โม่จื่อเฉินอดใจไม่ไหวที่จะโน้มลงไปจุมพิตบนริมฝีปากของเธอขณะที่มองดวงตาฉ่ำน้ำของอีกฝ่าย
ตอนแรกเชียนหลานอึ้งไปเล็กน้อย แต่เธอค่อยๆ เริ่มปิดเปลือกตาลงช้าๆ …
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองถึงได้เผลอใจไปเช่นนี้ เขาแค่ไม่อยากเห็นเชียนหลานร้องไห้ เมื่อห้าปีก่อนใจของเขาอ่อนยวบยามที่เธอร้องไห้ ตอนนี้ห้าปีให้หลังเรื่องเดิมๆ ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
“เลิกร้องไห้ได้แล้วครับ!”
เธอหยุดร้องไห้ หากแต่ยังอดกลั้นเสียงสะอื้นไม่ได้
เขามองเธอช่วยทายาที่แผลของเขาให้แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แผลพวกนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขา แต่สำหรับเชียนหลานมันเป็นเรื่องน่าตกใจครั้งใหญ่
“คุณอยู่หน่วยไหนกันแน่คะ กองกำลังพิเศษเหรอ หรือองค์กรลับกันล่ะ”
“อย่าถามอะไรผมเลยครับ มันไม่มีประโยชน์กับคุณหรอก” โม่จื่อเฉินบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา “อีกอย่างแผลพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วย ยังไงแผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือแผลที่คุณฝากไว้กับผมนั่นแหละ”
“ฉันขอโทษค่ะ” เชียนหลานตอบ “ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ แต่ความผิดพลาดนั้นมันผ่านไปแล้วและฉันก็ถูกลงโทษมาห้าปีเพราะมันแล้วด้วยค่ะ จื่อเฉิน…”
“ในระหว่างที่คุณลงโทษตัวเอง คุณก็ลงโทษผมไปด้วย” พูดจบโม่จื่อเฉินก็เดินเข้าครัวไปตามที่เขารับปากว่าจะทำอาหารเย็น
คืนนั้นทั้งคู่นั่งเงียบๆ ที่โต๊ะอาหาร เชียนหลานมองโม่จื่อเฉินที่กำลังก้มหน้าอยู่ก่อนเอ่ย “ฉันจะพยายามเป็นภรรยาให้ดีที่สุดค่ะ”
โม่จื่อเฉินไม่ได้ตอบในทันที กระทั่งหลังจากทานอาหารเสร็จเขาถึงบอกกับเชียนหลาน “ถ้าคุณอยากเป็นภรรยาที่ดีงั้นคุณก็ควรไปล้างจานนะครับ”
เธอชะงักไปเล็กน้อยขณะที่พยักหน้ารับ “โอเคค่ะ”
เธอสุดแสนจะดีใจแม้ว่าเขาจะตอบเธอมาเพียงสั้นๆ
เมื่อถึงเวลาเข้านอน ทั้งคู่ตามกันเข้ามาในห้องนอน เมื่อเชียนหลานเห็นว่าโม่จื่อเฉินเอนหลังบนเตียงแล้ว ซีกแก้มของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะเขาไม่ได้ใส่เสื้อ
ทว่าเมื่อเดินเข้าไปเห็นแผลเป็นบนร่างกายของเขา ดวงตาของเธอแทบจะแดงขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งสองนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง เธอแตะรอยแผลเป็นบนแผ่นหลังของเขาแผ่วเบา จินตนาการว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนตอนที่ได้รับบาดเจ็บ
“ถ้าคุณยังขืนแตะต่อไป บางเรื่องที่ไม่เหมาะจะเกิดขึ้นนะครับ นอนได้แล้ว” น้ำเสียงของโม่จื่อเฉินลอยเข้าหูเธอ แต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับคำพูดเหล่านี้ กลับขยับริมฝีปากประทับลงบนแผ่นหลังและจูบรอยแผลเป็นนั้นอย่างอ่อนโยน
โม่จื่อเฉินชะงักงัน เขาหันมามองเธอในจังหวะต่อมา สายตาของพวกเขาสบประสานกันพร้อมห้วงอารมณ์ที่ถาโถมในแววตาของพวกเขา…
“ผมเตือนคุณแล้วนะ!” เขาพลันกักเธอไว้ระหว่างแขนและดันกายเธอให้อยู่ใต้ร่างของเขา
“คุณ…บาดเจ็บอยู่นะคะ!” เชียนหลานเอ่ยเตือน
“อย่าประมาทผมครับ” ใต้ผ้าห่มมือของโม่จื่อเฉินถอดชุดนอนบนตัวเธออย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อเขาลูบไล้มือบนร่างกายของเธอ กลับไม่รู้สึกอยากจะจูบเธอแต่อย่างใด
บาดแผลฝังใจของเขายังคงไม่หายไป
สุดท้ายเขาจึงช่วยเธอใส่ชุดนอนกลับไปก่อนจะพลิกตัวไปเตียงฝั่งตัวเอง “ผมเจ็บแผล”
สายตาของเชียนหลานทอประกายหม่นขึ้นมา
ไม่นานเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขาก็ดังก้องในหูของเธอ เชียนหลานลุกขึ้นมาเดินไปทางหน้าต่างยาวถึงพื้นก่อนมองออกไปไกล
เธอกำลังจะออกไปปฏิบัติภารกิจ และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กลับมา มันไม่ง่ายที่ในที่สุดเขาจะผ่อนคลายลงยามที่อยู่กับเธอ หากเธอต้องรอไปอีกสิบถึงสิบสี่วัน เมื่อไรเธอจะชนะใจเขาได้กัน
กองทัพกำลังจัดการทดสอบของเหล่าผู้เข้าประจำการใหม่ ในฐานะผู้บัญชาการเป็นธรรมดาที่เธอต้องเข้าร่วม…
เธอจึงต้องออกไปตอนตีห้า
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เชียนหลานกลับไปที่ห้องนอนและคุกเข่าลงข้างเตียง เธอเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะเขาแผ่วเบาขณะที่มองโม่จื่อเฉินที่หลับอยู่ “ฉันขอโทษนะ จื่อเฉิน ฉันรู้ว่าไม่ว่าจะขอโทษสักกี่ครั้งก็ยังมีกำแพงในใจคุณที่เราไม่มีทางผ่านไปได้ ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรและฉันก็ไม่รู้ว่าจะปลอบคุณยังไง ฉันอยากจะขอให้คุณยกโทษให้ฉันแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจริงๆ ค่ะ
“พอตีห้าฉันก็ต้องออกไปอีก ครั้งนี้อาจจะหลายอาทิตย์ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันต้องการได้คำตอบจากคุณแค่ไหน
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันเป็นคนทำตัวเองทั้งหมดเอง ฉันจะไม่โทษคุณหรอก
“ฉันแค่หวังว่าคุณจะไม่ทรมานตัวเองด้วยการยอมอดทนนะคะ…”
หลังจากพูดจบ เชียนหลานลุกขึ้นและไปที่ห้องทำงาน เธอรู้ว่าทั้งคืนนี้ตัวเองคงไม่สามารถนอนหลับข้างโม่จื่อเฉินได้ลง
ท่ามกลางความมืดมิด โม่จื่อเฉินลืมตาขึ้นและพลิกตัวไปมาอย่างทรมาน
ผู้หญิงบื้อ เธอรบกวนการนอนของใครบางคนเข้าจนได้…
…
ก่อนเวลาตีห้า เชียนหลานตื่นขึ้นมาและพบแซนด์วิชกับนมหนึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะ
เธออึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนเตรียมให้เธอ หัวใจของเธอลิงโลดด้วยความปลื้มปริ่ม
เขาได้ยินสิ่งที่เธอบอกไปเมื่อคืนใช่ไหม
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ เธอเตรียมยาที่โม่จื่อเฉินต้องทาไว้ที่โต๊ะพร้อมทิ้งข้อความเตือนให้เขาทามันเอาไว้
เมื่อโม่จื่อเฉินตื่นขึ้นมาเห็นข้อความเตือนของเธอ เขาก็กลอกตาไปมา “ถ้าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองต้องใช้ยาถูกๆ แบบนี้ พวกเขาจะต้องทนเจ็บไปนานแค่ไหนล่ะเนี่ย”
ยาที่เขาใช้เป็นยาพิเศษ ยาที่ไม่ได้ถูกขายกันทั่วไป
แต่ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นก็ยังถือยาเอาไว้ในมือ การกระทำของเขาช่างขัดกับคำพูด
ครั้งนี้เชียนหลานออกไปสิบวัน เธอไม่ได้ติดต่อใครในระหว่างสิบวันนี้
โม่จื่อเฉินเข้าใจการปฏิบัติงานของทหารและรู้ว่าต่อให้เขาพยายามโทรหาก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้ เขาจึงตัดสินใจไม่รบกวนเธอ
เชียนหลานหวังอยู่ทุกวันว่าโม่จื่อเฉินจะมาหาและติดต่อเธอ แต่ไม่ว่าเธอจะออกจากบ้านไปนานเท่าไร มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจว่าเธออยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ ความจริงเขาดูเหมือนจะไม่สนใจว่าเธอจะเป็นหรือตายด้วยซ้ำ
เธอมีรูปของเขาติดตัวไว้ เป็นรูปที่ได้มาช่วงที่ยังสอนหนังสืออยู่ตอนที่เพื่อนแนะนำเธอให้เขา ดูจากมุมของรูปแล้ว มันคงจะถูกถ่ายตอนที่เขาไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่เธอมีเวลาว่างเธอก็มักเอารูปออกมาดู ชวนให้เพื่อนร่วมงานของเธอหัวเราะใส่ “เธอยังไม่ได้คบกับผู้ชายที่เธอเฝ้าฝันถึงทั้งวันอีกเหรอ”
“ตอนนี้เราคบกันแล้ว” เชียนหลานตอบ
“งั้นทำไมไม่ติดต่อกันเลยล่ะ” เพื่อนของเธอถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“นั่นน่ะสิ ทำไมเราถึงไม่ติดต่อกันเลย” เธออดที่จะถามตัวเองไม่ได้
“ฉันว่าต้องเป็นรักข้างเดียวแน่ๆ ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเต็มใจคบกับเธอใช่ไหมล่ะ ลืมมันไปซะเถอะ ตั้งใจทำภารกิจซะ เด็กใหม่พวกนี้ตัวแสบกันทั้งนั้น ไม่มีเวลาให้ฉันมาคิดถึงเรื่องมีแฟนหรอก!” อีกฝ่ายตบบ่าเธอเป็นสัญญาณของการปลอบใจ
เชียนหลานหัวเราะและวางรูปในมือ ถูกของเพื่อนเธอ มันไม่ใช่เวลามานั่งคิดเรื่องคนรักสักหน่อย
แต่เช้าตรู่วันต่อมาก่อนที่เชียนหลานจะตื่น มีใครบางคนวิ่งเข้ามารายงาน “ผู้บัญชาการครับ มีบางอย่างผิดปกติ ทหารประจำการใหม่บางคนเดินเข้าไปในเขตหวงห้ามที่มีกับระเบิดในนั้นครับ!”
“แล้วทำไมถึงยังมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ รีบไปหาตัวพวกเขาสิ!” เชียนหลานลุกจากเตียงทันที เด็กใหม่พวกนี้ไม่ให้เธอได้พักผ่อนบ้างเลย
อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้ว่าการกระทำอุกอาจนี้จะเกือบทำให้เธอเสียชีวิต!