เย่ฉ่าวเฉินเห็นหนานกงเฮ่าไม่ตอบโต้ จึงเข้าไปแย่งมู่เวยเวยออกมาจากอ้อมกอดของเขา แต่เมื่อสัมผัสร่างบางของมู่เวยเวยก็รู็สึกถึงเลือดที่ไหลซึมอยู่ทั่วทั้งแผ่นหลัง จึงมีสีหน้าไม่ค่อยดี
เขารีบเปิดประตูด้านหลัง พามู่เวยเวยเข้าไปนั่ง หลังจากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็กลับมาที่ฝั่งคนขับ โดยไม่สนใจเสียงจากหนานกงเฮ่าแล้วรีบขับออกไป พลางกดโทรศัพท์โทรไปที่บ้าน
“เอ่อ คุณอาหวังครับ โทรเรียกคุณหมอหานให้หน่อยครับ ให้เขารีบมาที่บ้านเลยนะครับ”
ไม่ได้อธิบายให้คุณอาหวังเข้าใจมากนัก เย่ฉ่าวเฉินก็กดวางไป เขามองจากกระจกส่องหลังไปที่นั่งด้านหลังเพื่อดูมู่เวยเวย เธอยังคงนั่งหลับตานิ่ง คิ้วขมวด เสื้อด้านหลังเต็มไปด้วยเลือด
“มู่เวยเวยเธอโง่หรือเปล่า บาดเจ็บขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอก” เย่ฉ่าวเฉินดุเสียงเข้ม “มู่เทียนเย่มีน้องสาวแบบเธอได้ยังไง ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันจริงหรือเปล่า ทำไมต่างกันขนาดนี้เนี่ย!”
“คุณ——” มู่เวยเวยที่นั่งอยู่ด้านหลังไม่อยากพูดมากนัก แต่โดนเย่ฉ่าวเฉินยั่วโมโหก็ทนไม่ได้ ทำไมบนโลกใบนี้มีผู้ชายนิสัยเสีย น่าขยะแขยงแบบนี้
“เย่ฉ่าวเฉิน ฉันเกลียดคุณ!!” มู่เวยเวยข่มความเจ็บปวด กัดฟันพูดออกมา
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ฟัง ก็แสยะยิ้ม “เธอสภาพนี้เนี่ย เหอะ ดูแลตัวเองก่อนมั้ย”
“…….” มู่เวยเวยหงุดหงิด เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอไม่อยากตอบโต้ ไม่อยากสนใจเขาอีกแล้ว เพราะตอนนี้เจ็บจนตาลายไปหมด
เย่ฉ่าวเฉินขับผ่านไฟแดงไปอยางรวดเร็วมุ่งตรงไปที่บ้าน เมื่อถึงหน้าประตู เขาก็ดับเครื่อง อุ้มพามู่เวยเวยขึ้นไปที่ห้อง
คุณอาหวังเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบพาคุณหมอประจำตระกูลมาที่บ้าน ทั้งสองคนเมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินอุ้มพามู่เวยเวยเข้ามาในบ้าน ก็รีบตามไปทันที
“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นครับ” คุณอาหวังรีบถามขึ้น ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเลือดที่แผ่นหลังของมู่เวยเวย “อ๊ะ คุณพระช่วย คุณหนูทำไมบาดเจ็บอย่างนี้ล่ะครับ คุณหมอหานเร็วเข้า คุณหนูบาดเจ็บ!”
คุณอาหวังเร่งให้คุณหมอหานเข้ามาดูอาการ พลางหมุนไปเตรียมอุปกรณ์ เย่ฉ่าวเฉินอุ้มพามู่เวยเวยขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ไปยังห้องของเธอ
นำมู่เวยเวยว่างบนเตียงเรียบร้อย คุณหมอหานก็เข้ามาในห้อง เย่ฉ่าวเฉินรีบบอก “หลังเธอบาดเจ็บ รีบดูให้หน่อยครับ”
“ได้ครับ” คุณหมอหานรับคำ แล้วหยิบอุปกรณ์ออกมา เตรียมจะถอดเสื้อของมู่เวยเวยออกดู
เย่ฉ่าวเฉินยืนมองอยู่ข้างๆ ดูทุกการกระทำของคุณหมอ เขาขมวดคิ้วแน่น พูดเสียงเข้ม “คุณจะทำอะไร”
คุณหมอชะงักไปครู่หนึ่ง หันกลับมาที่เย่ฉ่าวเฉิน เห็นแววตาเกรี้ยวกราดของเขาพอดี ก็เข้าใจเลยต้องรีบอธิบายให้ฟังว่า “คุณชายครับ คุณหนูท่านนี้….ได้รับบาดเจ็บที่หลัง ผมต้องตรวจดูถึงจะรู้ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง”
“……” เย่ฉ่าวเฉินคิ้วขมวดไม่ตอบโต้ คุณหมอหานจึงไม่กล้าลงมือทำอะไร
ขณะที่คุณหมอหานเริ่มทนสายตากดดันของเขาไมไหว เย่ฉ่าวเฉินก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ใช้กรรไกรนี่ ไม่อนุญาตให้ถอดเสื้อ”
“ได้ครับ….” คุณหมอหานพยักหน้าเอ่ยปากรับคำอย่างขัดไม่ได้ แล้วนำกรรไกรออกมา ตัดเสื้อของมู่เวยเวยให้แยกออก ทำให้เห็นบาดแผลจากเศษกระจกที่แผ่นหลังของเธอ
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแน่นขึ้น รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เพราะแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเศษกระจกพวกนี้มาจากกรอบรูปของมู่เทียนเย่ ผู้หญิงต่ำช้าคนนี้ช่างโง่จริงๆ
“รักษาเธอให้เรียบร้อย! ” เย่ฉ่าวเฉินพูดจบ พร้อมกับใบหน้าเย็นชาเดินออกไปจากห้อง
เมื่อเห็นว่าเขาไปแล้ว คุณหมอหานก็รูสึกผ่อนคลายมากขึ้น หยิบคีมคีบเศษกระจกออกจากหลังของมู่เวยเวย……ตอนที่เย่ฉ่าวเฉินยังอยู่ในห้อง เขาไม่กล้าแตะต้องตัวมู่เวยเวยแม้แต่น้อย เกรงว่าคุณชายจะไม่พอใจเอาได้
แต่ทว่า เขาก็ไม่ได้อยากจะถอดเสื้อของคุณหนูออก แต่คุณหนูมีบาดแผลที่แผ่นหลัง ……จริงๆเลยเชียว……!
คุณหมอหานส่ายหัว แล้วทำการช่วยเอาเศษกระจกออกจากแผ่นหลังของมู่เวยเวยต่อ