“หมายความว่ายังไง” แอนนี่กดดันให้ชายคนนั้นอธิบาย
“คุณผู้หญิงครับ นี่เป็นงานปฐมทัศน์สำหรับภาพยนตร์ของนักแสดงระดับท็อปอย่างหลินเซิงนะครับ ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ โปรดอย่าถือสาหากผมต้องพูดตามตรง ว่าคุณคิดว่าคุณเป็นใครงั้นเหรอครับ” ชายคนนั้นถามอย่างซึ่งๆ หน้า
“ก็ได้ ตัวตนของฉันอาจจะไม่มีความสำคัญอะไร แต่ผู้หญิงคนนี้ล่ะ” แอนนี่กล่าวพลางชี้นิ้วไปที่เฉินซิงเยียน “ผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญกับใครหรือไง”
“เธอมีความสำคัญอย่างแน่นอนครับ เธอมาที่นี่ในฐานะตัวแทนถังหนิงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหลินเซิง ในเมื่อเธออยู่ที่นี่ในฐานะตัวแทนของถังหนิง ดังนั้นเธอจึงเป็นแขกพิเศษไปโดยปริยาย หากคุณยังไม่คืนที่นั่งให้คุณเฉินเดี๋ยวนี้ ผมจำเป็นต้องเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย”
แอนนี่ชำเลืองตามองเฉินซิงเยียน แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกจากที่นั่ง “มิน่าล่ะ… ฉันรู้แล้วว่าเธอจับปลาตัวใหญ่ได้สินะ แต่ถ้าถังหนิงดีกับเธอจริง ทำไมถึงไม่ออกมาช่วยแก้ต่างข่าวฉาวโฉ่ของเธอแล้วไม่ช่วยเธอรักษาโอกาสต่างๆ เอาไว้ล่ะ”
“อันที่จริงที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของคุณแอนนี่ แต่หลังจากคุณเฉินบอกว่าเธอจะเข้าร่วมงานด้วย พวกเราจึงยกที่นั่งนี้ให้เธอครับ” เจ้าหน้าที่อธิบายอย่างสุภาพ “นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณถังปฏิบัติกับคุณเฉินดีแค่ไหน”
ดังนั้น…
…เดิมทีที่นั่งนี้เป็นของแอนนี่
แต่ถังหนิงกลับขโมยที่นั่งของเธอไปโต้งๆ!
เธอกำลังถูกเอาคืนอย่างชัดเจน!
ถังหนิงกำลังช่วยเฉินซิงเยียนแก้แค้น
เฉินซิงเยียนรู้สึกอึ้งเมื่อรู้ความจริง เธอไม่เคยนึกเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของถังหนิง ปรากฏว่านี่คือวัตถุประสงค์ที่ทำให้ถังหนิงมาร่วมงานปฐมทัศน์ในครั้งนี้
“แล้วจะให้ฉันนั่งที่ไหนล่ะ” แอนนี่ถามขณะพยายามระงับความโกรธ “นายคงไม่คิดจะให้ฉันนั่งกับพื้นใช่ไหม”
“ถ้าคุณอยากทำแบบนั้นก็ตามสบายครับ แต่เรามีโซนยืนบริเวณด้านหน้ากับด้านหลังของโรงภาพยนตร์ คุณจะลองไปดูก็ได้”
“พวกนายจะกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วนะ!” แอนนี่ตะโกน
“ขอโทษด้วยนะครับแต่ทีมผู้จัดงานยอมรับพวกเขากำลังกลั่นแกล้งคุณจริงๆ” เจ้าหน้าที่คนนั้นยิ้มอย่างเย้ยหยัน “หากคุณแอนนี่ไม่อาจรับมือได้ จะกลับไปก็ได้นะครับ”
มือทั้งข้างของแอนนี่กำกระเป๋าไว้แน่นจนมือกลายเป็นสีขาว
เธอได้เซ็นสัญญากับบริษัทใหม่และมีเส้นสายกับประธานหวัง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวงการบันเทิงที่แท้จริง สิ่งที่ประธานหวังทำได้กลับมีแค่การมองดูเธอถูกกลั่นแกล้ง เขาช่วยอะไรไม่ได้เลย
“ฉัน… ฉันจะไม่ออกไปแบบนี้”
“งั้นก็ช่วยตัวเองแล้วกันนะครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นยิ้มก่อนจะโน้มตัวไปพูดกับเฉินซิงเยียน “คุณเฉินครับ หากคุณต้องการอะไรบอกผมได้เลยนะครับ ผมจะช่วยเหลือคุณอย่างดีที่สุด”
“ขอบคุณ ตอนนี้ฉันโอเคดี” เฉินซิงเยียนรู้สึกดี นี่สินะความรู้สึกได้ที่ขโมยของจากคนอื่น มันรู้สึกดีเป็นพิเศษเพราะฝ่ายตรงข้ามคือแอนนี่
“โอเค ถ้างั้นผมขอตัวก่อน” พูดจบ ชายคนนั้นก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไป แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มเดินออกไปนั่น เขาพูดกับแอนนี่ “ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนมาจากภูมิหลังที่ดี ผมมั่นใจว่าคุณแอนนี่คงไม่โง่ถึงขนาดบังคนอื่น อย่าโทษที่ผมต้องเตือนคุณแบบนี้เลยนะครับ ถ้าคุณก่อความรำคาญให้บุคคลสำคัญคนอื่นๆ ชะตากรรมของคุณคงไม่จบแค่ถูกขโมยที่นั่งแน่ๆ การรับมือกับคนอย่างคุณมันไม่ต่างอะไรกับการบี้มดเดียวหนึ่งสำหรับคนพวกนั้น”
แอนนี่เดือดดาลด้วยความโกรธ แต่สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงมองหน้าประธานหวังเท่านั้น โชคไม่ดีที่ประธานหวังเองก็เป็นเพียงหน้าใหม่ในวงการและเขาไม่มีอิทธิพลมากพอในอาณาเขตของหลินเซิง
ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเธอขณะที่เธอเดินออกมาอยู่ที่ด้านหลังของโรงภาพยนตร์
ทุกคนที่มีนั่ง ยกเว้นเธอ!
ไม่สิ พูดให้ถูกคือเธอมีที่นั่ง แต่เฉินซิงเยียนขโมยมันไป!
แอนนี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกขณะที่ทุกคนหันมาชี้และซุบซิบนินทาเธอ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเฉินซิงเยียน!
แต่เธอยังไม่พ่ายแพ้เสียทีเดียว ต่อให้ถังหนิงอยู่ข้างเฉินซิงเยียน แอนนี่ก็ยังมีบทของ ‘The Savage Wars’ อยู่ในมือ ในขณะที่เฉินซิงเยียนไม่มีอะไรเลยนอกจากข่าวฉาว
กระนั้นความหยิ่งผยองของแอนนี่คงอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่มฉาย หลินเซิงลุกขึ้นยืนบนเวทีและกล่าวถ้อยคำเล็กๆ น้อยๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรมากนัก ถังหนิงปรากฏตัวขึ้นบนเวทีอย่างฉับพลันจากทางเข้าด้านหนึ่ง
ในฐานะแขกเซอร์ไพรส์ ถังหนิงจึงสร้างความแตกตื่นขึ้น ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะรู้จักเธอเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ถังหนิงก็เป็นตำนานที่ทุกคนต่างเคารพ
“พระเจ้าช่วย ถังหนิงจริงๆ ด้วย…”
“ถังหนิงมาที่นี่จริงๆ ฉันตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย”
“ถังหนิงตัวจริง ขนาดท้องยังสวยเลย”
“ขาเธอสวยที่สุดในโลกเลย ดูสิขาเธอยาวจัง…”
เฉินซิงเยียนฟังคำสรรเสริญและพบว่าคนคนหนึ่งสามารถมีเสน่ห์จนคนทั้งโลกต้องยอมรับและหลงรักได้ถึงขนาดนี้
และแน่นอนว่าหลินเซิงเองก็ประหลาดใจ เพราะทั้งสถานะปัจจุบันรวมถึงสภาพร่างกายของถังหนิง การที่เธอมาปรากฏตัวในงานของเขาทำให้เขารู้สึกดีใจ
เมื่อมองดูจากสายตาของเธอ ทุกคนต่างบอกได้เป็นเสียงเดียวว่าเธอยังคงเป็นถังหนิงคนเดิม ถังหนิงที่ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้ภาพยนตร์ออกมาดีที่สุด เธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญกว่านั้น เธอยังรู้จักกตัญญูอีกด้วย
“เซิงเกอ ฉันขอให้ขายตั๋วได้เยอะๆ นะคะ” ถังหนิงแทบจะไม่ปรากฏตัวในงานไหนเลย นับตั้งแต่วันที่เธอถูกฮว่าเหวินเฟิ่งใส่ร้าย เธอก็ไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกเลย ดังนั้นนี่จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอไว้หน้าหลินเซิงมากแค่ไหนที่มาปรากฏตัวในงานนี้
“ฉันดีใจจริงๆ ที่เธอมางานนี้ได้” หลินเซิงสวมกอดถังหนิงอย่างอ่อนโยน
“ฉันไม่เคยลืมบุญคุณที่พี่เคยช่วยฉันไว้เลยค่ะ” ถังหนิงยิ้ม
“ฉันไม่ได้ทำอะไรขนาดนั้นหรอก”
“วันนี้ฉันเอาของขวัญมาให้ด้วย” ถังหนิงกล่าวขณะที่เธอถือไมโครโฟนอยู่ในมือและมองไปที่เฉินซิงเยียน “ฉันได้ยินมาจากพี่ลั่วว่าพี่กำลังมองหานักศิลปะป้องกันตัวมือโปร ฉันมีคนเก่งๆ ที่จะแนะนำ ถึงเธอจะยังเด็กอยู่สักหน่อย แต่เธอมีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวทุกรูปแบบ ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง”
หลังได้ฟังคำพูดของถังหนิง หลินเซิงตระหนักได้ถึงวัตถุประสงค์ของเธอ เธอต้องการแนะนำใครบางคนให้เขา
แน่นอนว่าหากเป็นคนอื่น หลินเซิงคงรู้สึกรังเกียจ แต่ถังหนิงนั้นต่างออกไป กระนั้นเมื่อเธอพูดถึงเด็กสาวที่มีทักษะเป็นเลิศ คนคนนั้นจะเด็กสักแค่ไหนกันนะ
“ซิงเยียน ขึ้นมาบนนี่แล้วทำให้พี่หนิงประทับใจตามสไตล์ของเธอสิ” ถังหนิงกล่าวต่อหน้าเฉินซิงเยียนหลังสังเกตเห็นว่าหลินเซิงไม่ได้ปฏิเสธคำแนะนำของเธอ
ทุกคนต่างรู้ดีว่าถังหนิงกำลังช่วยรุ่นน้องคนหนึ่ง
แต่รุ่นน้องคนไหนกันที่มีความสามารถพอให้ถังหนิงแนะนำ
ชั่วครู่หลังจากนั้น เด็กสาวที่อยู่ในวัยสิบปลายๆ ลุกขึ้นยืนท่ามกลางกลุ่มคนในขณะที่ทุกคนต่างจ้องมองเธอด้วยความสงสัย แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ตัวว่านี่คือเด็กสาวที่ปรากฏอยู่ในรูปฉาวโฉ่ของอันจื่อเฮ่า
ทุกคนต่างสงสัยว่าเด็กสาวคนนี้จะมีความสามารถสักแค่ไหนด้วยวัยเพียงเท่านี้
เฉินซิงเยียนเดินขึ้นไปบนเวทีและโค้งแสดงความเคารพต่อหลินเซิงอย่างมีมารยาท จากนั้นเธอก็มองไปยังฝูงชนจนในที่สุดก็พบแอนนี่
นี่เป็นโอกาสที่ถังหนิงมอบให้ โอกาสใหญ่ที่จะได้แสดงทักษะต่างๆ ของเธอ… โอกาสที่จะได้โค่นแอนนี่