“เรามาที่นี่เพื่อเจอเธอโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องบอกอันจื่อเฮ่า”
เฉินซิงเยียนมองดูโทรศัพท์ที่แตกเป็นเสี่ยงบนพื้นจากนั้นจึงหันขึ้นมามองผู้สูงอายุจอมเผด็จการสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอโกรธจัดจนมือทั้งสองข้างเริ่มสั่น
ลุงอวิ๋นสัมผัสได้ว่าเฉินซิงเยียนเกือบจะฟิวส์ขาดแล้ว เขาจึงรีบดึงป้าอวิ๋นมาอยู่ด้านหลังตัวเองเพื่อปกป้องเธอ จากนั้นเขาจึงพูดกับเฉินซิงเยียน “ถ้าเธอโกรธ ก็มาระบายกับฉัน อย่ากล้าแม้แต่จะแตะต้องตัวเมียของฉันนะ ที่จริงไม่ใช่เพราะเราไม่อนุญาตให้อันจื่อเฮ่าแต่งงานหรอก แต่เธอต่างหากที่ดีไม่พอสำหรับลูกเขยของเรา”
ให้ตายสิ… ช่างเป็นพ่อแม่ที่หัวแข็งและมั่นใจอะไรขนาดนี้!
ดวงตาเฉินซิงเยียนเริ่มแดงก่ำ เธอโกรธมากจนน้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมา
อย่างไรก็ตาม คำพูดที่ถังหนิงเคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้พลันดังก้องขึ้นในความคิดของเธอ หากเธอไม่อยากถูกรังแก เธอต้องไม่ออมมือแม้ว่าเธอจะต้องสู้จนกว่าโลกจะแตกก็ตาม
ดังนั้นเธอจึงผลักชายแก่คนนั้นและกล่าว “อย่าคิดว่าฉันจะเคารพพวกนั้นแล้วออมมือให้นะ พวกคุณไม่สมควรได้รับการเคารพตั้งแต่แรกแล้ว อย่ามาขู่ให้ฉันกลัวด้วยการบอกว่าฉันไม่ดีพอ ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันเป็นน้องสาวของโม่ถิง ถ้าพูดเรื่องหัวนอนปลายเท้า อวิ๋นซินของพวกคุณไม่มีค่าพอจะมาถือรองเท้าให้ฉันด้วยซ้ำ!
“แล้วอย่าแสร้งมาทำเป็นลมหรืออ่อนแอต่อหน้าฉัน ถ้าพวกคุณกล้าทำแบบนั้น ฉันจะกระโดดออกไปจากชั้นสามเดี๋ยวนี้แล้วบอกตำรวจว่าพวกคุณบังคับให้ฉันฆ่าตัวตาย!”
ลุงอวิ๋นและป้าอวิ๋นต่างพากันตาเบิกโพลงขณะที่พวกเขาจดจ้องไปที่เฉินซิงเยียน พวกเขาไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนและไม่เคยเจอใครที่ไร้ความปรานีกว่าพวกเขาเองเช่นนี้
เฉินซิงเยียนใช้อารมณ์ออกมาได้อย่างพอเหมาะและแสดงออกว่าพร้อมจะทำทุกอย่าง ซึ่งนั่นแน่นอนว่าเพียงพอที่จะทำให้สองตายายอึ้ง โดยเฉพาะป้าอวิ๋น… แผนเดิมที่เธอตั้งใจจะแกล้งเป็นลมกลับพลันไร้ประโยชน์ เธอทำได้เพียงเริ่มพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยความโกรธพลางพูดซ้ำคำเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า “แก… แก…”
“พวกคุณบอกว่าฉันหน้าด้านใช่ไหม” เฉินซิงเยียนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ในที่สุด จากนั้นเธอจึงพูดเย้ยหยันตายายทั้งสอง “ถึงมันจะฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องความหน้าด้านแล้วละก็ ฉันยังตามหลังพวกคุณอีกไกล ฉันกับอันจื่อเฮ่าคบกันอย่างเป็นทางการ ฉันเป็นแฟนเขา และมีฐานะชัดเจน แล้วพวกคุณเกี่ยวข้องอะไรกับเขาไม่ทราบ
“พวกคุณไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่เพื่อน… เขาแค่ดูแลพวกคุณมาหลายปีเพราะความมีศีลธรรมของเขา แต่พวกคุณกลับถือวิสาสะมาที่บ้านของเขาและบังคับให้เขาเลิกกับแฟนตัวเองเนี่ยนะ พวกคุณมันเหมือน ‘ชาวนากับงูเห่า’ ไม่มีผิด ที่ตอบแทนความมีน้ำใจด้วยความอกตัญญู”
“อวิ๋น…”
“ไม่ต้องมาพูดว่าเขาเป็นสาเหตุทำให้อวิ๋นซินตาย พวกคุณรู้ดีกว่าใครทั้งหมดว่าผู้หญิงคนนั้นตายได้ยังไง ถ้าคนอื่นมายืนในจุดเดียวกับพวกคุณ พวกเขาคงรู้สึกดีใจแค่ไหนแล้วที่ยังมีเงินไว้ซื้อข้าวกิน พวกคุณอยู่ในจุดที่ดีกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้ให้กำเนิดของอันจื่อเฮ่าหรือไง”
“ตาแก่… ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว… ฉันปวดหัวเหลือเกิน” ป้าอวิ๋นกล่าวพลางกุมศีรษะตัวเองก่อนจะเริ่มโงนเงนไปมาหลังได้ยินคำพูดของเฉินซิงเยียน คราวนี้เฉินซิงเยียนแสดงความไม่ละอายใจออกมาด้วยการเดินไปที่หน้าต่างและผลักบานหน้าต่างให้เปิดออก
“ถ้าคุณกล้าเล่นละคร ฉันจะกระโดดออกไปนอกหน้าต่างนี่เดี๋ยวนี้เลย ข้างนอกมีคนเยอะแยะที่เป็นพยานได้ มาดูสิว่าพวกคุณจะพูดแก้ต่างให้ตัวเองยังไง! ฉันเป็นคนดังอยู่แล้วยังไงก็มีคนสนใจ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มาดูสิว่าพี่ชายของฉันจะปล่อยพวกคุณสองคนไปไหม”
เมื่อเห็นว่าเฉินซิงเยียนเอาจริง ลุงอวิ๋นก็ไม่กล้าปลุกปั่นอะไรเธออีก เขาจึงรีบแบกหญิงชราขึ้นหลังแล้วออกจากบ้านของอันจื่อเฮ่าเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
เฉินซิงเยียนตระหนักดีว่าป้าอวิ๋นนั้นกำลังรู้สึกป่วยจริงๆ ในตอนท้าย แต่เธอไม่อาจใจอ่อนในนาทีสุดท้ายแล้วแสดงความอ่อนแอออกมาได้ ดังนั้นเธอจึงฝืนตัวเองไปยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่าง เธอไม่เชื่อว่าสองตายายจะยังหน้าด้านต่อไปได้อีก
และเป็นไปตามคาด เธอสามารถบีบให้พวกเขายอมถอนตัวไปได้…
แต่ขณะที่เธอมองดูห้องนั่งเล่นที่กลับมาว่างเปล่า เธอก็พลันรู้สึกอ่อนล้า เธอถึงโทรหาถังหนิง “พี่หนิง ขอฉันไปอยู่ที่ไฮแอทรีเจนซี่สักสองสามวันได้ไหม ฉันอยากไปอยู่เป็นเพื่อนหลานๆ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่าย ถังหนิงบอกได้ว่าเฉินซิงเยียนเพิ่งจะผ่านความเจ็บปวดอะไรมา เธอจึงตอบกลับ “ถ้าคุณอาอยากจะมา เธอคิดว่าฉันจะห้ามได้เหรอ”
เฉินซิงเยียนหาที่ไปที่ดีได้แล้ว เธอจึงรีบโทรเรียกแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังไฮแอทรีเจนซี่ทันที
ถังหนิงอดใจรอฟังเรื่องของเฉินซิงเยียนไม่ไหว แต่กลังจากที่เฉินซิงเยียนเดินทางมาถึง เธอกลับไม่พูดอะไรเลย กลับกัน เฉินซิงเยียนกลับโถมตัวเข้าสู่อ้อมแขนของถังหนิงและระเบิดน้ำตาออกมา จากนั้นเธอจึงไปเล่นกับเด็กทั้งสองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าเธอกับอันจื่อเฮ่าจะเลิกกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกหากเธอจะเอาเรื่องส่วนตัวของเขามาบอกคนอื่น แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นถังหนิง แต่เธอก็ยังคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ
ขณะที่ถังหนิงมองดูเฉินซิงเนียน เธอตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายได้เติบโตขึ้นอีกหน่อยแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้ว่าควรชั่งข้อดีข้อเสียก่อนจะลงมือทำอะไร
…
ในความเป็นจริงแล้ว นี่ไม่ใช่วันครบรอบวันตายของอวิ๋นซิน ลุงอวิ๋นพาป้าอวิ๋นมาที่บ้านของอันจื่อเฮ่าเพราะเขารู้ว่าอันจื่อเฮ่ามีประชุมตอนดึกจากสายโทรศัพท์ที่เขาคุยเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่เขาไล่เฉินซิงเยียนออกไปไม่ได้ เขายังทำให้อาการของภรรยาตัวเองทรุดหนักขึ้นอีก เขาเป็นเหมือนโจรขโมยไก่ที่นอกจากจะทำพลาดในการขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังเสียถุงข้าวสารไปอีกต่างหาก
ดังนั้นเขาจึงโกรธมาก เขาตัดสินใจโทรหาอันจื่อเฮ่า “จื่อเฮ่า มาที่โรงพยาบาลสักเดี๋ยวสิ คุณป้าของเธออาจจะไม่รอด”
อันจื่อเฮ่ากำลังอยู่ระหว่างการประชุม หลังจากรับสายโทรศัพท์และทำความเข้าใจกับผู้กำกับเฉินแล้ว เขารีบออกจากห้องประชุมทันที
แต่หลังจากเดินทางมาถึงยังโรงพยาบาลด้วยความหวั่นวิตก เขากลับพบว่าสองตายายกำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องและดูไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินอะไรเลย
อันจื่อเฮ่าหายใจลึก หลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาจึงเอ่ยถามขึ้น “คุณป้าเป็นอะไรงั้นเหรอครับ”
“จื่อเฮ่า มาได้เวลาพอดีเลย วันนี้ป้าของเธอกับฉันมีเจตนาดีไปเยี่ยมเธอที่บ้านมา แต่ยัยแฟนเด็กของเธอเรียกพวกเราว่าพวกหน้าด้านแล้วยังบอกว่าพวกเราเป็น ‘ชาวนากับงูเห่า’ ด้วย มันถึงขนาดทำให้ป้าของเธอโกรธจนเป็นลม…”
“เธอไม่ใช่คนแบบนั้น…” อันจื่อเฮ่าตอบ
“จื่อเฮ่า หลังผ่านมาหลายปีเธอเลือกจะเชื่อผู้หญิงที่เธอเพิ่งจะคบได้แป๊บเดียวแทนที่จะเชื่อลุงของเธองั้นเหรอ ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
“คุณลุง ดูแลคุณป้าไปก่อนนะครับ ผมจะกลับไปดูที่บ้านก่อน” อันจื่อเฮ่าหันหลังกลับแต่กลับถูกเรียกตัวเอาไว้
“จื่อเฮ่า…”
“ได้โปรดเถอะครับคุณลุง คุณลุงรู้ไหมว่าการประชุมคืนนี้ของผมสำคัญแค่ไหน เลิกคิดว่าโลกนี้หมุนรอบตัวพวกคุณสองคนเสียทีเถอะ ผมเป็นห่วงคุณป้าจากใจจริง แต่สุดท้ายคุณลุงกลับโกหกผม…” พูดจบ อันจื่อเฮ่าก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองและรีบตรงกลับบ้าน
กระนั้นเมื่อเขาเดินทางมาถึงอะพาร์ตเมนต์ กลับไม่มีไฟดวงใดในบ้านเปิดอยู่เลยและเฉินซิงเยียนไม่ได้อยู่บ้าน แต่เขารู้ว่าเธอไม่มีงานอะไรในคืนนี้…
จากนั้นเขาจึงมองดูความเละเทะบนพื้นและโทรศัพท์ที่แตกละเอียดของเฉินซิงเยียน
เขารู้สึกราวกับหัวใจของตัวเองถูกบีบเป็นเสี่ยงจนแทบหายใจไม่ออก…
“เด็กนั่นมีที่ให้ไปอยู่ไม่กี่ที่” อันจื่อเฮ่าพูดงึมงำกับตัวเองก่อนที่เขาจะโทรหาถังหนิง “เฉินซิงเยียนอยู่กับคุณใช่ไหม”
“หลังร้องไห้สักพักก็เพิ่งหลับไปน่ะ” ถังหนิงตอบตามตรง
“ขอโทษด้วยนะ…”
“คุณไม่ควรพูดขอโทษกับฉัน ไปทำอะไรให้ซิงเยียนเสียใจล่ะ คุณต้องแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา นั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ แล้วอย่าบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคุณสองคน ไม่มีใครเชื่อคุณหรอก”