จะมาจัดการปัญหาต่างๆ ของไป๋หลินหลิน

 

 

หลังจากไป๋อวี๋กลับมาถึงโรงแรมก่อนหน้านี้ เธอดูโฆษณาของถังหนิงและดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่านับสิบๆ ครั้ง

 

 

เธอไม่เคยคาดคิดว่าถังหนิงจะเจ้าวางแผนถึงขนาดนี้

 

 

ก่อนอื่นถังหนิงปล่อยให้ไป๋อวี๋เที่ยวโอ้อวดต่อหน้าทุกคนและปล่อยให้เธอเพิ่มพูนความยกย่องจากคนทั้งประเทศ หลังจากนั้นเธอฉวยโอกาสในชั่วขณะเดียวในการสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน แผนการของเธอแยบยลยิ่งกว่าและสมเป็นภรรยาของโม่ถิงจริงๆ

 

 

แต่กระนั้นก็ยังมีโอกาสอีกมาที่ทั้งสองจะได้ประชันกันในอนาคต ผู้ชนะคนสุดท้ายยังไม่ถูกตัดสิน

 

 

อาจเป็นเพราะในสายตาของไป๋อวี๋ เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่ายๆ ของถังหนิง

 

 

แต่ในความเป็นจริง ต่อให้ไป๋อวี๋ไม่ปรากฏตัวขึ้น ถังหนิงก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เป็นเพราะมีไป๋อวี๋อยู่ด้วยทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาสร้างผลกระทบมากกว่าเดิม

 

 

ขณะเดียวกัน ภายในห้องเสื้อผ้าห้องหนึ่ง ณ ไฮแอทรีเจนซี่ ถังหนิงหยิบชุดเดรสตัวหนึ่งที่เธอไม่ได้ใส่มานานขึ้นมาสวม มันให้ความรู้สึกราวกับเป็นชุดที่มาจากอีกช่วงชีวิตหนึ่ง…

 

 

ในขณะนั้นเอง โม่ถิงโอบเรียวแขนทั้งสองข้างของเขารอบตัวเธอจากด้านหลัง “คุณคิดจะใส่ชุดนี้ไปงานวันพรุ่งนี้งั้นเหรอ”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset