วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 990 คุณวางแผนจะไปไหน

“แต่ถ้าไม่มีคุณ เราคงทำงานกันต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ถังหนิงระบายยิ้มออกมาขณะที่นอนอยู่บนเตียง “แต่ก่อนตอนที่ฉันเป็นแค่นางแบบเธอก็ดูแลได้นี่นา ทำไมต้องทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าฉันด้วยล่ะ หลินเฉี่ยนท้องอยู่ จะใช้งานเธอหนักมากไม่ได้นะ ตอนนี้จู้ซิงมีเดียอยู่ในมือเธอแล้วเธอจะทำอะไรกับมันก็ได้ หลงเจี่ย ฉันหวังว่าตอนที่ฉันกลับไป จู้ซิงมีเดียจะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงนะ”

“คุณวางแผนจะไปไหนคะ” หลงเจี่ยมองออกว่าถังหนิงต้องการไปที่ไหนสักแห่งและเริ่มตื่นตระหนก

“หลังจากฉันจัดการเรื่องของซย่าหันโม่จบและคลอดลูกสาว ฉันจะไปเรียบด้านภาพยนตร์แล้วก็หลักสูตรอื่นๆ น่ะ” ถังหนิงตอบ “ยังไงถ้าฉันไม่ได้เรียนเรื่องนี้จริงๆ จังๆ ฉันจะสร้างหนังที่ดีกว่านี้ได้ยังไงล่ะ”

หลงเจี่ยหัวเราะออกมา “ฉันว่าแล้วว่าคุณต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ คุณคือถังหนิงที่ฉันรู้จักตัวจริงเลยล่ะ”

อย่างไรก็ตามหลังจากเสียงหัวเราะจางหายไป เธอตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง “แต่ถ้าคุณไปอย่างนี้คงไม่มีใครได้ข่าวคราวจากคุณสักพักเลยนะคะ แล้วพอเวลาผ่านไปพวกเขาก็จะลืมคุณในท้ายที่สุด”

“ฉันเคยสนใจเรื่องพวกนั้นด้วยเหรอไง” ถังหนิงตอบ “ตอนนี้ฉันแบกความฝันของคนสองคนเอาไว้ ฉันควรช่วยให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง

“ส่วนหลินเฉี่ยน ตอนนี้เธอท้องอยู่ หลังจากเธอคลอดแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะกลับมาจู้ซิงมีเดียอยู่สู้เคียงข้างหลงเจี่ยได้นะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ” หลินเฉี่ยนขานรับ

จิตใจหลินเฉี่ยนลอยไปไหนต่อไหนด้วยความรู้สึกผิด เธอยังคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทางอ้อมให้ซย่าหันโม่ต้องตาย

หลังจากสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างทำให้หลินเฉี่ยนไม่สบายใจ ถังหนิงก็เอ่ยปลอบ “เธอได้มอบสิ่งที่หันโม่ต้องการที่สุดกับเธอไปแล้ว เธอไม่ได้ฆ่าหันโม่สักหน่อย การให้อภัยของเธอเป็นการปลดปล่อยหันโม่นะ”

“ถ้าอย่างนั้น…เราต้องทำยังไงถึงจะปลดปล่อยคุณได้ล่ะคะ”

“ทั้งสองคนเลิกพูดจาอ้อมค้อมได้แล้ว ไหนบอกพวกเรามาสิคะ ถังหนิง ว่าคุณจะไปเมื่อไหร่และจะกลับมาเมื่อไหร่”

“หลังจากจัดงานแถลงข่าว ฉันจะประกาศถอนตัวจากวงการ และเมื่อมดราชินีเริ่มเข้าฉาย ฉันจะกลับมา”

เมื่อได้ฟังดังนั้นหลงเจี่ยก็พยักหน้ารับ “ฉันมั่นใจในตัวคุณเพราะคุณคือถังหนิง ต่อให้คุณต้องเจอกับอุปสรรคฉันก็รู้ว่าคุณจะยืนหยัดและผ่านมันไปได้ค่ะ

“แล้วคุณจะจัดงานแถลงข่าวเมื่อไหร่ล่ะคะ”

“วันมะรืนนี้น่ะ” ถังหนิงตอบพร้อมดวงตาที่ฉายแววคาดเดาได้ยาก

เธอติดค้างคำอธิบายกับทั้งซย่าหันโม่และแฟนๆ ของเจ้าตัว

แน่นอนว่าเธอได้ตัดสินใจครั้งสำคัญไว้แล้วเช่นกัน

เมื่อถังหนิงประกาศว่าเธอจะจัดงานแถลงข่าว มันได้สร้างความฮือฮาในปักกิ่งไม่น้อย เมื่อเร็วๆ นี้มีบางคนออกมาเรียกร้องให้เธอออกมาชี้แจง ใครจะไปนึกว่าพวกเขาจะถูกตอบโต้กลับเร็วถึงเพียงนี้

[ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าถังหนิงจะยอมจำนนกับความกดดันของคนภายนอกน่ะ ไม่ค่อยได้เห็นอย่างนี้บ่อยๆ นะเนี่ย]

[ครั้งนี้มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ แม้แต่ไห่รุ่ยยังติดร่างแหไปด้วย ดังนั้นเธอจะออกมาก็ไม่แปลกหรอก ไม่อย่างนั้นคนดูจะสนับสนุนศิลปินของไห่รุ่ยต่อไปได้ยังไง]

[ฉันล่ะอยากจะเห็นว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก]

ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะเห็นถังหนิงเสียน้ำตาต่อหน้ากล้อง ถึงอย่างไรครั้งนี้เธอเองก็เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตหนึ่งต้องสูญเสียไป

“ฉันชินกับการเห็นเธอออกมาโจมตีคนอื่น ครั้งนี้ฉันจะถ่างตารอดูเธอทำตัวน่าสงสารเลย”

ถังหนิงไม่ได้ตอบโต้กับผลตอบรับของผู้คน ทำเพียงสั่งห้ามไม่ให้ลัวเซิง ซิงหลาน และเพื่อนๆ ของเธอรวมถึงเป่ยเฉินตงและคนอื่นๆ ออกมาพูดปกป้องเธอ จะเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะอยู่ให้ห่างเท่าที่จะทำได้

กว่าพวกเขาจะมีชื่อเสียงมาถึงขนาดนี้ไม่ง่ายดายนัก เธอไม่ต้องการให้ใครต้องมาพังเพราะเธอ

สิ่งเดียวที่เพื่อนๆ ของถังหนิงทำได้จึงเป็นการอยู่เงียบๆ

อย่างไรเสียถังหนิงก็เป็นคนขอร้องให้พวกเขาทำอย่างนั้น

แม้กระนั้นฮั่วจิงจิงก็ยังทำในสิ่งที่พอจะทำในฐานะเพื่อนได้ และไปอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงที่ไฮแอทรีเจนซี

“บางครั้งฉันก็คิดถึงวันที่ฉันเดินอยู่บนเวทีเดินแบบเหมือนกันนะ ตอนนั้นเรายังเป็นแค่นางแบบตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้ประสาอยู่เลย เผลอแป๊บเดียวเธอก็กลายมาเป็นคนที่ทุกคนต้องแหงนหน้ามองแล้ว”

“แต่ฉันก็กำลังจะเป็นคนที่คนรุมเหยียดหยามเหมือนกันนะ” ถังหนิงตอบ “ชีวิตคนเรานี่ไม่แน่นอนจริงๆ”

“ฉันคิดถึงช่วงเวลาในอดีตของเรา คิดถึงถังหนิงที่ดึงฉันกลับมาจากความตาย เธอยังจำตอนที่ฉันพยายามฆ่าตัวตายได้ไหม”

“จำได้สิ” ถังหนิงพยักหน้าให้ “จิงจิง จริงๆ แล้วฉันเรียนรู้จากเธอเยอะเลยล่ะ ยิ่งเรื่องความกล้าในการเริ่มต้นใหม่ต่อให้ต้องเจ็บปวดมากี่ครั้งก็ตาม

“และตอนนี้ฉันก็ต้องการความกล้าหาญนั้น…”

“ฉันทำได้เธอก็ต้องทำได้สิ ฉันจะสั่งดอกไม้สำหรับงานแถลงข่าวของเธอให้ ไม่ว่าเธอจะวางแผนทำอะไรอยู่ ฟังอวี้และฉันจะคอยสนับสนุนเธอเอง” ฮั่วจิงจิงเอ่ยก่อนสวมกอดถังหนิง “อย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ! ฉันอยากจะเห็นถังหนิงที่แพรวพราวและมีพลังอีกครั้ง”

“เธอจะได้เห็นแน่”

เมื่อเธอนึกย้อนไปถึงเส้นทางที่เธอเดินผ่านมา ถังหนิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ฮั่วจิงจิงย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านเข้ามามีค่าขนาดไหนและคนเราไม่ควรก้าวถอยหลัง เธอจึงไม่อาจพ่ายแพ้ให้กับตัวเองในอดีตได้

ในเมื่อเธอกำลังทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เธอก็ควรมุ่งหน้าทำมัน ตราบใดที่เธอลงมืออย่างสุดความสามารถก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก!

อีกไม่นานจะถึงเวลาของงานแถลงข่าว ถังหนิงผ่านการแถลงข่าวมานับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าเธอจะตกเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง

ตั้งแต่การประกาศกลับมาแจ้งเกิดจนกระทั่งลาวงการ ถังหนิงรู้สึกว่าเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี

งานแถลงข่างถูกจัดขึ้นที่ห้องโถงหลักของไห่รุ่ย ภายในสามารถจุคนได้กว่าหลายพันคน โม่ถิงได้เตรียมเก้าอี้ไว้สำหรับสื่อมวลชน แน่นอนว่าเขาทำทุกอย่างนี้เพื่อความปลอดภัยของถังหนิง

สื่อรู้ดีว่างานแถลงข่าวที่จัดขึ้นในวันนี้เพื่อให้ถังหนิงออกมาให้คำตอบเรื่องของซย่าหันโม่

พวกเขาจึงตั้งตารอการแสดงของถังหนิง

ถังหนิงนั่งรอภายในห้องรับรอง มันเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอออกจากบ้านก่อนจะคลอดลูก เธอจึงอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีดำพร้อมใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง เพื่อการปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร้ที่ติ

“พร้อมหรือยังครับ” โม่ถิงถามเสียวแผ่วเบาขณะที่เข้ามาจากด้านหลังเธอ

ถังหนิงหันไปพยักหน้าให้ “ฉันพร้อมมานานแล้วค่ะ”

“อย่างนั้นก็ไปกันเถอะครับ”

นอกจากสื่อแล้วยังมีแฟนๆ ของซย่าหันโม่อยู่ในงานแถลงข่าวด้วย ทว่าไห่รุ่ยได้เตรียมการเฝ้าระวังล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ไม่มีใครสามารถเข้ามาทำร้ายถังหนิงในอาณาเขตของโม่ถิงได้

เวลาบ่ายสอง งานแถลงข่าวได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

โม่ถิงประคองถังหนิงขึ้นมาบนเวทีซึ่งเผชิญหน้ากับคนหลายร้อยคน ทว่าเธอกลับไม่ได้นั่งลงหากแต่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยและจ้องมองไปยังฝูงชน

เธอรู้ว่าคนพวกนี้กำลังรอฉีกทึ้งเธอเป็นชิ้นๆ

น่าเสียดายที่เธอทำให้เขาต้องกอดความผิดหวังกลับบ้านไปทุกครั้ง

ถังหนิงปรับไมโครโฟนก่อนกล่าวกับทุกคน “ฉันรู้ว่าทุกคนมาที่นี่เพื่อประณามว่าฉันทำผิด เพราะพวกคุณทุกคนคิดว่าการเสียชีวิตของซย่าหันโม่เป็นความผิดของฉัน…”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset