“
“ดังนั้นเราจะประชาสัมพันธ์หนังตามแผนที่วางไว้ต่อไป ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น” หลังได้ยินคำสั่งของถังหนิง หลงเจี่ยรู้สึกราวกับพวกเธอได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ถังหนิงผันตัวมาเป็นนักแสดงครั้งแรก “คุณยังจำที่โดนเหยียดหยามตอนที่แสดงหนังเรื่อง โง่ ได้ไหมคะ มีคนเยอะแยะที่รอให้คุณกลายเป็นจุดตกต่ำของวงการหนัง “แต่หลังจาก โง่ ไปจนกระทั่ง ผู้รอดชีพ ทุกๆ ผลงานที่คุณถ่ายทำก็สร้างปาฏิหาริย์ให้กับวงการหนังตลอด” “อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ มาตั้งใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่านะ” ถังหนิงเอ่ยย้ำ “อย่าไปจมปลักกับเรื่องในอดีตเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีทางเห็นตัวเองได้ชัดเจนหรอก อีกอย่างใครจะบอกได้ว่า มดราชินี จะไม่ล้มเหลวกันล่ะ” “หวังว่ามันจะเป็นไปด้วยดีนะคะ!” หลงเจี่ยลั่นขึ้น “ใครมันจะทำให้หนังของตัวเองเสื่อมเสียอย่างนั้นกันล่ะ” ถังหนิงมองปฏิกิริยาของหลงเจี่ยก่อนหัวเราะออกมา จากนั้นจึงดาวน์โหลดวิดีโอที่หันซิวเช่อปลอมขึ้นมาลงในโทรศัพท์ แม้ว่าเธอจะถูกถากถางเธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองสามารถหาเบาะแสของคนร้ายได้จากวิดีโอพวกนี้ แน่นอนว่าโม่ถิงได้สนับสนุนการตัดสินใจของถังหนิง… … บ่ายวันนั้นห้องนั่งเล่นของถังหนิงและโม่ถิงตกอยู่ในความว่างเปล่า หากแต่ข่าวบันเทิงกำลังถูกเปิดเอาไว้ “ถังหนิง เจ้าของรางวัลเฟยเทียนนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมสองสมัยซ้อน กำลังจะปล่อยผลงานชิ้นต่อไปของเธอออกมาสู่วงการภาพยนตร์ ทว่าไม่นานมานี้มีวิดีโอที่หลุดออกมาในโลกออนไลน์ ดูจากคุณภาพของวิดีโอที่หลุดออกมาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่น่าคาดหวังสักเท่าไหร่นัก วันนี้เราจึงพาทุกคนมาถึงไห่รุ่ยเพื่อสัมภาษณ์ประธานโม่ เผื่อว่าเราจะได้ข้อมูลที่เป็นที่แน่ชัดจากเขามากกว่านี้ค่ะ” ก่อนกล้องจะหันไปทางโม่ถิงที่กำลังเดินออกมาจากไห่รุ่ย “ประธานโม่คะ คุณช่วยยืนยันได้ไหมคะว่าวิดีโอที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์เป็นของจริงหรือเปล่า” “เดี๋ยวพวกคุณก็จะรู้ตอนที่ตัวอย่างหนังอย่างเป็นทางการออกมาเองครับ” โม่ถิงตอบ หลังจากเดินตามมากว่าหนึ่งดนาที นี่เป็นเพียงคำตอบเดียวจากเขา อย่างไรก็ตามมันเป็นคำตอบที่แทบจะไม่ใช่คำตอบแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเขาจะได้บอกใบ้อย่างอ้อมๆ ว่าวิดีโอนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ของถังหนิง อย่างไรเสียหากเป็นวิดีโอจากภาพยนตร์ของถังหนิงจริงพวกเขาคงไม่อาจทำตามแผนการตลาดเดิมได้ ดูเหมือนว่าจะยังมีข้อกังขาอีกมากกับความเป็นจริงเบื้องหลังวิดีโอที่หลุดออกมา ทว่าจากมุมมองของคนส่วนใหญ่ ถังหนิงเป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อการผลิตผลงานไซไฟที่ดี เธอยอมเดือดร้อนเพราะชีวิตของเฉียวเซิน อย่างไรก็ตามความตั้งใจกับความเป็นมืออาชีพไม่เหมือนกัน ถึงถังหนิงจะเป็นคนประณีตแต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์ของเธอจะล่มได้ เพราะมันไม่ได้เป็นภาพยนตร์ธรรมดาแต่เป็นภาพยนตร์ไซไฟ! ภาพยนตร์ไซไฟซึ่งยากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำหรือการตัดต่อ ผู้ชมสามารถเห็นผลที่ออกมาได้อย่างชัดเจน มันไม่สามารถหลอกสายตากันได้ ดังนั้นคนในวงการจึงไม่ได้ตั้งความหวังกับภาพยนตร์ไว้สูง ไม่ใช่เพราะถังหนิงไม่มีทักษะการแสดงหรือทุ่มเทไม่พอ หากแต่เป็นเพราะเธอเลือกเส้นทางที่ยากลำบากที่สุดต่างหาก ถังหนิงรู้ความจริงข้อนี้ดีมากกว่าใครๆ แต่มันจะมีความหมายอะไรกันล่ะ เธอมองรายชื่อภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉาย มีเรื่องหนึ่งน่าจับตามองกับอีกเรื่องที่ดูธรรมดา รวมถึงหนังทุ่มทุนสร้างจากอเมริกาอีกหนึ่งเรื่อง ในขณะที่ความคาดหวังในภาพยนตร์ของเธอได้ลดลง เมื่อเห็นดังนี้ถังหนิงรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา เธอจึงหัวเราะอย่างปลงตก ทำไมทุกครั้งที่เธอลองทำสิ่งใหม่ๆ ถึงต้องเจอกับสถานการณ์อย่างนี้ทุกทีไป ในขณะที่โม่ถิงกลับไม่ทุกข์ร้อนกับทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น หลังจากไห่รุ่ยทำการตรวจสอบตัวอย่างภาพยนตร์ครั้งสุดท้าย พวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยในอีกสามวันหลังจากนั้นในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด เป็นอีกครั้งที่ถังหนิงได้ดูถูกการท้าทายของหันซิวเช่อ มันทำให้หันซิวเช่อกรุ่นโกรธ! ส่วนเรื่องกลุ่มแฟนคลับถังหนิง หลงเจี่ยไม่ได้เปิดเผยอะไรให้พวกเขารู้อีก และไม่ได้ออกมาชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากแต่แม้ว่าวิธีการของหันซิวเช่อจะหลอกคนภายนอกได้ แต่มันไม่อาจเล็ดลอดสายตาพี่ชายของเขาไปได้ “ครั้งที่แล้วนายก็เกือบทำให้ฉันต้องคุกเข่าขอโทษแทนไปแล้ว คราวนี้คิดอะไรอยู่อีกล่ะ นายเป็นคนที่ปลอมวิดีโอนั้นขึ้นมาใช่ไหม” “พี่ครับ ผมติดหนี้บุญคุณพี่อยู่ไง” หันซิวเช่อจะแสดงความอ่อนแอให้เห็นเพียงเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายของตัวเองเท่านั้น “ชาติที่แล้วฉันต้องไปทำกรรมอะไรกับนายแน่ๆ เลิกซ่อนตัวแล้วกลับบ้านซะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายก็มีฉันอยู่ตรงนี้” พี่ชายของเขาว่าขึ้นอย่างอ่อนโยน “จากทุกคนบนโลกใบนี้ ฉันมั่นใจว่านายรู้ว่าฉันดีกับนายที่สุดแล้ว” ด้วยหันซิวเช่อขาดแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก พี่ชายของเขาจึงเป็นคนที่ทำหน้าที่ทั้งสอง เขารู้ว่าพี่ชายของตัวเองต้องยากลำบากกับแสดงอารมณ์ความรู้สึกของเขาจึงใจดีกับเขาเป็นพิเศษ ต่อให้หันซิวเช่อจะก่อเรื่องใหญ่โตขนาดไหนก็ยังพยายามที่จะเข้าใจและให้อภัยเขา เมื่อเป็นเรื่องหยุมหยิมหันซิวเช่อจึงไม่ยอมฟังใคร แต่พอเป็นเรื่องใหญ่เขายังต้องยอมฟังพี่ชายของเขา “ที่แท้นายก็จะคอยอาฆาตถังหนิงไปตลอดชีวิตเลยสินะ…” อันที่จริงทันทีที่พี่ชายของเขารู้ว่าหันซิวเช่อทำวิดีโอปลอมขึ้นมา เขาก็ตัดสินใจว่าจะย้ายน้องชายไปอยู่ที่อื่น เพราะเขารู้ว่าอีกไม่นานถังหนิงก็จะหาเขาเจอเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องรับประกันความปลอดภัยให้กับน้องชายของตัวเอง “แต่ต่อให้ไห่รุ่ยจะมาตามหานาย ฉันก็จะทำทุกทางเพื่อปกป้องและเลี่ยงไม่ให้นายเป็นอันตรายอยู่ดี!” หากมีใครสักคนถามว่าการตามใจจนเสียคนเป็นอย่างไร พี่ชายของหันซิวเช่อคงเป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยม “ฉันละไม่อยากจะเชื่อว่านายจะทำอย่างนี้ ต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อใส่ร้ายถังหนิงเลยหรือไง!” ดูจากท่าทีแล้วพี่ชายของเขาคงคิดว่าการกระทำของน้องชายงี่เง่าสิ้นดี หากแต่เขาเองก็รู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับถังหนิง! ไม่กี่วันถัดมาผ่านไปโดยที่ทั้งไห่รุ่ยและถังหนิงไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือตอบโต้วิดีโอปลอมนั้นแต่อย่างใด เพราะสำหรับถังหนิงแล้ววิดีโอพวกนี้แทบไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันโม่ถิงได้เตรียมการสำหรับการประชาสัมพันธ์ตัวอย่างหนังรอบแรกที่จะถูกปล่อยในอีก 3 วันซึ่งตรงกับบ่ายวันอาทิตย์ ด้วยเป็นวันหยุดผู้คนจึงมักมารวมตัวกันที่โรงภาพยนตร์ หลังจากโรงภาพยนตร์หลายแห่งตอบรับกับไห่รุ่ย พวกเขาจึงตกลงที่จะฉายตัวอย่างภาพยนตร์ทันที… ในบ่ายวันนั้น คอภาพยนตร์ทั้งหลายเข้ามาในโรงอย่างไม่ได้คาดหวัง เมื่อตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องแรกเริ่มฉาย พวกเขาต่างอึ้งไปในทันทีกับการปรากฏตัวของมดขนาดยักษ์บนหน้าจอ ในขณะที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจด้วยภาพที่น่าติดตามเกินทน หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยฉากน่าระทึกใจอื่นๆ ที่โลดแล่นบนหน้าจอ แต่ทุกคนกลับมุ่งความสนใจไปที่ใครบางคน… …นักแสดงนำชาย… ชายที่ทำให้คนต้องยำเกรง โม่ถิงนั่นเอง! ตามมาด้วยชื่อของผู้กำกับที่โผล่ขึ้นมา เฉียวเซินและอันจื่อเฮ่า! และชื่อของผู้สร้าง ถังหนิง! หลังจากตัวอย่างภาพยนตร์เป็นเวลายี่สิบวินาทีจบลง ชื่อภาพยนตร์ได้ฉายขึ้นกลางหน้าจอในท้ายที่สุด มดราชินี !
“ดังนั้นเราจะประชาสัมพันธ์หนังตามแผนที่วางไว้ต่อไป ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น”
หลังได้ยินคำสั่งของถังหนิง หลงเจี่ยรู้สึกราวกับพวกเธอได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ถังหนิงผันตัวมาเป็นนักแสดงครั้งแรก “คุณยังจำที่โดนเหยียดหยามตอนที่แสดงหนังเรื่อง โง่ ได้ไหมคะ มีคนเยอะแยะที่รอให้คุณกลายเป็นจุดตกต่ำของวงการหนัง
“แต่หลังจาก โง่ ไปจนกระทั่ง ผู้รอดชีพ ทุกๆ ผลงานที่คุณถ่ายทำก็สร้างปาฏิหาริย์ให้กับวงการหนังตลอด”
“อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ มาตั้งใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่านะ” ถังหนิงเอ่ยย้ำ “อย่าไปจมปลักกับเรื่องในอดีตเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีทางเห็นตัวเองได้ชัดเจนหรอก อีกอย่างใครจะบอกได้ว่า มดราชินี จะไม่ล้มเหลวกันล่ะ”
“หวังว่ามันจะเป็นไปด้วยดีนะคะ!” หลงเจี่ยลั่นขึ้น “ใครมันจะทำให้หนังของตัวเองเสื่อมเสียอย่างนั้นกันล่ะ”
ถังหนิงมองปฏิกิริยาของหลงเจี่ยก่อนหัวเราะออกมา จากนั้นจึงดาวน์โหลดวิดีโอที่หันซิวเช่อปลอมขึ้นมาลงในโทรศัพท์ แม้ว่าเธอจะถูกถากถางเธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองสามารถหาเบาะแสของคนร้ายได้จากวิดีโอพวกนี้
แน่นอนว่าโม่ถิงได้สนับสนุนการตัดสินใจของถังหนิง…
…
บ่ายวันนั้นห้องนั่งเล่นของถังหนิงและโม่ถิงตกอยู่ในความว่างเปล่า หากแต่ข่าวบันเทิงกำลังถูกเปิดเอาไว้
“ถังหนิง เจ้าของรางวัลเฟยเทียนนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมสองสมัยซ้อน กำลังจะปล่อยผลงานชิ้นต่อไปของเธอออกมาสู่วงการภาพยนตร์ ทว่าไม่นานมานี้มีวิดีโอที่หลุดออกมาในโลกออนไลน์ ดูจากคุณภาพของวิดีโอที่หลุดออกมาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่น่าคาดหวังสักเท่าไหร่นัก วันนี้เราจึงพาทุกคนมาถึงไห่รุ่ยเพื่อสัมภาษณ์ประธานโม่ เผื่อว่าเราจะได้ข้อมูลที่เป็นที่แน่ชัดจากเขามากกว่านี้ค่ะ”
ก่อนกล้องจะหันไปทางโม่ถิงที่กำลังเดินออกมาจากไห่รุ่ย
“ประธานโม่คะ คุณช่วยยืนยันได้ไหมคะว่าวิดีโอที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์เป็นของจริงหรือเปล่า”
“เดี๋ยวพวกคุณก็จะรู้ตอนที่ตัวอย่างหนังอย่างเป็นทางการออกมาเองครับ” โม่ถิงตอบ
หลังจากเดินตามมากว่าหนึ่งดนาที นี่เป็นเพียงคำตอบเดียวจากเขา อย่างไรก็ตามมันเป็นคำตอบที่แทบจะไม่ใช่คำตอบแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเขาจะได้บอกใบ้อย่างอ้อมๆ ว่าวิดีโอนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ของถังหนิง อย่างไรเสียหากเป็นวิดีโอจากภาพยนตร์ของถังหนิงจริงพวกเขาคงไม่อาจทำตามแผนการตลาดเดิมได้
ดูเหมือนว่าจะยังมีข้อกังขาอีกมากกับความเป็นจริงเบื้องหลังวิดีโอที่หลุดออกมา
ทว่าจากมุมมองของคนส่วนใหญ่ ถังหนิงเป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อการผลิตผลงานไซไฟที่ดี เธอยอมเดือดร้อนเพราะชีวิตของเฉียวเซิน อย่างไรก็ตามความตั้งใจกับความเป็นมืออาชีพไม่เหมือนกัน ถึงถังหนิงจะเป็นคนประณีตแต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์ของเธอจะล่มได้
เพราะมันไม่ได้เป็นภาพยนตร์ธรรมดาแต่เป็นภาพยนตร์ไซไฟ!
ภาพยนตร์ไซไฟซึ่งยากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำหรือการตัดต่อ ผู้ชมสามารถเห็นผลที่ออกมาได้อย่างชัดเจน มันไม่สามารถหลอกสายตากันได้
ดังนั้นคนในวงการจึงไม่ได้ตั้งความหวังกับภาพยนตร์ไว้สูง
ไม่ใช่เพราะถังหนิงไม่มีทักษะการแสดงหรือทุ่มเทไม่พอ หากแต่เป็นเพราะเธอเลือกเส้นทางที่ยากลำบากที่สุดต่างหาก
ถังหนิงรู้ความจริงข้อนี้ดีมากกว่าใครๆ แต่มันจะมีความหมายอะไรกันล่ะ
เธอมองรายชื่อภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉาย มีเรื่องหนึ่งน่าจับตามองกับอีกเรื่องที่ดูธรรมดา รวมถึงหนังทุ่มทุนสร้างจากอเมริกาอีกหนึ่งเรื่อง ในขณะที่ความคาดหวังในภาพยนตร์ของเธอได้ลดลง เมื่อเห็นดังนี้ถังหนิงรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา เธอจึงหัวเราะอย่างปลงตก ทำไมทุกครั้งที่เธอลองทำสิ่งใหม่ๆ ถึงต้องเจอกับสถานการณ์อย่างนี้ทุกทีไป
ในขณะที่โม่ถิงกลับไม่ทุกข์ร้อนกับทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น หลังจากไห่รุ่ยทำการตรวจสอบตัวอย่างภาพยนตร์ครั้งสุดท้าย พวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยในอีกสามวันหลังจากนั้นในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด เป็นอีกครั้งที่ถังหนิงได้ดูถูกการท้าทายของหันซิวเช่อ
มันทำให้หันซิวเช่อกรุ่นโกรธ!
ส่วนเรื่องกลุ่มแฟนคลับถังหนิง หลงเจี่ยไม่ได้เปิดเผยอะไรให้พวกเขารู้อีก และไม่ได้ออกมาชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
หากแต่แม้ว่าวิธีการของหันซิวเช่อจะหลอกคนภายนอกได้ แต่มันไม่อาจเล็ดลอดสายตาพี่ชายของเขาไปได้
“ครั้งที่แล้วนายก็เกือบทำให้ฉันต้องคุกเข่าขอโทษแทนไปแล้ว คราวนี้คิดอะไรอยู่อีกล่ะ นายเป็นคนที่ปลอมวิดีโอนั้นขึ้นมาใช่ไหม”
“พี่ครับ ผมติดหนี้บุญคุณพี่อยู่ไง” หันซิวเช่อจะแสดงความอ่อนแอให้เห็นเพียงเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายของตัวเองเท่านั้น
“ชาติที่แล้วฉันต้องไปทำกรรมอะไรกับนายแน่ๆ เลิกซ่อนตัวแล้วกลับบ้านซะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายก็มีฉันอยู่ตรงนี้” พี่ชายของเขาว่าขึ้นอย่างอ่อนโยน “จากทุกคนบนโลกใบนี้ ฉันมั่นใจว่านายรู้ว่าฉันดีกับนายที่สุดแล้ว”
ด้วยหันซิวเช่อขาดแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก พี่ชายของเขาจึงเป็นคนที่ทำหน้าที่ทั้งสอง
เขารู้ว่าพี่ชายของตัวเองต้องยากลำบากกับแสดงอารมณ์ความรู้สึกของเขาจึงใจดีกับเขาเป็นพิเศษ ต่อให้หันซิวเช่อจะก่อเรื่องใหญ่โตขนาดไหนก็ยังพยายามที่จะเข้าใจและให้อภัยเขา
เมื่อเป็นเรื่องหยุมหยิมหันซิวเช่อจึงไม่ยอมฟังใคร แต่พอเป็นเรื่องใหญ่เขายังต้องยอมฟังพี่ชายของเขา
“ที่แท้นายก็จะคอยอาฆาตถังหนิงไปตลอดชีวิตเลยสินะ…”
อันที่จริงทันทีที่พี่ชายของเขารู้ว่าหันซิวเช่อทำวิดีโอปลอมขึ้นมา เขาก็ตัดสินใจว่าจะย้ายน้องชายไปอยู่ที่อื่น เพราะเขารู้ว่าอีกไม่นานถังหนิงก็จะหาเขาเจอเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องรับประกันความปลอดภัยให้กับน้องชายของตัวเอง
“แต่ต่อให้ไห่รุ่ยจะมาตามหานาย ฉันก็จะทำทุกทางเพื่อปกป้องและเลี่ยงไม่ให้นายเป็นอันตรายอยู่ดี!”
หากมีใครสักคนถามว่าการตามใจจนเสียคนเป็นอย่างไร พี่ชายของหันซิวเช่อคงเป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยม
“ฉันละไม่อยากจะเชื่อว่านายจะทำอย่างนี้ ต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อใส่ร้ายถังหนิงเลยหรือไง!”
ดูจากท่าทีแล้วพี่ชายของเขาคงคิดว่าการกระทำของน้องชายงี่เง่าสิ้นดี หากแต่เขาเองก็รู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับถังหนิง!
ไม่กี่วันถัดมาผ่านไปโดยที่ทั้งไห่รุ่ยและถังหนิงไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือตอบโต้วิดีโอปลอมนั้นแต่อย่างใด เพราะสำหรับถังหนิงแล้ววิดีโอพวกนี้แทบไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกันโม่ถิงได้เตรียมการสำหรับการประชาสัมพันธ์ตัวอย่างหนังรอบแรกที่จะถูกปล่อยในอีก 3 วันซึ่งตรงกับบ่ายวันอาทิตย์
ด้วยเป็นวันหยุดผู้คนจึงมักมารวมตัวกันที่โรงภาพยนตร์ หลังจากโรงภาพยนตร์หลายแห่งตอบรับกับไห่รุ่ย พวกเขาจึงตกลงที่จะฉายตัวอย่างภาพยนตร์ทันที…
ในบ่ายวันนั้น คอภาพยนตร์ทั้งหลายเข้ามาในโรงอย่างไม่ได้คาดหวัง เมื่อตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องแรกเริ่มฉาย พวกเขาต่างอึ้งไปในทันทีกับการปรากฏตัวของมดขนาดยักษ์บนหน้าจอ ในขณะที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจด้วยภาพที่น่าติดตามเกินทน
หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยฉากน่าระทึกใจอื่นๆ ที่โลดแล่นบนหน้าจอ แต่ทุกคนกลับมุ่งความสนใจไปที่ใครบางคน…
…นักแสดงนำชาย…
ชายที่ทำให้คนต้องยำเกรง โม่ถิงนั่นเอง!
ตามมาด้วยชื่อของผู้กำกับที่โผล่ขึ้นมา เฉียวเซินและอันจื่อเฮ่า!
และชื่อของผู้สร้าง ถังหนิง!
หลังจากตัวอย่างภาพยนตร์เป็นเวลายี่สิบวินาทีจบลง ชื่อภาพยนตร์ได้ฉายขึ้นกลางหน้าจอในท้ายที่สุด มดราชินี !
”