โม่ถิงกลับมาที่บ้านก็ได้ยินเรื่องการต้อนรับถังหนิงแสนเย็นชาที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เขาจึงตัดสินใจกล่าวปลอบเธอ “ใช้เวลากับเขาหน่อยเถอะครับ ยังไงการกระตุ้นคนที่หมดไฟก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ถ้าเขาต้องการเวลาพิจารณาเราก็ไปห้ามเขาไม่ได้หรอกครับ”
“เราควรเจอเขาให้เร็วกว่านี้ ความสามารถของเขาจะได้ไปสูญเปล่าอย่างนี้”
ได้ยินภรรยาว่าเช่นนั้น เขายื่นมือออกมาเชยคางเธอก่อนเอ่ยถามเสียงกระเส่า “คุณอยากจะเจอใครก่อนหน้านี้นะครับ”
หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่งถังหนิงรู้ตัวทันทีว่าประธานโม่กำลังหึงอยู่ “ประธานโม่คะ คุณไม่ใช่คนใจแคบไม่ใช่เหรอคะ”
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
ถังหนิงไม่ได้ตอบ แค่ตวัดแขนโอบรอบเอวเขาและวางมือลงบนแผงออกแน่นของอีกฝ่าย
“คุณยังโกรธอยู่เหรอคะ”
“มันยังจริงใจไม่พอไงครับ!” โม่ถิงว่าเสียงทุ้มก่อนอุ้มถังหนิงเข้าไปในครัว
“ทำไมเราไม่ไปในห้องนอนกันล่ะคะ” ถังหนิงอ้าปากค้างขณะที่โม่ถิงวางเธอลงบนเก้าอี้ในครัว
“คุณไม่คิดว่าห้องนอนมันไกลไปหน่อยเหรอครับ”
ทั้งคู่แต่งงานกันมานานจึงไม่เขินอายเมื่อพูดถึงเรื่องอย่างนี้อีกแล้ว แต่แน่นอนว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าปีศาจตัวน้อยสองคนเดินเข้ามาในห้องครัว โม่ถิงไม่ลืมที่จะล็อกประตูเอาไว้
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียงดัง ถังหนิงพยายามควบคุมตัวเองไว้เต็มที่ เธอแพ้ผู้ชายคนนี้อย่างหมดท่า แม้ว่าเขาจะเรียกร้องจากเธอนับครั้งไม่ถ้วนเธอก็ยังยอมเขา
เมื่อทั้งคู่เสร็จกิจเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงกลางดึกแล้ว หลังจากแสดงความรักให้กัน ถังหนิงนอนอยู่ในอ้อมแขนของโม่ถิงก่อนผล็อยหลับไป
โม่ถิงสุขล้นขณะอุ้มภรรยาที่รักกลับไปที่ห้องนอน พาเธอเข้าไปในห้องน้ำ ช่วยชำระล้างร่างกายก่อนจะวางลงบนเตียงให้เธอนอนหลับไป
จากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำและลงไปด้านล่างเพื่อดูว่าลูกทั้งสามคนก่อวีรกรรมอะไรไว้หรือไม่
โม่ถิงขึ้นไปบนเตียงในตอนที่เขากำลังจะเข้านอน หากแต่ในจังหวะนั้นเองที่เขาเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับบนหน้าจอโทรศัพท์ของถังหนิง เมื่อเห็นว่าเป็นสายของลู่เช่อ เขาค่อยๆ หยิบโทรศัพท์และโทรกลับ “เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านประธานครับ คุณผู้หญิงบอกให้ผมจับตาดูไป๋จวินเหยี่ยเอาไว้ แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อคืนนี้เขาจะกรีดข้อมือตัวเองอีกแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องฉุกเฉินครับ”
“นายอยู่ที่โรงพยาบาลไหน” โม่ถิงถาม
“โรงพยาบาลปักกิ่งครับ”
“เตรียมตัวควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
บางทีไป๋จวินเหยี่ยอาจทำเหมือนการมาเยือนของถังหนิงเป็นเรื่องน่าขัน ถึงอย่างไรเขาก็อุทิศตนให้กับงานศิลปะของตัวเอง และเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้สามารถช่วยและมอบโอกาสครั้งใหม่แก่เขาได้ แต่จะเป็นอย่างไรหากผู้ชายด้วยกันเองมาพูดกับเขาแทน
หลังจากจุมพิตถังหนิง โม่ถิงก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากบ้านไป
เขาอยู่ในชุดสูทลายขวางทรงย้อนยุคที่เสริมให้เขาดูสง่างามและดูดีเหมือนอย่างเคย หลังจากมาถึงโรงพยาบาล ลู่เช่อพาเขาไปที่ห้องของไป๋จวินเหยี่ยที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาทันที
ท่ามกลางความมืด เขาเห็นโม่ถิงก้าวเข้ามาในห้องก่อนหัวเราะ “มาอีกแล้วเหรอเนี่ย ครั้งนี้แขกของผมดูพิเศษมากกว่าเดิมซะอีก”
โม่ถิงไม่ได้ตอบโต้ในทันทีพลางเดินไปทางหน้าต่างก่อนเอ่ย “ลูกสาวของคุณคงไม่อยากให้คุณทำอย่างนี้หรอกครับ”
“คุณรู้ได้ยังไงล่ะ”
“เพราะผมก็มีลูกสาวเหมือนกัน!” โม่ถิงตอบ
“ผมละสงสัยว่าดึกป่านนี้ คุณกลับไม่ไปนอนกอดภรรยาอยู่ที่บ้าน แต่มาอยู่ที่ห้องคนไข้ของผมแทนเนี่ยนะ”
“จริงๆ เธอก็หลับไปแล้วล่ะครับ แต่ผมได้รับสายว่าคุณพยายามจะฆ่าตัวตายอีกครั้งเลยมาหาคุณ คุณเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตอย่างขี้ขลาดคนแรกที่ผมรู้จักเลย” โม่ถิงว่าเข้าให้ “ผมจะไม่ห้ามถ้าคุณจะฆ่าตัวตายอีกหรอกนะครับ แต่ช่วยหาที่เงียบๆ ที่คุณจะมีความสุขกับความตายตามลำพังด้วยเถอะ
“พูดอีกอย่างก็คือ อย่าให้ภรรยาผมรู้เรื่องไม่อย่างนั้นเธอก็จะช่วยคุณไม่เลิก…
“คุณคิดว่าคุณจะจากไปด้วยวิธีโง่ๆ โดยทิ้งบางอย่างไว้เบื้องหลังเหรอครับ ไม่มีใครนึกถึงคุณหรอก
“เชิญตายไปเงียบๆ คนเดียวเถอะ บางทีหลังจากที่คุณตายไป คงไม่มีใครมาทำศพคุณด้วยซ้ำ!”
ไป๋จวินเหยี่ยหัวเราะกับคำพูดของโม่ถิง “ผมว่าคุณกับภรรยาเป็นคนที่น่าสนใจดีนะครับ คนหนึ่งอยากให้ผมอยู่ในขณะที่อีกคนอยากให้ผมรีบตายเร็วๆ ”
“ผมแค่ไม่อยากให้เธอเสียเวลาไปกับคนที่กำลังจะตายเท่านั้นแหละครับ”
“งั้นผมก็ขอโทษด้วยแล้วกันที่ผมยังไม่ตาย!” ไป๋จวินเหยี่ยสวนกลับเสียงแข็ง “ถังหนิงกำลังหาผู้กำกับอยู่ใช่ไหม งั้นผมจะเป็นผู้กำกับให้เธอเอง พอผมแย่งเธอมาจากคุณได้ คุณก็คงอยากให้ผมตายมากกว่าเดิมน่ะสินะ”
“ในฐานะผู้กำกับคุณก็ไม่ได้แย่ แต่ผมต้องขอโทษด้วยที่ภรรยาของผมเป็นคนตรงๆ เธอไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปและเกลียดผู้ชายที่ขี้ขลาดเป็นพิเศษด้วยครับ!”
พูดจบโม่ถิงก็หันหลังเดินจากไป
ไป๋จวินเหยี่ยไม่อยากยอมแพ้ เขาจึงต้องการตอบโต้ ทว่าโม่ถิงไม่เปิดโอกาสให้เขาแม้แต่น้อย
ในฐานะผู้ชายด้วยกัน ชีวิตของโม่ถิงเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนปรารถนา เพราะเขาก้าวขึ้นมาเป็นราชาแห่งวงการบันเทิงได้ สำหรับไป๋จวินเหยี่ย การได้มีโอกาสเสวนากับราชาก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่นัก
ในเวลาเดียวกันเขารู้จากสิ่งที่คุยกับโม่ถิงว่าถังหนิงกำลังจับตาดูเขาอยู่เพื่อไม่ให้เขาตาย…
ดูเหมือนว่าถังหนิงจะทำทุกทางเพื่อหาผู้กำกับที่เหมาะสมกับเธอ ทว่า…ในฐานะคนที่ทำงานเฉพาะด้านศิลปะเท่านั้น ไป๋จวินเหยี่ยไม่ได้สนใจเรื่องไซไฟแต่อย่างใด
ซ้ำยังมีผู้กำกับที่ทั้งชื่อดังและมีฝีมือในวงการอีกมาก ทำไมถังหนิงไม่ไปหาพวกเขากันล่ะ ทำไมเธอตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะร่วมงานกับคนไร้ประสบการณ์ที่น่าสมเพชนี้ด้วย รสนิยมของเธอนั้นออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย! อย่างไรก็ตามไป๋จวินเหยี่ยรู้สึกสนุกที่ได้เย้าแหย่คู่รักนี้ไม่น้อย…
น่าเสียดายที่มันดูเหมือนจะเป็นความบันเทิงเดียวที่หลงเหลือในชีวิตของเขา หากเขาอยู่ต่อก็ยังมีหนี้ก้อนโตให้ต้องชดใช้ เมื่อนึกถึงมันก็ทำให้เขาอยากตายขึ้นมาอีกรอบ
…
ถังหนิงไม่รู้ว่าโม่ถิงไปเจอกับไป๋จวินเหยี่ย หลังจากเตรียมอาหารในช่วงเช้า เธอกลับไปที่ห้องนอนและพบว่าโม่ถิงยังนอนหลับอยู่ซึ่งผิดปกติไป โม่ถิงเป็นคนที่มีวินัยเคร่งครัด แต่ทำไมเขาถึงได้ยังหลับอยู่กันล่ะ
เธอคิดว่าเขาคงไม่สบาย แต่ว่าเขาก็ตื่นขึ่นมาและแค่เหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อคืน
“ฉันเกือบจะวัดอุณหภูมิคุณเพราะคิดว่าคุณเป็นไข้แล้วนะคะเนี่ย”
โม่ถิงลุกขึ้นมาก่อนส่ายหน้า “โทรหาลู่เช่อแล้วบอกให้เขาเลื่อนการประชุมทางไกลของผมออกไปให้ทีนะครับ”
“โอเคค่ะ คุณไปอาบน้ำเถอะ” ถังหนิงคว้าโทรศัพท์ของโม่ถิงขึ้นมาต่อสายหาลู่เช่อ ทว่าในจังหวะที่เธอกำลังจะกดเบอร์ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากชั้นล่าง เธอรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที เห็นว่าสองพี่น้องอยู่บนพื้นโดยมีโม่จื่อซีทับโม่จื่อเฉินไว้
ทั้งสองคนหกล้ม โม่จื่อซีร้องไห้ลั่นออกมา ในทางกลับกันโม่จื่อเฉินที่นอนอยู่ข้างใต้กลับเงียบสนิท รอยบาดเล็กๆ ที่มีเลือดซึมบนแก้มซ้ายของโม่จื่อเฉินปรากฏขึ้นในขณะที่พลิกตัวไปด้านข้าง
ถังหนิงถึงกับตกใจ เธอรีบเรียกสามีที่อยู่ชั้นบนทันที “ถิงคะ…เร็วเข้าค่ะ จื่อเฉินได้รับบาดเจ็บ”
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงร้องของถังหนิง เขารีบส่งลูกทั้งสองคนไปโรงพยาบาล โชคดีที่แผลไม่ได้ลึกมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องเย็บแผล และมีความเป็นไปได้ที่จะทิ้งแผลเป็นเอาไว้
“เป็นความผิดฉันเองค่ะ ฉันพยายามระวังแล้วแต่ก็ยังทำให้พวกเขาปลอดภัยไม่ได้!” ถังหนิงโทษตัวเองที่ทำให้ลูกชายของตัวเองบาดเจ็บ
“คุณทำดีที่สุดแล้วนะครับ!” โม่ถิงรีบกล่าวปลอบ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับโม่จื่อเฉิน ความจริงก็คือเขาสังเกตเห็นว่าน้องชายกำลังล้มหงายหลังแล้วรีบพุ่งตัวไปรองเอาไว้ข้างใต้…