ผู้กำกับชั่งใจกับสถานการณ์ที่เกิดก่อนตัดสินใจหยุดยั้งสวี่ซินด้วยการกดดัน
เขาจึงต่อสายหานักเขียนบท หลังจากคุยกันมาครู่ใหญ่ในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามตลอดทั้งคืนสวี่ซินรู้สึกว่าทุกๆ วินาทีของเธอที่กองถ่ายช่างผ่านไปได้อย่างยากเย็น
ไม่เพียงแต่เธอจะนึกว่าโม่ถิงเป็นคนแปลกหน้าแต่ยังคิดว่าถังหนิงกำลังมีชู้และพยายามข่มขู่อีกฝ่ายด้วย
เพียงแค่คิดถึงมันก็ทำให้เธอขนลุก ถังหนิงวางแผนจะตอบโต้อย่างไรบ้างนะ
หลังจากคืนนั้นโม่ถิงกลับมาส่งถังหนิงที่โรงแรมและฝากให้หลินเฉี่ยนดูแลเธอ หลังจากโม่ถิงกลับไป หลินเฉี่ยนเอ่ยกับถังหนิง “ตอนนี้สวี่ซินนั่งอยู่ข้างสระว่ายน้ำโรงแรมค่ะ ขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย คุณอยากจะไปพบเธอไหมคะ เธอขอร้องให้คุณยกโทษให้อยู่ค่ะ”
“เธอเปิดเผยเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นรู้หรือยัง” ถังหนิงยกคิ้ว
“จากที่เธอพูดมา คนที่เห็นเหตุการณ์จะแค่พอคาดเดาได้ว่าเธอเห็นหลังประธานโม่และเข้าใจคุณผิดค่ะ มีเพียงแค่นั้น แต่การที่เธอเรียกร้องความเห็นใจจะทำให้คนอื่นคิดว่าคุณรังแกเธอจนทำให้เธอเที่ยวหวาดระแวงไปทั่วเท่านั้น”
“ฉันจะไม่ไปมีส่วนร่วมในเรื่องวุ่นวานนี้เพราะไม่อยากจะเสียเวลากับเธอไปมากกว่านี้แล้ว” ถังหนิงพูดขณะที่ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก “ปล่อยให้เธอเป็นอย่างนี้ของเธอต่อไปเถอะ”
หลินเฉี่ยนส่งยิ้มและพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็พักผ่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะกลับห้องของตัวเอง”
หลินเฉี่ยนรอให้ถังหนิงเดินแยกไป แต่ในจังหวะนี้เองที่จู่ๆ โทรศัพท์ของหลินเฉี่ยนก็ดังขึ้น หลังจากเหลือบมองว่าใครโทรมาเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่รับ ดูท่าทางแล้วต้องเป็นสายจากเฉวียนจื่อเยี่ยแน่
“ถ้าเธอไม่อยากจะสนใจเขาจริงๆ ทำไมยังเหลือช่องทางให้เขาจะติดต่อเธอได้อยู่ล่ะ”
เห็นได้ชัดว่าหลินเฉี่ยนยังสนใจเรื่องของเขาอยู่และไม่ได้มองเขาด้วยท่าทีรังเกียจเสียทีเดียว
“พี่หนิง…”
“เอาละ ฉันจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของเธอหรอกนะ” ถังหนิงเอ่ยก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป
หลินเฉี่ยนกลับมาที่ห้องและปล่อยสวี่ซินให้ทำร้ายตัวเองอยู่ข้างสระว่ายน้ำ ในที่สุดคนที่ผ่านไปมาก็พากันมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าหลังเห็นว่าถังหนิงไม่ได้ปรากฏตัวก็ดูออกว่าคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้สำคัญอะไรคนนี้ต้องกำลังพยายามพูดเข้าข้างการกระทำของตัวเองแน่ เมื่อเป็นอย่างนั้นคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอจึงไม่มีความหมายใดๆ
สวี่ซินยังคงเรียกร้องความสนใจจนกระทั่งกลางดึก อันที่จริงเธอตั้งใจจะดูปฏิกิริยาของผู้กำกับ หากแต่เห็นชัดๆ ว่าเขาทำกับเธอเหมือนเป็นแค่ผู้หญิงขายตัวที่ทำตัวง่ายๆ เท่านั้น
เธอตัวสั่นระริกท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืนแต่ไม่มีใครคิดจะสนใจเธอ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับไปที่ห้องของตัวเองและไม่ให้ใครมาทำกับเธอเหมือนเป็นตัวตลก
วันถัดมาสวี่ซินก้าวเข้ามาในกองถ่ายและสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของทุกคน เธอจึงยืดอกและเดินต่ออย่างมั่นใจ
เธอไม่ได้อะไรผิดเสียหน่อย
“สวี่ซิน…” เมื่อเห็นสวี่ซิน ผู้กำกับส่งเอกสารที่เขาเตรียมมาให้เธอ “นี่เป็นบทใหม่ที่นักเขียนบทให้มา มันมีผลต่อเวลาออกอากาศของทั้งเธอและถังหนิง เอาไปดูสิ”
อีกฝ่ายรับบทและพลิกเปิดดู นั่นเป็นตอนที่เธอพบว่าบทของเธอที่ควรจะอยู่จนถึงตอนจบของเรื่อง ตอนนี้กลับยอมสละชีวิตตัวเองทันทีที่ตามหาน้องสาวของตัวเองพบ ดังนั้นเวลาออกอากาศของเธอจึงถูกตัดออกครึ่งหนึ่ง
“ผู้กำกับคะ…” สวี่ซินต้องการรู้เหตุผลของผู้กำกับ แต่เขากลับหัวเราะออกมาและพูดขึ้น “นี่เป็นการตัดสินใจของนักเขียนบทน่ะ ฉันทำอะไรไม่ได้หรอกนะ แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน มีทีมผู้จัดที่ฉันรู้จักอยู่ ตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมถ่ายทำอยู่และฉันว่าจะแนะนำเธอให้พวกเขา แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่มีคิวว่าง ตอนนี้คงมีเวลาแล้วล่ะนะ” เขาใช้วิธีง่ายๆ ในการกำจัดนักแสดงที่น่ารำคาญออกไป
ไม่เพียงทีมผู้จัดจะยังเตรียมการทุกอย่างไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่ต่อให้การถ่ายทำพร้อมที่จะเริ่มแล้วและผู้กำกับได้แนะนำเธอไป ทางผู้จัดก็คงจะไม่ยอมรับเธออยู่ดี
ว่าแต่เธอจะไม่รู้ว่าผู้กำกับคิดอะไรอยู่จริงๆ หรือ
ดังนั้นเธอจึงเอ่ยกับเขาเบาๆ “ผู้กำกับคะ ฉันมีเรื่องบางอย่างจะพูดกับคุณค่ะ”
“ถ้าเธอมีเรื่องอะไรจะพูดก็บอกมาได้เลย” เขาตอบกลับ
“คุณไม่กลัวว่าฉันจะเปิดเผยเรื่องระหว่างเราสองคนให้คนอื่นรู้บ้างเหรอคะ”
“ฮ่าๆ สวี่ซิน ถ้าเธออยากทำลายตัวเองก็เชิญเลย ฉันสงสัยเหมือนกันว่าจะมีสักกี่คนที่เชื่อเธอ ต่อให้พวกเขาเชื่อ ฉันก็สงสัยว่าใครที่จะได้รับผลกระทบมากกว่ากัน ตัวฉันเองสามารถย้ายไปทำงานเบื้องหลังและไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนก็ได้ แล้วเธอล่ะ…
“ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมา เธอคิดว่าตัวเองจะยังอยู่ในวงการบันเทิงได้อยู่เหรอ”
“คุณ…”
สวี่ซินคิดไม่ถึงว่าเขาจะหน้าด้านกว่าเธอขนาดนี้
“จำสิ่งที่ตัวเองพูดตอนที่เข้ามาให้ท่าฉันครั้งแรกได้ไหม เธอบอกว่าไม่ต้องการอะไรจากฉันและเธอก็แค่เหงา… อย่าบอกนะว่าฉันเชื่อคำพูดพวกนั้นไปฝ่ายเดียว…”
สวี่ซินอ้าปากค้างพะงาบๆ ด้วยท่าทีที่ดูกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่เธอก็สมควรได้รับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้แล้ว อย่างไรเธอก็เป็นฝ่ายที่หาเรื่องกับคนที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวด้วย
หลังจากสะกดกลั้นอารมณ์ชั่วครู่เธอก็เก็บบทก่อนพูดขึ้น “ฉันหวังว่าคุณจะทำตามที่รับปากไว้และแนะนำฉันให้กับทีมผู้จัดอื่นๆ นะคะ”
“แน่นอน” ผู้กำกับตอบกลับด้วยทีท่าสบายๆ
ในตอนนั้นเองที่สวี่ซินรู้สึกเกลียดตัวเอง ตั้งแต่เธอเข้าวงการมาครั้งแรก แม้ว่าเส้นทางของเธอจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่มีใครรอดจากน้ำมือเธอไปได้ แต่ครั้งนี้เธอกลับต้องหลับนอนกับผู้กำกับหลายครั้งโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาแม้แต่น้อย
ทั้งหมดเป็นความผิดของถังหนิง
เมื่อเห็นว่าถังหนิงได้รับการให้เกียรติในกองถ่าย เธอก็ทำเหมือนตัวเองถูกกดขี่
ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ แม้ว่าเวลาออกอากาศของเธอจะถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่งแต่เธอก็จะหาโอกาสแก้แค้นให้ได้ เพราะถังหนิงทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้เธอก็จะทำให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อนเช่นกัน
ถังหนิง รอดูแล้วกันเ!
เพียงแค่มองอยู่ห่างๆ หลินเฉี่ยนก็ดูท่าทางของสวี่ซินออกอย่างชัดเจน และรู้ว่าผู้กำกับคงลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว จึงเข้าไปหาถังหนิงก่อนเอ่ย “ผู้หญิงคนนี้อาจจะลุกขึ้นมาต่อต้านคุณนะคะ จากนี้ไปเราคงต้องระวังตัวให้ดี”
“เธอคิดว่าถ้าเรายอมปล่อยเธอไปง่ายๆ แล้วเธอจะซาบซึ้งในความเมตตาอย่างนั้นเหรอ” ถังหนิงส่ายหน้าพร้อมเสียงหัวเราะ “ถ้าเธอรอดไปได้โลกก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับคนอื่นๆ เกินไปแล้วล่ะ แม้ว่าวงการนี้จะเต็มไปด้วยการแข่งขันก็ตาม”
“เข้าใจแล้วค่ะ จากนี้ไปฉันจะคอยจับตาดูเธอไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
สวี่ซินทำทีเหมือนไม่สนใจอะไร แต่เธอก็ไม่คิดจะยกโทษให้นักแสดงและทีมงานกอง ‘ผู้รอดชีพ’ เด็ดขาด…
หลังจากเหตุการณ์นี้สวี่ซินก็เงียบลงมาก แต่นั่นไม่ทำให้หลินเฉี่ยนเลิกเฝ้าระวังเธอ เพราะจากการคาดการณ์ของถังหนิง มันเป็นเพียงลมสงบก่อนพายุจะเข้าเท่านั้น
“สวี่ซินเกือบจะถ่ายทำฉากในส่วนของเธอเสร็จแล้ว ถ้าเธอฉลาดเธอจะตกลงรับข้อเสนอของผู้กำกับแล้วไปแสดงหนังเรื่องอื่น”
“แล้วคุณคิดว่าเธอจะทำตัวโง่ๆ ไหมคะ” หลินเฉี่ยนถาม
“เธอคิดว่าไงล่ะ” ดวงตาของถังหนิงฉายแววสุขุม “ถ้าเธอฉลาดเธอจะรู้ว่าการก่อเรื่องให้ผู้กำกับมีแต่จะทำให้เธอตกที่นั่งลำบากมากขึ้น”
“ฉันห่วงว่าเธอวางแผนจะทำให้ตกต่ำไปด้วยกันน่ะสิคะ” หลินเชี่ยว่าขึ้นสั้นๆ
ช่วงหลายวันที่ผ่านมาสวี่ซินจดจ่อกับการแสดงอย่างเต็มที่และไม่ได้พูดอะไรมาก ทำให้การคาดเดาของหลินเฉี่ยนเป็นไปได้สูง
“ฉันจะไปตามสืบดูว่าช่วงหลังๆ มานี้เธอไปพบใครบ้างหรือเปล่า”