หนานกงเฉวียนก้าวออกมารับผิดชอบกับทุกอย่างในท้ายที่สุด จากนั้นจึงขอให้ชาวอเมริกันมาเจรจากับเขาหากมีปัญหาเรื่องใดและไม่ไปตามรังควานไห่รุ่ยอีก อย่างไรเสียสิ่งที่พวกเขาทำก็เป็นการทำให้วงการฮอลลีวูดเสื่อมเสีย และไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องการบอกให้คนทั้งโลกรับรู้
ฐานะของเขาในวงการทำให้การเข้ามาของหนานกงเฉวียนได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสะสางปัญหากับชาวอเมริกัน
ทว่าโม่ถิงจะปล่อยให้หนานกงเฉวียนเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้เพียงลำพังได้อย่างไร
ไห่รุ่ยมีหลักฐานในมือและมั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะประกาศให้โลกรู้ว่ามดราชินีสองเป็นผลงานต้นฉบับ และชาวอเมริกันต่างหากที่เป็นคนหลอกลวงทุกคน
ไม่นานหลังจากนั้นคนในวงการฮอลลีวูดได้ออกมาเคลื่อนไหว พวกเขาไม่ยอมรับบริษัทภาพยนตร์ที่ตกเป็นที่กังขา รวมถึงผลงานของพวกเขาด้วย ทั้งยังได้เปิดโปงว่าเมื่อก่อนบริษัทนี้ได้ลอกเลียนแบบผลงานมาหลายครั้งแล้ว และแพ้คดีในศาลด้วยเรื่องนี้
ความจริงเป็นที่กระจ่างมดราชินีสองเป็นภาพยนตร์ต้นฉบับที่สร้างในจีนจริง ผลที่ออกมาทำให้หลายคนตกตะลึง เมื่อก่อนหลายคนปฏิเสธที่จะยอมรับความคิดสร้างสรรค์ของชาวจีน แต่หลังจากได้ยินว่าแม้แต่วงการฮอลลีวูดยังลอกเลียนแบบพวกเขา มันเห็นได้ชัดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ
ในไม่ช้ามดราชินีสองได้จดลิขสิทธิ์ในระดับนานาชาติ และประกาศออกฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก
ชาวต่างชาติอดใจรอดูคุณภาพของภาพยนตร์ไซไฟโดยผู้สร้างชาวจีน…
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอีกครั้งที่ชื่อเสียงของถังหนิงพุ่งสูงขึ้นไปเป็นประวัติการณ์!
ความจริงงานในระดับนานาชาติหลายงานขอให้เธอไปเข้าร่วม หากแต่ถังหนิงบอกปัดพวกเขาไปทั้งหมด
เธอยืนต่อหน้าทุกคนก่อนเอ่ย “ฉันแค่ต้องการทุ่มเททั้งใจกับการถ่ายทำและมอบเวทีนี้ให้กับนักแสดงและเหล่าคนดังยืนค่ะ ฉันถึงได้หวังว่าทุกคนจะเคารพความเป็นส่วนตัวของฉันและสนใจศิลปินหน้าใหม่ที่มีความสามารถทุกท่านแทนค่ะ”
หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัว ถังหนิงปรารถนาเพียงสิ่งเดียว เธอต้องการใช้เวลาและทุ่มเทให้สามีและลูกๆ ของเธอให้มากที่สุด เธอรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคืออะไร…
ผ่านไปไม่นานถังหนิงได้ยินว่าผู้อาวุโสหนานกงขึ้นพิจารณาคดีในศาล และถูกตัดสินให้จำคุกห้าปีรวมถึงควบคุมความประพฤติอีกหนึ่งปี
ผู้อาวุโสหนานกงยอมรับผลการตัดสินแต่โดยดี เพราะสำหรับเขามันถือเป็นการปลดปล่อยรูปแบบหนึ่ง…
ก่อนที่ชายแก่จะเข้าเรือนจำ ในที่สุดเขาก็ยอมให้หนานกงเฉวียนเข้าเยี่ยม
แต่สิ่งแรกที่เขาบอกกลับเป็น “หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของฉันเทียบกับเด็กตัวเล็กๆ อายุสามสี่ขวบจากตระกูลโม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ต่อไปถ้าเสี่ยวต้านเขอจะเลือกหนึ่งในพวกเขาเป็นสามี ให้เธอเลือกคนน้องแล้วกัน เขาฉลาดน่ะ อย่าเลือกคนพี่ล่ะ”
“ปู่ครับ…”
“ไปเถอะ ออกไปซะ อย่ามาเยี่ยมอีก ถ้าไม่อยากให้เราทั้งคู่ต้องเจ็บปวด” ชายแก่ว่าเสียงเรียบ ถึงอย่างไรเรือนจำก็เป็นเหมือนบ้านของเขา ในทางกลับกันช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาใช้ในโลกภายนอกทำให้เขาอึดอัดเต็มที
สุดท้ายหนานกงเฉวียนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจากไปพร้อมกับซูโยวหราน
และอย่างที่ชายสูงวัยขอไว้ เขาไม่มาเยี่ยมอีกเลย
“แม้ว่ามันจะโหดร้าย ผมก็จะทำตามที่ปู่ขอเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นครับ”
หนานกงเฉวียนควรขอบคุณที่ชายแก่ไม่พรากชีวิตใครอย่างเลือดเย็น และกลายเป็นฆาตกรโรคจิตหรือคนที่ป่วยพอที่จะทำร้ายเด็กๆ อย่างน้อยมันก็เป็นเกียรติของตระกูลหนานกงที่ยังหลงเหลืออยู่…
…
ไม่นานก็ถึงเวลาที่จะส่งชื่อเข้าชิงรางวัลเฟยเทียนประจำปีอีกครั้ง
ปีนี้ไห่รุ่ยส่งชื่อเข้าชิงหลายสาขาและคาดการณ์ว่ามดราชินีสองคงคว้ารางวัลมาได้
หากแต่ถังหนิงกับโม่ถิงไม่สนใจชื่อเสียงอีกต่อไปแล้ว เมื่อพิธีมอบรางวัลมาถึงพวกเขาจึงไม่ได้ไปเข้าร่วมงานแต่อย่างใด กลับใช้เวลายามค่ำคืนปรึกษาเรื่องมดราชินีสามอยู่ในห้องทำงาน
“เราเคยเขียนเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อลูกและอาจารย์ลูกศิษย์แล้ว แล้วภาคสามควรเป็นอะไรล่ะคะ” ถังหนิงถามขณะเอนตัวพิงโม่ถิง
“ผมคิดไว้แล้วครับ” โม่ถิงตอบ
“หือ” ถังหนิงมองหน้าสามีตัวเองด้วยความอึ้ง
“พูดถึงเรื่องมิตรภาพที่สั่นคลอนสิครับ” โม่ถิงแนะ
“เราพูดถึงเรื่องราวของเพื่อนสองคนที่โตมาด้วยกัน คนหนึ่งฉลาดในขณะที่อีกคนซื่อบื้อ คนที่ฉลาดมักจะให้อีกฝ่ายทำเรื่องต่างๆ ให้เสมอ แล้วก็ให้ของที่ไม่อยากได้เป็นรางวัลเพียงเพื่อจะรักษาภาพลักษณ์ใจดีและเอื้อเฟื้อของเขา
“เพราะการกระทำของเขา ชายซื่อบื้อเลยไว้ใจเพื่อนของเขา
“ฝ่ายที่ฉลาดตัดสินใจที่จะทำเรื่องใหญ่บางอย่างแต่เขาต้องการใครสักคนมาเป็นเหยื่อล่อ เลยตัดสินใช้เพื่อนผู้ซื่อบื้ออย่างไม่มีทางเลือก
“ชายผู้โง่เง่าคิดว่าเพื่อของเขาดีกับกับจริงๆ จึงยอมช่วยและไปหาในสถานที่ที่อันตราย
“แต่เมื่อคนที่ฉลาดเห็นว่าเพื่อนตัวเองมาโดยที่ไม่ลังเล เขาเริ่มคิดได้และวิ่งออกไปห้ามเพื่อนจากการเสี่ยงชีวิต
“ยังไงก็ตามชายที่ซื่อบื้อได้เจอกับใครบางคนระหว่างทาง และพวกเขาเปิดเผยสิ่งที่เพื่อนผู้เฉลียวฉลาดของตัวเองทำ เขาจึงเริ่มเกลียดเพื่อนตัวเองนับแต่นั้น
“แล้วเรื่องราว…ก็จะเริ่มตั้งแต่นี้ครับ”
หลังจากได้ยินเรื่องย่อของโม่ถิง ถังหนิงระบายยิ้ม “ถึงคุณจะเล่ามาคร่าวๆ แต่ฉันก็เข้าใจเส้นเรื่องพื้นฐานค่ะ ฉันว่ามันน่าสนใจแล้วฉันก็ชอบที่มีความเป็นไปได้ของจุดพลิกผันเยอะด้วยค่ะ
“ประธานโม่คะ ฉันรู้สึกว่าหนังเรื่องที่สามของฉันจะต้องดีกว่าเรื่องแรกกับเรื่องที่สองนะคะ”
ถังหนิงเอ่ยเช่นนี้เพราะเธอรู้ว่าโม่ถิงไม่มีทางเขียนอะไรตื้นๆ หรือไม่มีน้ำหนัก ความคิดของเขามักมีแก่นและดำดิ่งลงไปในก้นบึ้งของธรรมชาติมนุษย์
ภาพยนตร์สองเรื่องก่อนหน้านี้ค่อนข้างธรรมดา ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกและอาจารย์ลูกศิษย์ออกจะตรงไปตรงมา แต่ครั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนั้นจะซับซ้อนขึ้นมาก
“ขอบคุณนะครับคุณนายโม่ คำชมของคุณมีความหมายกับผมมากเลยละ”
ถังหนิงซบโม่ถิงจากด้านหลัง ก่อนโน้มตัวเข้าไปกดจูบแก้มของเขา “หลังเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันก็เหนื่อยนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“มาข้างหน้าสิครับ”
ถังหนิงขยับตัวมาด้านหน้า นั่งลงบนตักของโม่ถิงก่อนหลับตาลง
“ประธานโม่คะ ฉันคิดว่ามดราชินีสามเริ่มถ่ายทำในช่วงฤดูใบไม้ผลิหน้าได้นะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณนายโม่จะให้ผมแสดงในหนังเรื่องนี้อีกไหมครับ” โม่ถิงถามอย่างอ่อนโยนขณะก้มลงมองภรรยา “คุณอยากให้ผมแสดงเป็นเพื่อนที่ฉลาดหรือซื่อบื้อล่ะครับ”
“คุณคิดยังไงถ้าให้เป่ยเฉินตงมาเล่นเป็นเพื่อนที่ซื่อบื้อคะ” ถังหนิงถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ปกติเขาก็ซื่อบื้ออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแสดงหรอกครับ”
ถังหนิงเริ่มรู้สึกง่วง เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “มีนักแสดงให้เลือกหลายคนค่ะ ฉันจะมาเลือกทีหลังแล้วกัน”
โม่ถิงค่อยๆ โน้มตัวลงมาจุมพิตริมฝีปากภรรยาขณะที่มองเธอผล็อยหลับไป “ผมรักคุณ คุณได้ยินผมไหมครับ”
“หือ” ถังหนิงถามอย่างงุนงง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินมัน