วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1126 คำเชิญจากหนานกงเฉวียน

ครั้งหนึ่งตระกูลหนานกงเคยมีอำนาจล้นมือในปักกิ่ง น่าเสียดายที่พวกเขามักจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง ทำให้นักแสดงสาวที่ผู้อาวุโสโม่รู้จักดีในตอนนั้นต้องมาเดือดร้อนและจบชีวิตลง

ดังนั้นผู้อาวุโสโม่จึงร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อโค่นล้มตระกูลหนานกง เขามอบหลักฐานชิ้นสำคัญและทำให้ผู้อาวุโสหนานกงต้องถูกจำคุก

หลักจากการล่มสลายของตระกูลหนานกง ทั้งปักกิ่งรวมถึงในวงการบันเทิงไม่ค่อยได้พูดถึงพวกเขาอีก ทว่าตอนนี้หนานกงเฉวียนกลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องเก่าเก็บจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง

หนานกงเฉวียนกลับมาเพื่อทำให้ตระกูลโม่ทุกข์ทรมาน

ถังหนิงสัมผัสได้ถึงความกังวลในแววตาของโม่ถิง เธอจึงเย้าแหย่ “ท่านประธานโม่กลัวเหรอคะ”

“ไปพักผ่อนกันเถอะครับ” โม่ถิงพูดโดยไม่ได้ตอบคำถามของเธอ จากนั้นจึงโอบกอดภรรยาของเขาไว้และเอนตัวลงนอน

ถังหนิงไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายหรือจิตใจ เธอแข็งแกร่งจนผู้หญิงคนอื่นเทียบไม่ติด นี่เป็นสิ่งที่โม่ถิงไม่เคยนึกเป็นกังวล

ไม่กี่วันต่อมา หนานกงเฉวียนประสบความสำเร็จในการจัดงานแถลงข่าวและประกาศว่าตัวเองจะขึ้นแท่นเป็นประธานกรรมการบริหารของชุนชิวฟิลม์ เขายังขอให้ปรสิตโชคดีอีกด้วย

เมื่อถังหนิงเห็นชายบนหน้าข่าวบันเทิง เป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกระแวงเขา บ่อยครั้งที่เธอมักอ่านใจของคนผ่านสายตา และแววตาชายคนนี้ดูเซื่องซึมแต่กลับร้ายกาจ

แน่นอนว่าการปรากฏตัวของเขาตกเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในวงการเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อสู้กับไห่รุ่ย ข้อสรุปนี้นั้นเกิดจากภาพยนตร์เรื่องปรสิตเท่านั้น

หลังจากที่ผู้อาวุโสโม่เห็นข่าว เขารีบโทรหาโม่ถิงทันที “ไอ้เวรจากตระกูลหนานกงมันได้มาสร้างเรื่องเดือดร้อนอะไรให้แกหรือเปล่า”

“ปู่ก็เห็นทุกอย่างจากในข่าวแล้วนี่ครับ”

“ฉันหมายถึงเรื่องอื่นต่างหากเล่า” ชายสูงวัยกล่าวฮึดฮัดออกมา “เขาใช้วิธีสกปรกอย่างที่ปู่เขาทำสินะ”

“เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ” โม่ถิงตอบ

“มันอาจจะชั่วกว่าปู่มันก็ได้ แกต้องระวังไว้ให้ดีล่ะ”

“ปู่น่าจะระวังตัวเองก่อนนะครับ” โม่ถิงเอ่ยก่อนจะวางสาย

“ไอ้เวรนั่น…” ผู้อาวุโสโม่พึมพำขณะที่กดวางสายเช่นกัน

เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากนั้น ก่อนลู่เช่อจะก้าวเข้ามาด้านในห้องพร้อมบัตรเชิญ “ท่านประธานครับ มันมาจากชุนชิวครับ!”

โม่ถิงรับบัตรเชิญไปและโยนไปด้านข้างหลังจากปรายตามองครั้งหนึ่ง “หนานกงเฉวียนอยากนัดเจอสินะ”

“คุณจะไปหรือเปล่าครับ”

“แน่สิ เรามีเรื่องให้คุยกันเยอะเลยล่ะ”

“คุณอยากให้บอกให้นายหญิงรู้ไหมครับ” ลู่เช่อถามขณะเหลือบตามองบัตรเชิญข้างมือโม่ถิง

โม่ถิงชะงักไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้า “บอกสิ”

จากมุมมองของโม่ถิง เขาเป็นห่วงถังหนิง แต่เขาก็ไม่เคยปฏิบัติกับเธอเหมือนอย่างผู้หญิงทั่วไป ถึงอย่างไรเธอก็มีความสามารถในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีกว่าผู้ชายคนไหนๆ ด้วยซ้ำ เขาจึงตัดสินใจที่จะบอกทุกอย่างกับเธอเพื่อให้เธอได้เตรียมตัวเอาไว้

คืนนั้นหลังจากกลับมาถึงบ้าน โม่ถิงบอกถังหนิงเรื่องคำเชิญก่อนถาม “คุณอยากจะไปกับผมไหมครับ ผมรู้สึกสบายใจที่สุดถ้ามีคุณอยู่ข้างๆ ”

ถังหนิงส่ายหน้าเป็นคำตอบ “คุณควรไปคนเดียวนะคะ ฉันจะอยู่ที่บ้านและไม่ทำให้คุณเป็นห่วงค่ะ”

“โอเคครับ”

“แต่ฉันรู้สึกเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไปเลยค่ะ” ถังหนิงพูดอย่างไม่มั่นใจ เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างที่เธอยังนึกไม่ออก

“อีกสองวันจื่อเฉินมีนัดหาหมอครับ” โม่ถิงเตือน

“โอ๊ะ ใช่ค่ะ จริงด้วย” ถังหนิงนึกขึ้นได้

“ผมจะส่งบอดีการ์ดไปตามประกบคุณเพิ่มนะครับ พาแม่ไปกับคุณด้วยนะครับ”

“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ

จากนั้นถังหนิงจึงโทรหาซย่าอวี้หลิงและบอกให้เธอระวังตัวไว้ อย่างน้อยเธอก็ต้องรู้ถึงภัยอันตราย หากแต่ซย่าอวี้หลิงตอบด้วยท่าทีสบายๆ “แม่รู้ว่าต้องระวังตัวและก็จะปกป้องหลานชายของแม่เป็นอย่างดี พวกเธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ นี่ไม่ใช่เมื่อยี่สิบปีก่อนซะหน่อย!”

ถังหนิงเข้าใจว่าเธอดูตื่นตูมไปบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของหนานกงเฉวียนคืออะไร อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน ซ้ำเขายังเคยเป็นอาชญากรที่ชั่วร้ายอีกด้วย

สองวันต่อมา โม่ถิงมาถึงโรงแรมไดนัสตีเพื่อพบกับหนานกงเฉวียน หนานกงเฉวียนซึ่งอยู่ในชุดสูทสีเทาส่งยิ้มเป็นการทักทายโม่ถิงมาจากโต๊ะที่อยู่ติดกับกระจก

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

โม่ถิงถอดสูทตัวนอกออก ก่อนเดินตรงเข้าไปนั่งตรงข้ามกับหนานกงเฉวียน ชายหน้าตาหล่อเหลาสองคนได้ดึงดูดความสนใจของผู้หญิงในโรงแรมไปทันที

“ประธานหนานกงกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เลยนะครับ”

“ภรรยาของคุณไม่ได้มาด้วยได้ยังไงกันล่ะครับ ผมรู้สึกว่าต้องอธิบายเรื่องเกี่ยวกับชัยชนะกับเธอด้วยตัวเองน่ะครับ” หนานกงเฉวียนเอ่ยด้วยความสุภาพ “คนของผมไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย น้องสะใภ้คงต้องไม่สบายใจแน่”

“ลูกชายผมมีนัดไปหาหมอวันนี้ ภรรยาผมเลยไปกับเขาน่ะครับ” โม่ถิงตอบเสียงเรียบ “ส่วนเรื่องเกี่ยวกับชัยชนะ ภรรยาผมไม่ได้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้สักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้สูญเสียอะไรไปเช่นกันครับ”

“หลังกลับมาที่ปักกิ่งครั้งนี้ ผมเห็นว่าในวงการเปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะอยู่ในมือคุณเลยนะครับ” หนานกงเฉวียนหัวเราะ

“ประธานหนานกงเชิญผมมาเพื่อพูดคุยอย่างนั้นเหรอครับ”

“ใช่สิครับ ยังไงตระกูลโม่ก็เป็นแค่คนเดียวที่ผมคุ้นเคยด้วยในปักกิ่งแล้ว ตอนนี้ผมกลับมาพร้อมกับลูกสาวของผม เป็นธรรมดาที่จะนัดเจอกับเพื่อนเก่า ไม่อย่างนั้นลูกสาวของผมคงไม่มีใครให้ไปหา และวันหยุดของเธอก็คงจะเงียบเหงาและไร้สีสันน่าดู”

แท้จริงแล้วบทสนทนาระหว่างชายสองคนเป็นการเล่นสงครามประสาทเพื่อลองใจกันและกัน

“ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ ยังไงผมก็ไม่ได้คิดว่าเมื่อหลายปีก่อนปู่ของผมทำอะไรผิดอยู่แล้ว” โม่ถิงเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “ผมไม่คิดว่าตระกูลโม่จะติดค้างอะไรกับคุณนะครับ”

“ผมไม่เคยบอกว่าตระกูลโม่ติดค้างอะไรผมเลยนะครับ ผมติดต่อคุณไปเพราะคุณเป็นคนเดียวที่ผมคุยด้วยได้จริงๆ ส่วนเรื่องปรสิตมันก็แค่ธุรกิจที่ถูกคนอื่นจัดการอยู่น่ะครับ ผมพูดได้ไม่เต็มปากหรอกครับว่าตัวเองไม่รู้เรื่องนี้เลย” หนานกงเฉวียนอธิบายนิ่งๆ “โม่ถิง ต่อให้ผมจะเล็งคุณอยู่ ผมก็จะทำมันอย่างเปิดเผยนะครับ

“คนอื่นอาจจะไม่รู้จักคุณ แต่ผมรู้จักคุณดีเลยล่ะครับ แล้วผมก็มีลูกสาวแล้วด้วย

“กว่าผมจะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายเลยครับ ผมไม่อยากเสียลูกสาวตัวเองไปเพราะเรื่องบาดหมางเก่าๆ หรอก

“งั้นต่อไปเราก็มาเจอกันให้บ่อยกว่านี้แล้วกันครับ ผมจะทำให้คุณเชื่อผมเอง”

ไม่ว่าโม่ถิงจะเชื่อหนานกงเฉวียนหรือไม่ เขาก็ยังคอยระวังอีกฝ่ายเอาไว้ ถึงอย่างไรความขัดแย้งกับตระกูลหนานกงก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหนานกงเฉวียนเพียงคนเดียว

เมื่อก่อนอำนาจของตระกูลหนานกงนั้นมีความซับซ้อน ใครบางคนเดินเกมผิดพลาดมันก็ส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ จึงมีหลายคนที่ต้องพลอยเดือดร้อนเพราะการถูกจับเข้าคุกของผู้อาวุโสหนานกง แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนหลบไปซ่อนตัว ตอนนี้หนานกงเฉวียนกลับมาแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็จะมีใครสักคนมานำทางให้ นี่เป็นโอกาสอันเหมาะเจาะที่พวกเขาจะลงมือไม่ใช่หรือ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset