เมื่อเผชิญกับความสงสัยของเขา ” มู่เวยเวยจึงอธิบายว่า ฉันจะมีจุดประสงค์อะไรได้ ฉันก็แค่อยากรู้อะไรหน่อย แค่ไม่คิดว่าโลกนี้จะมีเรื่องอัศจรรย์แบบนี้ ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้อย่างไร คุณเป็นมนุษย์ต่างดาวเหรอ ? ”
เอเลี่ยน ?
ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอมีมนต์ขลัง ? เหอะ…..
เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่กลัวเขา และยังอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา
ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่มองเขาแปลกๆและใช้คำพูดที่ดูถูก
” ปกติเวลาที่คุณไม่ได้อยู่ในห้องนี้ คุณไปอยู่ที่ไหน ? ไปทำงานหรอ ? หรือไปทำอะไร ? ” มู่เวยเวยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ รอเขาตอบแทบไม่ไหว
เมื่อชายตาม่วงได้ยินคำถามมากมายจากเธอ รู้สึกว่ามีเสียงในหูเยอะเกินไป จึงพูดออกไปว่า ” ทำไมคุณพูดมากจัง เธอไม่รู้สึกรำคาญตัวเองเหรอ ? ”
เมื่อเผชิญกับความสงสัยของเขา มู่เวยเวยจึงไม่พอใจ และพูดบ่นว่า ” เพราะว่าฉันเหงาไง ตั้งแต่พี่ชายฉันหายตัวไป ฉันก็โดนจับแต่งงานกับไอ้บ้าเย่ฉ่าวเฉิน ฉันไม่มีใครที่สามารถพูดอะไรได้เลย…..”
” เรื่องพวกนี้เกี่ยวไรกับฉัน ? ” ชายคนนั้นขึ้นเสียงถาม
มู่เวยเวยตกใจกับเสียงของเขา เมื่อมองไปที่ใบหน้าเขาเธอก็รู้สึกตกตะลึง
คำพูดแบบเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้เธอก็ได้ยินจากปากของเย่ฉ่าวเฉิน !
การแสดงออกและท่าทางของทั้งสองคน มีความคล้ายคลึงกันมาก !
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคืออะไรกัน ? ทำไมถึงมีคนที่คล้ายกันสองคนอยู่บนโลกนี้ ?
เขาคือใครกันแน่ ?
เซียน ? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย !
” เป็นอะไรไป ? ” เมื่อเห็นว่าเธอสติหลุด ชายตาม่วงจึงถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำ
มู่เวยเวยจ้องมองใบหน้าของเขา ไม่แสดงสีหน้าออกมา จากนั้นก็พูดอย่างเบาๆว่า “ คุณคือเย่ฉ่าวเฉิน !”
ไม่ใช่คำถาม แต่คือการยืนยัน
ชายตาม่วงตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ เย่ฉ่าวเฉินเป็นใครกัน ? “
ไม่มีความตื่นตระหนก ไม่มีความผิดปกติใดๆ ท่าทีของเขาดูเป็นปกติธรรมชาติ จนเธอคิดว่าเธออาจจะเดาผิดไป
มู่เวยเวยเห็นตัวจากตรงนั้น เมื่อเธอไม่พบเบาะแสอะไร ในใจเธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก
” คุณเคยเจอเจ้าของห้องนี้ไหม ? เขาก็คือเย่ฉ่าวเฉิน !”
” แล้ว ? ” ชายตาม่วงไม่เข้าใจความหมาย
มู่เวยเวยยิ้มมุมปาก พลางอธิบายว่า ” คุณกับเขาเหมือนกันมาก ต่างกันเพียงแค่สีตา คุณเป็นสีม่วง แต่ของเขาเป็นสีฟ้า ”
” เหมือนกันเป๊ะ ? ” ชายตาม่วงพึมพำสีหน้าดูไม่เข้าใจ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเชื่อ
มู่เวยเวยพยักหน้า ดูเหมือนจะกระตุ้นความสนใจของเขาได้ ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้น และพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า ” ใช่สิ เหมือนกันทุกประการเลย คุณไม่รู้สึกแปลกรึไง ฉันจะพาคุณไปเจอเขา พวกคุณควรเจอกันนะ ? ”
โชคไม่ดีที่ความคิดของเธอล้มเหลว
ชายตาม่วงสงบนิ่ง เขาพูดออกมาเพียงสามคำว่า ” ไม่สนใจ ”
มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะท้อแท้ ในใจมืดมนเล็กน้อย
” ฉัน….. “
ชายชุดม่วงเห็นเธอไม่พอใจ ก็เลยพูดขึ้นมาว่า ” อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ !”
เมื่อได้ยินเขาอธิบาย มู่เวยเวยก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงถามไปว่า “ ทำไม ? ”
ชายตาม่วงหยุดคิด และพูดเบาๆว่า “ เหตุผลยังคงต้องเก็บเป็นความลับ ”
ฉันไป…..ประโยคนี้อีกแล้ว !ไม่พูดเสียยังจะดีกว่า !
มู่เวยเวยถอนหายใจ ตัวตนของผู้ชายตรงหน้าแปลกๆ ไอคิวเขาก็ไม่ต่ำ มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มานานแล้ว !
อยากพาเขาออกไป เขาไม่ไป อยากออกไปตะโกนเรียกคน ว่าเขามีพลังธรรมชาติ…..แต่ก็เล่นไม่ได้ !
ถ้างั้นเธอจะทำอย่างไรดี ?
ในขณะเดียวกัน มู่เวยเวยสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิในห้องลดลง ขนลุกไปทั่วร่างกายของเธอ เธอตัวหนาวสั่น และบทสนทนาของเธอกับเย่ฉ่าวเฉินก็ดังเข้ามาในหัวของเธอ
–ทำไมถึงเข้าห้องนั้นไม่ได้ ?
–ในห้องนั้นเคยมีคนตายข้างๆโต๊ะ ฉันก็ต้องเห็นด้วยตาตัวเอง ถ้าไม่กลัวถูกผีตาม ก็เข้าไปลองดู !
มู่เวยเวยไม่เชื่อในสิ่งที่ผีพูดหรอก เธอจึงเข้าไปในห้องนั้น แต่เจอเพียงแค่ชายตาม่วง
เพียงแค่ เธอคิดได้ว่า ชายคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องในอดีตก็ได้ !
เมื่อคิดได้ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายคนนั้น และถามด้วยความแปลกใจว่า ” ฉันได้ยินว่า ในห้องนี้เคยมีคนตาย คุณคงไม่ใช่คนที่ตายไปคนนั้น แล้วกลายเป็นผีใช่ไหม ? ”
ชายตาม่วงได้ยินเธอพูดจบ ในใจเขาก็นึกหัวเราะออกมา จากนั้นเขาจึงแกล้งเธอต่อด้วยน้ำเสียงอึกอัก ใช่แล้ว ” ไม่คิดว่าเธอจะเดาถูก ”
“ อ๊ะ !!” มู่เวยเวยเบิกตากว้าง น้ำเสียงตกใจ “ คุณ…..คุณคงไม่ใช่ผีคนที่ตายนั้นจริงๆใช่ไหม ? ”
ชายตาม่วงเม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่เห็นด้วย ” ถูกแล้ว ฉันก็คือคนที่ตายเป็น…..ผี…. ”
เมื่อได้ยินคำสารภาพจากปากของเขา มู่เวยเวยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จิตใต้สำนึกเธออดไม่ได้ที่จะสงสัยถาม ถ้าอย่างนั้นคุณตายยังไง ?
มุมปากของชายตาม่วงกระตุกขึ้น ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ !
เขาครุ่นคิดสักพัก และพูดอย่างช้าๆว่า ” ฉันจำได้ว่าคืนนั้นมีฟ้าแลบฟ้าร้องดังมาก ฉันตกใจกลัวจนเป็นลมไป พอตื่นขึ้นมา ตัวฉันก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ และก็มีพลังที่สามารถทำสิ่งเหลือเชื่อได้ ”
เมื่อฟังเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็เบิกตากว้าง เธอได้รู้สิ่งใหม่ !
เสียงฟ้าร้องก็ทำให้คนตายได้ ?
คนตายก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้ ?
เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้รับพลังพิเศษ ? ?
นี่เป็นโชว์วิทยาศาสตร์รึไง !
เธอรู้สึกถึงผมสีดำลุกขึ้นสามเส้น ในใจของมู่เวยเวยแทบไม่อยากเชื่อ
หลังจากจ้องมองเขาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ มู่เวยเวยเลยเชื่อเขา เธอจึงพยักหน้าพูดต่อ ” งั้นคุณมีพลังพิเศษอะไร ? แสดงให้ฉันดูหน่อยได้ไหม ? ”
ชายตาม่วงไม่ได้ตอบอะไร เขายื่นมือออกไปโบกสะบัด ถ้วยน้ำชาและกาน้ำชาก็เหมือนจะมีขายาวออกมา และก้าวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนี้ มู่เวยเวยก็ตกตะลึงและพูดว่า ” มันช่างน่าทึ่งจริงๆ คุณยังมีทักษะอะไรให้ฉันชื่นชมอีกไหม ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่วิเศษขนาดนี้มาก่อน !”
เมื่อได้ยินมู่เวยเวยขอร้อง ชายตาม่วงก็ไม่ได้ว่าอะไรและแสดงทักษะให้เธอได้ชมอีกมากมาย ทำให้มู่เวยเวยอยากปรบมือชมเขา
ใช่แล้ว ! มู่เวยเวยมองดูการแสดงพลางถามชื่อของเขา ” คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย คุณชื่ออะไร ? ”
ชายตาม่วงมองเขาครู่หนึ่ง เขาค่อยๆตอบว่า “ ฉันชื่อเสี่ยวจื่อ “
เอ่อ…..เสี่ยวจื่อ ?
ชื่อนี้จริงๆมัน…..
แน่นอน เธอคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา เพราะเธอรู้ว่าผลที่ตามมามันร้ายแรง !
” เอ่อ…..ฉันขอถามหน่อย ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้งให้คุณ ? ” มู่เวยเวยกลั้นยิ้มและถามอย่างสงบ
ชายตาม่วงมองเธอ ขมวดคิ้ว ” เธอนี่ปัญหาเยอะจริงๆ ”
มู่เวยเวยยิ้มแห้ง และกำลังจะพูดต่อ จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมา ‘ กริ๊ง กริ๊ง ‘ เธอหยิบมันออกมาและมองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์
เมื่อกดดู คิ้วมองมู่เวยเวยก็ขมวดขึ้นมา
คนที่ส่งข้อความมาคือคุณลุงมู่จางรุ่ย ข้อความเขียนว่า :
เวยเวย เพิ่งมีข่าวมาจากอเมริกา มู่เทียนเย่อาการแย่ลง จำเป็นต้องใช้เงินหนึ่งล้าน !!
มู่เวยเวยอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า เธอรู้ว่าสถานการณ์กำลังคับขัน เธอรีบตอบกลับข้อความ
เข้าใจแล้วค่ะ
เงยหน้าขึ้นมา มู่เวยเวยมีท่าทีที่กังวล เธอรีบพูดว่า ” เสี่ยวจื่อ ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ไปก่อนนะ ค่อยคุยกันใหม่วันหลัง !”
” อืม ”
เมื่อได้ยินเขาตอบ มู่เวยเวยรีบหันหลังเดินออกไป เดินตรงไปที่ห้องหนังสือของเย่ฉ่าวเฉิน เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ มู่เวยเวยก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินกำลังจดจ่ออยู่กับงาน เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ยังดีเพราะเมื่อครู่เธอคิดว่าทั้งสองเป็นคนคนเดียวกัน เสี่ยวจื่อคงไม่สามารถผ่านกำแพงมาที่นี่ได้ เธอคงจะคิดมากไป
แม้ว่าเสี่ยวจื่อจะดูเย็นชา แต่ก็ยังดีกว่าเจ้าปีศาจเย่ฉ่าวเฉินมาก ในใจเธอหวังว่าให้เป็นแบบนั้น
มู่เวยเวยดึงสติกลับมา เดินไปที่ข้างๆเย่ฉ่าวเฉิน ดูท่าทางที่สมบูรณ์แบบของเขา เธอพูดอย่างระวังว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ ”
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของเขาเย็นชา และถามอย่างไม่สนใจว่า ” มีเรื่องอะไร ? ”
มือของมู่เวยเวยเหงื่อไหล เธอไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่เมื่อคิดถึงเรื่องของพี่ชาย เธอก็กัดฟันพูด “ ฉัน…..ฉันขอยืมเงินคุณ….. ”
เย่ฉ่าวเฉินเห็นท่าทีที่เกร็งของเธอ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายและถามไปว่า ” ยืมเงินไปทำไม ? ”
ฉัน….. มู่เวยเวยชะงักและคิดว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องพี่ชายเธอได้ จึงพูดไปว่า “ ยังไงก็ตามมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหามาคืนคุณโดยเร็วที่สุด !”
มุมปากของเย่ฉ่าวเฉินกระตุกยิ้มขึ้น นิ้วชี้ขวาของเขาเคาะโต๊ะ และพูดอย่างไม่สนใจว่า ” เธอบอกมาว่าจะเอาเงินไปทำอะไร ทำไมฉันถึงต้องให้เธอยืม ? ”
“ ฉัน….. ”
มู่เวยเวยถูกคำพูดของเขาดักไว้ เมื่อคิดว่าจะถามเขา เธอจึงลดท่าทีลง “ งั้น…..เย่ฉ่าวเฉิน เพียงแค่ฉันบอกว่าเอาไปทำอะไร คุณก็จะให้ฉันยืมใช่ไหม ? ”
เมื่อเจอกับคำถามของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็เอามือเท้าคาง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหยียดหยามว่า ” มู่เวยเวย ตอนนี้เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ ระวังสถานะเธอหน่อย !”
ไอ้คนบ้านี่ !
มู่เวยเวยสาปแช่งเขาเงียบๆ เธอรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เธอไม่มีสิทธิ์พอที่จะไปต่อรองกับเขาเหรอ ?
” กลุ่มบริษัทมู่ซื่อต้องการเงินก้อนหนึ่งเผื่อหมุน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดี ในฐานะของคนตระกูลมู่ ฉันไม่สามารถนั่งเฉยได้ “ ดังนั้น….. “ มู่เวยเวยครุ่นคิดสักพักแล้วตอบไป
” ถ้าฉันจำไม่ผิด บริษัทมู่ซื่อในตอนนี้อยู่ในความดูแลของมู่จางรุ่ย เธอยืมเงินให้เขา ฉันควรจะบอกว่าเธอมีเกียรติ หรือว่าเธอโง่กันแน่ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยเสียงที่เย็นชาและประชดประชัน
มู่เวยเวยยังแสดงออกเหมือนเดิม “ บริษัทนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่เธอสร้างมา อีกอย่างคุณลุงก็คือคนในครอบครัว ไม่ใช่คนนอก !”
เย่ฉ่าวเฉินเงียบไปครู่หนึ่งและถามออกไปว่า “ เธอจะยืมเท่าไหร่ ? ”
มู่เวยเวยสีหน้าดีใจ และพูดเรียบๆว่า “ หนึ่งล้าน !”
เย่ฉ่าวเฉินมีท่าทีตกใจ และยิ้มด้วยความเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
มู่เวยเวยมองดูเขา ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกกังวล ยิ่งเห็นเขาไม่พูดอะไร เธอกัดริมฝีปากพลางพูด “ เอ่อ ฉัน….. ฉันรู้ว่ามันเป็นจำนวนที่มาก แต่ว่าฉันจะหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด หวังว่าคุณ….. “
เย่ฉ่าวเฉินเม้มริมฝีปากเหลือบมองเธอ ” ฉันไม่ใช่คนใจดี ในเมื่อเธอบอกว่าจะยืม ถ้างั้นก็ต้องมีเวลา เธอคิดว่าจะคืนฉันเมื่อไหร่ ? ”
มู่เวยเวยจิกนิ้วมือ ในใจเธอรู้ดีว่า ด้วยความสามารถของเธอ เป็นไปได้ยากที่เธอจะเก็บเงินได้มากพอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานหนักขนาดไหนก็ตาม ภายในเวลาอันสั้นเธอไม่สามารถคืนเขาได้แน่
แต่ ณ จุดนี้ เธอจะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว เธอกัดฟันพูดอย่างแน่วแน่ ” ให้เวลาฉันสามปี ภายในสามปีฉันจะหามาคืนคุณแน่นอน !”
สถานการณ์ของพี่ชายเธอไม่สู้ดี เธอไม่สามารถลังเลต่อไปได้อีกแล้ว !
“ ไม่มีทาง ” จ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กที่ดูอึดอัดของเธอ ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินดูเจ้าเล่ห์ “ สามเดือน !ฉันให้เวลาเธอแค่สามเดือน ! ”
อะไรนะ ? สามเดือน ?
จะเป็นไปได้อย่างไร ?
มู่เวยเวยทนไม่ได้และตะโกนออกไปว่า ” จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ? คุณลองคิดในมุมมองของฉัน สามเดือนฉันจะหามาคืนคุณทันได้อย่างไร !”
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างเย็นชาว่า ” เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้ความสามารถเธอ ไม่มีทางที่จะคืนได้ภายในสามปี เธอไม่ได้บอกว่ายืมเงินให้บริษัทมู่ซื่อรึไง ? สามเดือนไม่พอหวุนเวียนเหรอ ? ”
มู่เวยเวยอึ้งไปชั่วขณะ เธอก็คิดได้ทันทีว่า ‘เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว’ ตอนนี้ควรทำยังไงดี ?
เงินนี้ให้พี่ชายเธอ ถ้าหากว่าสามเดือนต่อมาเย่ฉ่าวเฉินไปทวงเงิน ถ้าคุณลุงบอกไปจะทำยังไง ? ในเมื่อเงินนี้เธอเป็นคนยืม !
มู่เวยเวยไม่เคยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้ เธอเหมือนมีกำแพงล้อมไว้รอบด้าน ราวกับสัตว์ที่โดนขัง
” ฉัน…..ฉันจะรีบหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด ได้โปรดให้เวลาฉันอีกสักนิด ขอร้องเธอแล้ว !” มู่เวยเวยเหนื่อยล้าไปทั้งกายและใจ เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นว่าเธอเหมือนนกที่ไม่มีที่ไป เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มมุมปาก และพูดอย่างเย็นชาว่า “ ถ้าเป็นเช่นนนี้ งั้นเธอก็ใช้วิธีอื่นชดใช้ฉันละกัน !”
มู่เวยเวยตาเป็นประกาย พร้อมถามด้วยความตื่นเต้นว่า ” วิธีอะไร ? ”
“ นาย…..น่ารังเกียจ ! หน้าด้าน ! ” มู่เวยเวยด่าด้วยความเกรี้ยวกราด
เธอก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ว่า…..เงินหนึ่งล้าน เธอยังจะมีวิธีใดอีก…..
แต่เพื่อพี่ชาย เธอจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ !
นอกจากนี้ คนที่ยังเหยียบย่ำศักดิ์ของเธอก็คือเย่ฉ่าวเฉิน เขาไม่พูดก็รู้ได้ว่าหมายถึงอะไร !
มู่เวยเวยเสียใจและขุ่นเคืองมาก แต่ก็ยังสงบนิ่งและพูดต่อว่า “ ในเมื่อคุณรู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณจะให้ฉันยืมเงินใช่ไหม ? ”
เย่ฉ่าวเฉินไม่เคยเกลียดผู้หญิงมากขนาดนี้ ! แต่ตอนนี้เขาอยากบีบคอเธอให้ตายจริงๆ !
เขาเหลือบมองปากกาในมือ ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินยิ้มขึ้นอย่างเย็กเย็น จากนั้นก็สะบัดมือขวาไปทางหน้าต่าง ปากกาก็ลอยไปอยู่กลางอากาศ โค้งงอและหายวับตกลงไป
” ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ขนาดเท่าสนามฟุตบอล ปากกาของฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งในสระว่ายน้ำนี้ ถ้าเธอหาเจอ ฉันจะให้เธอหนึ่งล้าน !” เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองที่ใบหน้าเรียวสวยของเธอและพูดอย่างเหยียดหยาม
มู่เวยเวยดูมึนงง และถามว่า “ คุณพูดจริงใช่ไหม ? “
” ฉันเย่ฉ่าวเฉินคนนี้ไม่เคยพูดโกหก เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความเย็นชา เพียงแต่ฉันจะเตือนเธอว่า ในสะน้ำนี้มีขนาดเท่าสนามฟุตบอลและลึกสามเมตร เธอชั่งน้ำหนักความน่าจะเป็นดูเอง !”
มู่เวยเวยไม่คิดอะไร รีบใส่เสื้อผ้าและพูดเสียงแข็งว่า “ ฉันจะต้องหาให้เจอ ”
พูดจบก็หันหลังออกไป
……
มู่เวยเวยวิ่งลงไปด้วยความเร็ว ในที่สุดเธอก็มาถึงสระว่ายน้ำด้านตะวันออก เมื่อเธอมองเห็นสระน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอก็ตกตะลึงกรามแทบหลุด
ความขมขื่นปรากฎบนใบหน้าเธอ ในใจเธอคิดว่า ไม่รู้จะสร้างสระว่ายน้ำทำไมใหญ่โต ? ไม่รู้จักว่ามันเปลืองรึไง ?
หลังจากมองไปรอบๆสระ มู่เวยเวยก็ถอนหายใจออกมา ยังดีที่ความลึกของสระ ไม่เหมือนกับที่เย่ฉ่าวเฉินพูดไว้ อย่างมากแค่ประมาณสองเมตร
เมื่อถึงทางลงสระว่ายน้ำ เธอก็ค่อยๆลงไปด้วยความระมัดระวัง แต่ด้วยเป็นเวลาค่ำแล้ว เมื่อผิวเธอกระทบกับน้ำที่เย็น มันก็ทำให้มู่เวยเวยตัวสั่นแทบจะเป็นน้ำแข็ง
เมื่อเท้าเธอแตะที่ก้นสระ น้ำในสระน้ำอยู่ในระดับอกของเธอ ใจมู่เวยเวยก็สงบนิ่งลง แต่แล้วเธอก็นึกถึงปัญหาใหญ่ :ความหนาแน่นของปากกาเล็กกว่าสระน้ำมาก ถ้าหากว่าปากกาตกลงไปที่ก้นสระ……
และเมื่อคิดได้ว่าเธอเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น มู่เวยเวยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอจะทำยังไงดี ?
เมื่อยืนอยู่ในน้ำคิดสักพัก มู่เวยเวยก็คิดวิธีโง่ๆออกอย่างหนึ่ง แต่ว่ามันเป็นวิธีที่จะได้ผล
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และดำลงไปในน้ำ เธอไม่กล้าลืมตาขึ้นมา แต่ใช้เพียงมือคลำหาไปทั่วทุกสารทิศ มีเพียงน้ำที่เย็นไหลผ่านนิ้วมือของเธอเท่านั้น
ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที มู่เวยเวยรู้สึกแน่นหน้าอกเนื่องจากขาดออกซิเจน เธอรีบดันตัวขึ้นข้างบน เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์…..
ฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ มู่เวยเวยจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองอยู่ในน้ำนานเท่าไหร่ เธอรู้สึกว่าขาของเธอชาและอ่อนแรง หนาวสั่นสติของเธอเริ่มเลือนราง เธอเคลื่อนไหวด้วแรงทั้งหมดที่มี
ทันใดนั้น…..
เธอเหมือนไม่มีความรู้สึก เท้าของเธอก็เหมือนไปชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ร่างกายของเธอก็เสียการทรงตัวและตกลงไปข้างหน้า
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มู่เวยเวยไม่ทันระวัง น้ำที่เย็นก็ไหลเข้าปากและจมูกของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้สติเธอค่อยๆ เลือนราง
เย่ฉ่าวเฉินนอนอยู่บนเตียง พยายามพลิกตัวนอน ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามกล่อมตัวเองไม่ให้กังวลกับชีวิตของมู่เวยเวยที่อยู่ในสระน้ำข้างล่าง แต่ในใจเขาก็ยังรู้สึกวิตกกังวล
ห้องนอนของเขาอยู่ตรงห้องหนังสือชั้นบน เขาเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปดูสถานการณ์ที่สระว่ายน้ำ
เย่ฉ่าวเฉินยืนขึ้นอย่างหงุดหงิดและมองไปที่หน้าต่าง เขาไม่เห็นเงาใครตรงสระว่ายน้ำ ใจเขาก็ดูสงบลงทันที
หลังจากอาบน้ำเสร็จกลับมาที่ห้องนอน เขาก็สังเกตเห็นว่าข้างนอกมันเงียบ ทำให้มั่นใจได้ว่ามู่เวยเวยไม่ได้เดินขึ้นมา…..
เขารีบลงไปที่ชั้นล่าง เย่ฉ่าวเฉินตะโกนเรียกด้วยเสียงที่จริงจังว่า “ คุณอาหวัง !”
เมื่อคุณอาหวังได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมา ถามด้วยความเคารพว่า ” คุณชาย คุณมีอะไรจะรับสั่งครับ ”
ท่าทีเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความกดดัน ดวงตาสีฟ้าของเขาดูเป็นประกาย เขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ คุณหนูลงไปในสระน้ำ คุณรีบไปตามคนมาตามหาเธอ จำไว้ว่าต้องหาโดยเร็วที่สุด ! ”
เมื่อคุณอาหวังได้ยินว่ามันเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เขารีบตอบไปว่า “ ครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ !”
ในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ไม่ง่ายที่จะมองเห็นเงาคน คุณอาหวังรีบนำคนของตระกูลเย่ทุกคนออกตามหา
เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ข้างสระ ในใจเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
มู่เวยเวย เธอจะตายไม่ได้ !
ถ้าเธอตายฉันจะทำลายมู่ซื่อ ฆ่าพี่ชายของเธอ !
เธอแคร์พวกเขามากไม่ใช่หรอ ? ถ้างั้นเธอก็ต้องอยู่ต่อสิ !
ขณะที่ตามหากันเป็นเวลานาน สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ดูกังวลขึ้น ในขณะที่เขากำลังจะอาละวาด ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากสระทางด้านทิศตะวันตกว่า “ คุณชาย เจอคุณหนูแล้ว ! แต่เธอหมดสติไป !”
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมตะโกนไปว่า “ พาเธอขึ้นมาเร็วเข้า !”
“ ครับ ”
“ คุณอาหวัง ! ”
“ ครับ คุณชาย ”
“ คุณรีบโทรไปหาหมอหาน บอกเขาว่าให้มาภายในสิบนาที ! “
“ ครับ ! ”
คุณอาหวังเดินจากไป และเดินไปหาหมอหานอย่างเงียบๆ ใครก็รู้ว่าบ้านเขาห่างจากที่นี่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่ว่าคุณชาย จะให้เขามาภายในสิบนาที…..
………
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่มู่เวยเวยที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง อารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา ทำให้เขาเกิดอาการประหม่า
“ หมอหานยังไม่มาอีกหรอ ? ” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนถาม “ โทรหาเขาอีกครั้ง ถ้าหากว่าอีกห้านาทีเขายังมาไม่ถึง เขาต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา !”
คนรอบๆตัวเขาใจเต้น เพราะกลัวว่าจะโดนยิง
” มาแล้ว…..ทันทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ฉันขับรถมาด้วยความเร็ว 200 กม ฝ่าไฟแดงมาตลอดทาง ถ้าหากว่ารถฉันโดนค่าปรับ อย่าลืมจ่ายให้ฉันด้วยละกัน !”
หมอหานได้ยินเสียงปืนจากระยะไกล รีบวิ่งมาที่ประตู
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะตวาดว่า ” อย่าเพิ่งพูดไร้สาระ ! รีบรักษาเธอก่อน !”
หมอหานยักไหล่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกระเป๋ายา
หมอหานตรวจดูมู่เวยเวย และพบว่าเธอมีน้ำในปอดจำนวนมาก จึงรีบยื่นมือมาเปิดเสื้อเธอทันที และเตรียม…..
“ คุณจะทำอะไร ? ”
มีเสียงแข็งกร้าวดังมาจากข้างหลัง หมอหานเหงื่อตก เขารีบปล่อยมือ พลางพูดว่า ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ? ได้โปรดฉันกำลังจะช่วยเธอ ตอนนี้เธอมีน้ำในปอดมาก ถ้าหากว่าไม่รีบนำน้ำออกมา เธอจะตาย !
เมื่อฟังเขาอธิบาย เย่ฉ่าวเฉินเม้มริมฝีปากและพูดเบาๆว่า “ งั้นคุณจะยังรออะไรอยู่ล่ะ ? รีบช่วยเธอสิ !”
หมอหานอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล และอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจว่า คุณชายคนนี้ ช่างไร้เหตุผลซะจริง !
หมอหานใช้มือกดที่หน้าอกของมู่เวยเวยอย่างชำนาญ มู่เวยเวยพ่นน้ำออกมาจากปากเป็นจำนวนมาก…..
เมื่อทำเสร็จ สีหน้าของมู่เวยเวยดูแดงระเรื่อขึ้นมา ทำให้หมอหานถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
หลังจากเก็บกล่องยา เขาก็หันมามองเย่ฉ่าวเฉินและพูดอย่างจริงใจว่า ” คุณชายเย่ ไม่ใช่ว่าฉันว่าคุณนะ แต่นับตั้งแต่คุณหนูมาอยู่กับคุณ เธอสามวันป่วยเล็กน้อย ห้าวันป่วยหนัก เดิมทีร่างกายของเธอก็ไม่แข็งแรง ไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะรู้อยู่ดี ”
เมื่อได้ยินเขาบ่น เย่ฉ่าวเฉินก็แสดงท่าทีบึ้งตึงออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ คุณนี่พูดมากซะจริง !ทำไม ? เป็นห่วงเธอรึไง ? ”
เย่ฉ่าวเฉินจงใจซ้ำเติมประโยคของเขา ทำให้หมอหานตัวสั่นไปทั้งตัว ” ต่อให้พูดอะไร ฉันก็ไม่กล้าหรอก !ฉันแค่พูดจากความรู้หมอของฉัน ”
” โอ้ ? เมื่อก่อนพวกลูกน้องของฉันบาดเจ็บ ก็ยังไม่เห็นคุณเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้เลย เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความสงสัย
หมอหานเม้มริมฝีปากพูดต่อไปว่า ” พวกผู้ใหญ่จะขี้แยได้ยังไง มันเป็นเรื่องปกติที่พวกคุณจะโดนยิงแบบนี้อยู่แล้ว คุณหนูสามารถเทียบกับพวกเขาได้ด้วยหรอ ? ”
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้พูดอะไร จ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กบนเตียง ในใจเขาเต็มไปด้วยความคิด
” คุณชาย ฉันขอเตือนอะไรคุณหน่อย ถ้าหากว่ายังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก คุณหนูอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ ต่อไปคุณก็ระวังหน่อยเถอะ…..”
หันไปมองท่าทีและเสียงของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกหงุดหงิด และไม่ได้ยินอะไรอีก จึงพูดออกไปว่า “ คุณอาหวัง ส่งแขก !”
หมอหานถูกลากตัวออกไป
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มู่เวยเวยค่อยๆลืมตาขึ้นมา เธอสับสนเล็กน้อย สายหัวไปมาเป็นเวลานาน และในที่สุดเธอก็เห็นว่านี่เป็นห้องนอนของเธอเอง
“ ตื่นแล้วเหรอ ? ”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหูของเธอ มันทำให้เธอตัวแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นเย่ฉ่าวเฉินยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง
มู่เวยเวยพยายามสงบสติอารมณ์ พร้อมพูดเบาๆว่า “ อืม “
เย่ฉ่าวเฉินโยนก้นบุหรี่ลงใช้เท้าหยี้สองครั้ง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ คุณหิวไหม ? ฉันจะให้ฉินหม่าทำอะไรมาให้กิน “
มู่เวยเวยไม่ตอบอะไร เธอมองเขาด้วยความระมัดระวัง รู้สึกแปลกๆ ปกติเขาจะพูดถากถางเธอตลอดไม่ใช่เหรอ ? ทำไมตอนนี้ถึงมาสนใจเธอล่ะ ?
เพียงแต่…..
“ แม่เจ้า ฉันเกือบลืมไปเลย !” มู่เวยเวยผงะลุกขึ้นจากเตียง รีบสวมรองเท้าเดินไปหน้าประตู
เย่ฉ่าวเฉินสังเกตเห็นเธอ รีบคว้ามือเธอไว้และถามด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า เธอจะไปไหน? เพิ่งตื่นขึ้นมาเอง!
มู่เวยเวยดูกังวลและพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า ฉันยังหาปากกานั่นไม่พบ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้ คุณให้เวลาฉันอีกหน่อยนะ!
เย่ฉ่าวเฉินดูค่อนข้างจะเย็นชา สายตาดุร้าย และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ มู่เวยเวย เมื่อวานเธอเกือบตายแล้วรู้รึเปล่า ? เพียงแค่เงินหนึ่งล้าน เธอถึงกับจะทิ้งชีวิตเลยเหรอ ? “
มู่เวยเวยแสดงออกด้วยท่าทีที่ชัดเจน เธอพูดอย่างเย็นชาว่า ” คุณไม่ต้องยุ่งกับฉัน ฉันจำเป็นต้องใช้เงินนั้นจริงๆ คุณวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันจะหามันให้พบ !”
” โง่รึเปล่า ถ้าหากว่าเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมาฉันก็ต้องระดมคนมาหาเธอ ! มู่เวยเวย เธอเป็นผู้หญิงที่เรื่องเยอะที่สุดที่ฉันเคยเจอมาแล้ว !” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
คำพูดของเขา ทำให้เธอหยุดชะงักและหันกลับมามองเขา แต่น้ำเสียงเธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ ฉันต้องการเงินนั้นจริงๆ !”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ท่าทีที่ดูรั้นของเธอ ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “ อยู่ที่นี่รอฉัน !”
เมื่อพูดจบเขาก็ออกจากห้องไป
มู่เวยเวยงงกับคำพูดของเขา นั่งคิดอยู่พักหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจจะไปหาปากกา แต่กลับชนเข้ากับเย่ฉ่าวเฉินที่หน้าประตู
ทั้งสองมองหน้ากัน ได้ยินเสียงที่น่ารำคาญของเย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นมาว่า ” มู่เวยเวย เธอนี่ดื้อรั้นจริง ฉันบอกว่าให้เธอรอฉันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ ? ยังจะกล้าขัดคำสั่งอีก อยากโดนลงโทษรึไง ? ”
เมื่อหันไปเห็นท่าทีเย่อหยิ่งของเขา มู่เวยเวยก็เงียบไปสักพัก ” ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ ฉันมีสิทธิเสรีภาพ ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง !”