หลังจากส่งเฉียวซินโยวแล้ว เธอก็เดินขึ้นมาชั้นสองจนถึงประตูหน้าห้องเธอ ขณะที่เธอกำลังจะผลักประตูเข้าไป ก็มีเสียงเรียกของหนานกงเฮ่าดังขึ้นมา
” เวยเวย ”
มู่เวยเวยหันหลังไป ก็เจอรอยยิ้มมุมปากของหนานกงเฮ่า เขาชี้ไปที่ประตูข้างหน้าเธอ พลางถามว่า “ห้องของเย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนจะเป็นห้องข้างๆนี้ นี่คือห้องทำงานของคุณหรอ ?”
มู่เวยเวยส่ายหัว เธอยิ้มพร้อมกับพูดเบาๆว่า “นี่คือห้องของฉัน ปกติแล้วฉันนอนที่ห้องนี้”
เมื่อเทียบกับเย่ฉ่าวเฉินแล้ว ความอ่อนโยนของหนานกงเฮ่าทำให้เธอผ่อนคลายลงมาก และอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขาเป็นเพื่อน เธอก็ไม่คิดปิดความจริงอะไรกับเพื่อน จึงพูดความจริงออกไป
เมื่อฟังเธอพูดจบ หนานกงเฮ่าถึงกับผงะในใจก็สงสัย จึงถามออกมาว่า “ถ้าเธอนอนห้องนี้ ถ้างั้นฉ่าวเฉินนอนที่ไหนล่ะ ?”
“เขาก็นอนที่ห้องของเขาสิ !”มู่เวยเวยตอบแบบจริงใจ
หลังจากหยุดคิดสักครู่ ในใจของหนานกงเฮ่ารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถ้างั้นก็หมายความว่าทั้งสองแยกห้องนอนมาตลอด แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ !
งั้นก็แสดงว่าเขาสามารถตามจีบเธอได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้เขาต้องรีบโน้มน้าวให้เย่ฉ่าวเฉินหย่ากับเธอ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ถ้าปล่อยเวลานานไป เกิดเขามีใจให้เวยเวยขึ้นมาจะแย่เอาได้ !
เมื่อครู่ท่าทีของเย่ฉ่าวเฉินก็ชัดเจนแล้ว แล้วมู่เวยเวยล่ะ ? ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับเย่ฉ่าวเฉิน ?
“เวยเวย เธอมีใครชอบอยู่ในใจรึเปล่า” หนานกงเฮ่าถามด้วยความระมัดระวังกลัวเธอเข้าใจผิด “ฉันหมายถึง เธอชอบฉ่าวเฉินไหม ?”
“ชอบเขาเหรอ ?” มู่เวยเวยฟังแล้วก็หยุดคิดไปพักนึงก่อนจะส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมา
เมื่อก่อนเธอเคยชอบลู่จื่อหาง แต่หลังจากโดนทรยศหักหลัง เธอก็ไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้เขาอีกต่อไป กับเย่ฉ่าวเฉินเธอมีแต่ความเกลียดชังเท่านั้น
ความรู้สึกที่หนานกงเฮ่าที่มีต่อมู่เวยเวยนั้นมีประโยชน์มาก มันทำให้เขาสามารถสืบเรื่องเธอได้ เขารู้ว่าเธอเคยมีแฟนแค่คนเดียว เขาได้ยินลู่จื่อหางว่า เขาทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆกัน น่าเสียดายที่คืนนั้นเขาล่าช้า ไม่อย่างนั้นเธอก็กลายเป็นของเขาไปแล้ว
เขากลั้นความตื่นเต้นไว้ หนานกงถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “เธอเคยคิดไหมว่า ถ้าหากว่าเธอหย่ากับเย่ฉ่าวเฉิน แล้วพบคนที่เธอชอบแล้วเขาก็ชอบเธอล่ะ ?”
“ฉันก็ไม่รู้” มู่เวยเวยบ่นพึมพำ พลางคิดอะไรบางอย่าง เธอพูดออกมาเบาๆว่า “ฉันหย่ากับเขาไม่ได้เด็ดขาด ! อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน !”
หนานกงเฮ่าขมวดคิ้วขึ้นมองไปที่เธอ ถามด้วยท่าทีเศร้าๆว่า “ทำไมล่ะ ?”
ความขมขื่นปรากฎขึ้นในใจของมู่เวยเวย เรื่องความรักกับเธอตอนนี้มันช่างห่างไกลยิ่งนัก
หลังจากพ่อแม่เธอเสียชีวิต หุ้นของบริษัทมู่ซื่อก็แย่ลง พี่ชายเธอก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง แฟนของเธอก็มาทรยศหักหลังอีก เรื่องมากมายถาโถมเข้าหาเธอ ทำให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
ความหวังเดียวของเธอในตอนนี้คือพี่ชาย ขอแค่เธอเจอพี่ชาย เธอก็ไม่ต้องแบกรับความกดดันมากมายขนาดนี้คนเดียว
คิดถึงตรงนี้ มู่เวยเวยก็คิดถึงเรื่องเงินร้อยล้านของคุณลุง เธอลังเลต่อไปไม่ได้แล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับพี่ชายของเธอ เธอต้องรีบคิดว่าจะยืมเงินจากใครดี ตอนนี้เธอคิดถึงเพียงเย่ฉ่าวเฉินคนเดียว
ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ อย่างน้อยเธอก็ควรจะลองดูสักครั้งใช่ไหม ?
“ในชีวิตทุกคนต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ฉันก็เหมือนกัน ฉันขอโทษนะที่ไม่สามารถบอกคุณได้ในตอนนี้ แต่ว่าฉันก็ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ” เวยเวยพูดขอบคุณด้วยความจริงใจ
เธอไม่เคยเชื่อเขาเลย
สิ่งนี้มันทำให้หนานกงเฮ่ารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกน้อยใจ ในทุกๆเรื่อง ที่จริงเธอไม่อยากพูดกับเขา เธอไม่ต้องการให้เขามาช่วยเธอแบ่งเบาภาระ
เขาออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ด้วยความสับสน หนานกงเฮ่าเดินมาขึ้นรถและขับออกไป
เฟอร์รารี่คันสีขาวขับไปบนถนนอันกว้างด้วยความเร็ว โดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจรทั้งสองข้าง
หนานกงเฮ่าจุดบุหรี่ขึ้นมาดูดสองมวน ก่อนเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อ เขามองผ่านกระจกหลังก็เห็นรอยแผลเป็น มันทำให้เขาคิดไปถึงค่ำคืนหนึ่ง
มันเป็นครั้งแรกที่เขาและเธอพบกัน…..