แม้ว่าบทน้องสาวที่สวี่ซินเล่นจะถูกตัวละครโรคจิตที่ถังหนิงเล่นช่วยไว้หลังจากมาถึงเกาะ แต่เธอก็ระวังตัวไม่น้อย โดยเฉพาะตอนที่หญิงสาวสองคนตั้งแคมป์ในดงหน้าหนาทึบ ในฉากตัวละครของถังหนิงนอนหลับอยู่บนต้นไม้และตัวละครน้องสาวพยายามทำร้ายเธอและหนีออกมา
อย่างไรก็ตาม สวี่ซินแสดงฉากนี้อยู่หลายครั้ง เมื่อเกี่ยวข้องกับอาการโรคจิตเป็นหลักฉากส่วนใหญ่จึงต้องถ่ายทำในระยะใกล้ เดิมทีฉากที่ถังหนิงโดนทำร้ายอยู่ในฉากต่อไปแต่เธอบอกผู้กำกับว่าสามารถแสดงทั้งสองฉากด้วยกันได้
“เยี่ยม ให้ถังหนิงลองดูทั้งสองแบบ” ผู้กำกับบอก
ได้ยินผู้กำกับว่าดังนั้นท่าทีของสวี่ซินก็เปลี่ยนไป
เธอไม่มั่นใจว่าถังหนิงจะถือโอกาสนี้ในการหาทางเอาคืนเธอหรือไม่
เป็นเหตุให้เธอพูดกับผู้กำกับ “ผู้กำกับคะ ถังหนิงจะทำร้ายฉันค่ะ!”
“พูดอะไรไร้สาระน่า ถังหนิงเป็นมืออาชีพ เธอจะทำอย่างนั้นได้ยังไง” คู่สนทนาถาม “เธอเสียเวลาพอหรือยัง”
“จริงๆ นะคะ… ผู้กำกับ”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เราจะเริ่มถ่ายทำกันทันทีที่ถังหนิงพร้อม”
ถังหนิงพยักหน้ารับและสลับบทบาทกับสวี่ซินทันที ทันใดนั้นเธอก็กลายเป็นน้องสาวผู้หวาดระแวง ด้วยทุกๆ การขยับตัวก่อนที่จะมีท่าทางวิตกกังวล
สวี่ซินรู้สึกอึ้ง เธอนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะแสดงบทบาทของเธอได้ดีขนาดนี้
ที่สำคัญที่สุดคือเธอสามารถถ่ายทอดความรู้สึกหวาดกลัว ระแวดระวัง และสิ้นหวังได้อย่างไร้ที่ติ ยิ่งในตอนที่เธอยกหินขึ้นเหนือศีรษะของสวี่ซินในตอนท้าย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ลงมือทุบจริงๆ แต่สวี่ซินก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัวพร้อมแข้งขาที่อ่อนแรง
“เยี่ยมมาก!” ผู้กำกับกล่าวชื่นชม “ถังหนิง เธอเป็นอัจฉริยะด้านการแสดงจริงๆ ”
ถังหนิงมองไปที่ผู้กำกับก่อนส่งยิ้มให้ จากนั้นจึงกลับมาเป็นตัวเองทว่าสวี่ซินกลับยังไม่หลุดมาจากความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“สวี่ซิน จำได้ว่าต้องทำยังไงแล้วใช่ไหม”
ในเวลานี้สวี่ซินทำได้เพียงจมอยู่กับอาการกลัวของตัวเอง เธอจะสามารถจดจ่อกับคำพูดของผู้กำกับแม้แต่คำเดียวได้อย่างไร
“ช่างมันเถอะ ไปพักก่อน ถังหนิงคงเหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
สวี่ซินไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่น้อยจนกระทั่งผู้ช่วยของเธอเข้ามาช่วยประคองเธอขึ้นมา ในตอนนี้หลินเฉี่ยนเข้ามาอยู่ข้างๆ ถังหนิงและถามขึ้นในขณะที่เอาเสื้อนอกมาคลุมให้เธอ “พี่หนิงคะ ทำไมอยู่ๆ พี่ถึงได้ลงมือล่ะคะ”
“เพราะว่าเธอปากไม่ดีนะสิ!” ถังหนิงว่าขึ้นด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อคำแนะนำก่อนหน้านี้ของสวี่ซิน
“ถ้าเธอมาขู่พี่เหมือนเดิมล่ะคะ”
“เธอไม่มีโอกาสที่จะทำร้ายฉันในฉากหรอก” ถังหนิงตอบอย่างมั่นใจ “ฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้คืนกับเรื่องทั้งหมด รวมถึงอุบัติเหตุในบ่อน้ำด้วย”
ก่อนหน้านี้เธอต้องการจะหาคนผิดเพราะสวี่ซินยังไม่ได้โผล่หัวออกมา แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนพาตัวเองมาอยู่ในเงื้อมมือของเธอ หากถังหนิงยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนก่อเรื่องเธอก็คงจะโง่เกินไป ใครในกองถ่ายจะเจ้าแผนการเท่าสวี่ซินอีกล่ะ
หลินเฉี่ยนไม่ได้ตอบอะไรกลับมาหากแต่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
เธอรู้ว่ามีคนอย่างสวี่ซินมากมายในวงการนี้…
… และถังหนิงเพียงแค่เจอหนึ่งในพวกเขาเท่านั้น
หลังจากถูกถังหนิงทำให้หวาดกลัว สวี่ซินก็ระแวงถังหนิงขึ้นมากหลังจากการแนพะนำในการถ่ายทำ ทว่าเมื่อคิดได้ว่าจริงๆ แล้วเธอกำลังเล่นบทผู้จู่โจมก็รู้สึกดีใจอยู่ในอก ถังหนิงได้อนุญาตให้เธอแสดงในแบบนั้น!
ดังนั้นแล้วเธอจึงแสดงอย่างที่ถังหนิงสาธิตให้ดูและใช้อุปกรณ์ทุบที่ศีรษะของเธอเหมือนนกที่สั่นกลัว แน่นอนว่ามันไม่ได้เจ็บจริงๆ แต่เธอก็ยังใส่แรงไปไม่ยั้ง
ในตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครของถังหนิงจะไม่ได้หมดสติแต่ยังลุกขึ้นมาและคิดว่าสวี่ซินต้องการจะฆ่าตัวเอง ก่อนลุกขึ้นคร่อมและเริ่มทุบตีเธออย่างบ้าคลั่ง
“ดีมาก อารมณ์ที่ปะทุออกมาของถังหนิงน่าทึ่งมาก”
ตอนนั้นเองในที่สุดสวี่ซินก็รู้ตัวว่าได้ตกหลุมพรางของถังหนิงเสียแล้ว อีกฝ่ายจงใจยั่วให้เธอทำแบบนี้…
และความปรารถนาของเธอที่จะสั่งสอนบทเรียนให้ถังหนิงก็รุนแรงจนลืมนึกถึงการตอบโต้ของตัวละครที่ถังหนิงเล่น
“ถังหนิง เธอนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ ”
ถังหนิงไม่ตอบกลับสักคำเดียว ทำเพียงจับคางของเธอก่อนลุกขึ้นยืน
น่ารังเกียจหรือ
“ถังหนิง เธอต้องแนะนำสวี่ซินให้บ่อยกว่านี้แล้วล่ะ ถ้าเธอมีเวลาว่างก็สอนเธอสักหน่อย…”
“ได้เลยค่ะ ผู้กำกับ” ถังหนิงตอบพร้อมรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม เธอจะไม่สอนว่าต้องแสดงอย่างไรหรอก แต่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าต้องมีความเป็นมนุษย์ได้อย่างไรต่างหาก
…
เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสามทุ่มแล้ว หลินเฉี่ยนช่วยพาถังหนิงกลับห้อง แต่ระหว่างทางกลับพบสวี่ซิน จริงๆ แล้วสวี่ซินตั้งใจตามเธอมา
“ถังหนิง อยากให้ฉันแฉความลับงั้นเหรอ”
ถังหนิงรู้สึกเหนื่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับสวี่ซิน หลินเฉี่ยนเข้าใจเธอจึงส่งสัญญาณบอกให้ถังหนิงกลับเข้าไปในห้องและทิ้งทุกอย่างให้เธอจัดการเอง
ตอนแรกสวี่ซินต้องการจะตามถังหนิงไปทว่าหลินเฉี่ยนรั้งเธอเอาไว้ “เธอต้องการอะไร”
“ฉันบอกถังหนิงไปชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไร บอกให้เธอมาที่ห้องฉันคืนนี้ตอนห้าทุ่ม ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งรูปที่มีให้สื่อ”
“ฉันไม่สนใจเรื่องห้าทุ่มอะไรของเธอหรอกนะ ที่ฉันรู้คือถ้าเธอทำอะไรสิ้นคิดฉันจะบอกให้นักแสดงและทีมงานทั้งหมดว่าเธอหลับนอนกับผู้กำกับ” หลินเฉี่ยนเอ่ยพร้อมเปิดกลุ่มสนทนาของกองถ่ายในโทรศัพท์ “สวี่ซิน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เลิกทำตัวเป็นคนน่ารังเกียจสักที ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวความอดทนของพี่หนิงจะหมดลงเสียก่อน”
“ดูเหมือนว่าถังหนิงอยากจะตกต่ำไปด้วยกันสินะ”
ตอนนี้หลินเฉี่ยนอยากรู้ว่าสวี่ซินจะมาไม้ไหนอีก เธอจึงอ่อนเสียงลงเล็กน้อย อีกฝ่ายคิดว่าเธอยอมลงให้แล้ว “เอาอย่างนี้ บอกฉันมาว่าเธอต้องการอะไรและมาดูกันว่าเราจะทำให้เธอได้ไหม”
“อืม… ฉันรู้ว่าเธอคงกลัว” สวี่ซินนึกไปว่าตัวเองข่มขู่หลินเฉี่ยนได้สำเร็จจึงมีท่าทีอวดดีขึ้นมาก “ก่อนหน้านี้มีงานที่ฉันพยายามคว้ามาอยู่ในมือ ปกเดือนพฤษภาคมของโกลบัลสไตล์น่ะ ฉันอยากให้ถังหนิงช่วยแนะนำฉันและช่วยให้ฉันได้งานนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเฉี่ยนก็พยักหน้ารับ “เราจะเก็บเรื่องนี้ไปคิด รอฟังข่าวแล้วกัน”
“อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ให้มันว่าง่ายๆ แบบนี้สิ” สวี่ซินหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ในขณะที่หลินเฉี่ยนไปบอกถังหนิงถึงสิ่งที่สวี่ซินต้องการ
“ถ้าเธออยากได้งั้นก็ติดต่อบรรณาธิการโกลบัลสไตล์เถอะ”
“หือ” หลินเฉี่ยนงุนงง
“บอกพวกเขาว่าห้ามใช้สวี่ซินไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” ถังหนิงออกคำสั่ง
คนฟังหัวเราะและหยักหน้ารับ “แต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไง ฉันจะโทรหารองประธานฟังและขอความช่วยเหลือจากเขาค่ะ”
การแสดงเด็ดๆ กำลังรออยู่ในพรุ่งนี้
สวี่ซินนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะติดต่อทางนิตยสารด้วยเรื่องร้ายๆ แทนที่จะช่วยเธออย่างที่คาดไว้…
เธอเกรงว่าถังหนิงจะตอบโต้กลับเพราะกุม ‘ความลับ’ ของอีกฝ่ายไว้ จึงตัดสินใจจะไม่ไปที่ห้องของผู้กำกับสักพักหนึ่ง ทว่าแม้เธอจะไม่ไปหาเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มาหาเธอ สวี่ซินเป็นกังวลแต่ก็ยังให้ผู้กำกับเข้ามาในห้อง โชคไม่ดีนักที่การทำเช่นนี้…
…จะพาให้เธอติดกับดักของถังหนิงอีกครั้ง