วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 67 ช่วยฉันที

เมื่อเผชิญกับความสงสัยของเขา ” มู่เวยเวยจึงอธิบายว่า ฉันจะมีจุดประสงค์อะไรได้ ฉันก็แค่อยากรู้อะไรหน่อย แค่ไม่คิดว่าโลกนี้จะมีเรื่องอัศจรรย์แบบนี้ ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้อย่างไร คุณเป็นมนุษย์ต่างดาวเหรอ ? ”

เอเลี่ยน ?

ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอมีมนต์ขลัง ? เหอะ…..

เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่กลัวเขา และยังอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา

ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่มองเขาแปลกๆและใช้คำพูดที่ดูถูก

” ปกติเวลาที่คุณไม่ได้อยู่ในห้องนี้ คุณไปอยู่ที่ไหน ? ไปทำงานหรอ ? หรือไปทำอะไร ? ” มู่เวยเวยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ รอเขาตอบแทบไม่ไหว

เมื่อชายตาม่วงได้ยินคำถามมากมายจากเธอ รู้สึกว่ามีเสียงในหูเยอะเกินไป จึงพูดออกไปว่า ” ทำไมคุณพูดมากจัง เธอไม่รู้สึกรำคาญตัวเองเหรอ ? ”

เมื่อเผชิญกับความสงสัยของเขา มู่เวยเวยจึงไม่พอใจ และพูดบ่นว่า ” เพราะว่าฉันเหงาไง ตั้งแต่พี่ชายฉันหายตัวไป ฉันก็โดนจับแต่งงานกับไอ้บ้าเย่ฉ่าวเฉิน ฉันไม่มีใครที่สามารถพูดอะไรได้เลย…..”

” เรื่องพวกนี้เกี่ยวไรกับฉัน ? ” ชายคนนั้นขึ้นเสียงถาม

มู่เวยเวยตกใจกับเสียงของเขา เมื่อมองไปที่ใบหน้าเขาเธอก็รู้สึกตกตะลึง

คำพูดแบบเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้เธอก็ได้ยินจากปากของเย่ฉ่าวเฉิน !

การแสดงออกและท่าทางของทั้งสองคน มีความคล้ายคลึงกันมาก !

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคืออะไรกัน ? ทำไมถึงมีคนที่คล้ายกันสองคนอยู่บนโลกนี้ ?

เขาคือใครกันแน่ ?

เซียน ? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย !

” เป็นอะไรไป ? ” เมื่อเห็นว่าเธอสติหลุด ชายตาม่วงจึงถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำ

มู่เวยเวยจ้องมองใบหน้าของเขา ไม่แสดงสีหน้าออกมา จากนั้นก็พูดอย่างเบาๆว่า “ คุณคือเย่ฉ่าวเฉิน !”

ไม่ใช่คำถาม แต่คือการยืนยัน

ชายตาม่วงตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ เย่ฉ่าวเฉินเป็นใครกัน ? “

ไม่มีความตื่นตระหนก ไม่มีความผิดปกติใดๆ ท่าทีของเขาดูเป็นปกติธรรมชาติ จนเธอคิดว่าเธออาจจะเดาผิดไป

มู่เวยเวยเห็นตัวจากตรงนั้น เมื่อเธอไม่พบเบาะแสอะไร ในใจเธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก

” คุณเคยเจอเจ้าของห้องนี้ไหม ? เขาก็คือเย่ฉ่าวเฉิน !”

” แล้ว ? ” ชายตาม่วงไม่เข้าใจความหมาย

มู่เวยเวยยิ้มมุมปาก พลางอธิบายว่า ” คุณกับเขาเหมือนกันมาก ต่างกันเพียงแค่สีตา คุณเป็นสีม่วง แต่ของเขาเป็นสีฟ้า ”

” เหมือนกันเป๊ะ ? ” ชายตาม่วงพึมพำสีหน้าดูไม่เข้าใจ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเชื่อ

มู่เวยเวยพยักหน้า ดูเหมือนจะกระตุ้นความสนใจของเขาได้ ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้น และพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า ” ใช่สิ เหมือนกันทุกประการเลย คุณไม่รู้สึกแปลกรึไง ฉันจะพาคุณไปเจอเขา พวกคุณควรเจอกันนะ ? ”

โชคไม่ดีที่ความคิดของเธอล้มเหลว

ชายตาม่วงสงบนิ่ง เขาพูดออกมาเพียงสามคำว่า ” ไม่สนใจ ”

มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะท้อแท้ ในใจมืดมนเล็กน้อย

” ฉัน….. “

ชายชุดม่วงเห็นเธอไม่พอใจ ก็เลยพูดขึ้นมาว่า ” อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ !”

เมื่อได้ยินเขาอธิบาย มู่เวยเวยก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงถามไปว่า “ ทำไม ? ”

ชายตาม่วงหยุดคิด และพูดเบาๆว่า “ เหตุผลยังคงต้องเก็บเป็นความลับ ”

ฉันไป…..ประโยคนี้อีกแล้ว !ไม่พูดเสียยังจะดีกว่า !

มู่เวยเวยถอนหายใจ ตัวตนของผู้ชายตรงหน้าแปลกๆ ไอคิวเขาก็ไม่ต่ำ มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มานานแล้ว !

อยากพาเขาออกไป เขาไม่ไป อยากออกไปตะโกนเรียกคน ว่าเขามีพลังธรรมชาติ…..แต่ก็เล่นไม่ได้ !

ถ้างั้นเธอจะทำอย่างไรดี ?

ในขณะเดียวกัน มู่เวยเวยสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิในห้องลดลง ขนลุกไปทั่วร่างกายของเธอ เธอตัวหนาวสั่น และบทสนทนาของเธอกับเย่ฉ่าวเฉินก็ดังเข้ามาในหัวของเธอ

–ทำไมถึงเข้าห้องนั้นไม่ได้ ?

–ในห้องนั้นเคยมีคนตายข้างๆโต๊ะ ฉันก็ต้องเห็นด้วยตาตัวเอง ถ้าไม่กลัวถูกผีตาม ก็เข้าไปลองดู !

มู่เวยเวยไม่เชื่อในสิ่งที่ผีพูดหรอก เธอจึงเข้าไปในห้องนั้น แต่เจอเพียงแค่ชายตาม่วง

เพียงแค่ เธอคิดได้ว่า ชายคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องในอดีตก็ได้ !

เมื่อคิดได้ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายคนนั้น และถามด้วยความแปลกใจว่า ” ฉันได้ยินว่า ในห้องนี้เคยมีคนตาย คุณคงไม่ใช่คนที่ตายไปคนนั้น แล้วกลายเป็นผีใช่ไหม ? ”

ชายตาม่วงได้ยินเธอพูดจบ ในใจเขาก็นึกหัวเราะออกมา จากนั้นเขาจึงแกล้งเธอต่อด้วยน้ำเสียงอึกอัก ใช่แล้ว ” ไม่คิดว่าเธอจะเดาถูก ”

“ อ๊ะ !!” มู่เวยเวยเบิกตากว้าง น้ำเสียงตกใจ “ คุณ…..คุณคงไม่ใช่ผีคนที่ตายนั้นจริงๆใช่ไหม ? ”

ชายตาม่วงเม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่เห็นด้วย ” ถูกแล้ว ฉันก็คือคนที่ตายเป็น…..ผี…. ”

เมื่อได้ยินคำสารภาพจากปากของเขา มู่เวยเวยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จิตใต้สำนึกเธออดไม่ได้ที่จะสงสัยถาม ถ้าอย่างนั้นคุณตายยังไง ?

มุมปากของชายตาม่วงกระตุกขึ้น ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ !

เขาครุ่นคิดสักพัก และพูดอย่างช้าๆว่า ” ฉันจำได้ว่าคืนนั้นมีฟ้าแลบฟ้าร้องดังมาก ฉันตกใจกลัวจนเป็นลมไป พอตื่นขึ้นมา ตัวฉันก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ และก็มีพลังที่สามารถทำสิ่งเหลือเชื่อได้ ”

เมื่อฟังเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็เบิกตากว้าง เธอได้รู้สิ่งใหม่ !

เสียงฟ้าร้องก็ทำให้คนตายได้ ?

คนตายก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้ ?

เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้รับพลังพิเศษ ? ?

นี่เป็นโชว์วิทยาศาสตร์รึไง !

เธอรู้สึกถึงผมสีดำลุกขึ้นสามเส้น ในใจของมู่เวยเวยแทบไม่อยากเชื่อ

หลังจากจ้องมองเขาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ มู่เวยเวยเลยเชื่อเขา เธอจึงพยักหน้าพูดต่อ ” งั้นคุณมีพลังพิเศษอะไร ? แสดงให้ฉันดูหน่อยได้ไหม ? ”

ชายตาม่วงไม่ได้ตอบอะไร เขายื่นมือออกไปโบกสะบัด ถ้วยน้ำชาและกาน้ำชาก็เหมือนจะมีขายาวออกมา และก้าวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว

เมื่อเห็นแบบนี้ มู่เวยเวยก็ตกตะลึงและพูดว่า ” มันช่างน่าทึ่งจริงๆ คุณยังมีทักษะอะไรให้ฉันชื่นชมอีกไหม ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่วิเศษขนาดนี้มาก่อน !”

เมื่อได้ยินมู่เวยเวยขอร้อง ชายตาม่วงก็ไม่ได้ว่าอะไรและแสดงทักษะให้เธอได้ชมอีกมากมาย ทำให้มู่เวยเวยอยากปรบมือชมเขา

ใช่แล้ว ! มู่เวยเวยมองดูการแสดงพลางถามชื่อของเขา ” คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย คุณชื่ออะไร ? ”

ชายตาม่วงมองเขาครู่หนึ่ง เขาค่อยๆตอบว่า “ ฉันชื่อเสี่ยวจื่อ “

เอ่อ…..เสี่ยวจื่อ ?

ชื่อนี้จริงๆมัน…..

แน่นอน เธอคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา เพราะเธอรู้ว่าผลที่ตามมามันร้ายแรง !

” เอ่อ…..ฉันขอถามหน่อย ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้งให้คุณ ? ” มู่เวยเวยกลั้นยิ้มและถามอย่างสงบ

ชายตาม่วงมองเธอ ขมวดคิ้ว ” เธอนี่ปัญหาเยอะจริงๆ ”

มู่เวยเวยยิ้มแห้ง และกำลังจะพูดต่อ จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมา ‘ กริ๊ง กริ๊ง ‘ เธอหยิบมันออกมาและมองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์

เมื่อกดดู คิ้วมองมู่เวยเวยก็ขมวดขึ้นมา

คนที่ส่งข้อความมาคือคุณลุงมู่จางรุ่ย ข้อความเขียนว่า :

เวยเวย เพิ่งมีข่าวมาจากอเมริกา มู่เทียนเย่อาการแย่ลง จำเป็นต้องใช้เงินหนึ่งล้าน !!

มู่เวยเวยอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า เธอรู้ว่าสถานการณ์กำลังคับขัน เธอรีบตอบกลับข้อความ

เข้าใจแล้วค่ะ

เงยหน้าขึ้นมา มู่เวยเวยมีท่าทีที่กังวล เธอรีบพูดว่า ” เสี่ยวจื่อ ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ไปก่อนนะ ค่อยคุยกันใหม่วันหลัง !”

” อืม ”

เมื่อได้ยินเขาตอบ มู่เวยเวยรีบหันหลังเดินออกไป เดินตรงไปที่ห้องหนังสือของเย่ฉ่าวเฉิน เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป

เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ มู่เวยเวยก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินกำลังจดจ่ออยู่กับงาน เธอก็รู้สึกโล่งใจ

ยังดีเพราะเมื่อครู่เธอคิดว่าทั้งสองเป็นคนคนเดียวกัน เสี่ยวจื่อคงไม่สามารถผ่านกำแพงมาที่นี่ได้ เธอคงจะคิดมากไป

แม้ว่าเสี่ยวจื่อจะดูเย็นชา แต่ก็ยังดีกว่าเจ้าปีศาจเย่ฉ่าวเฉินมาก ในใจเธอหวังว่าให้เป็นแบบนั้น

มู่เวยเวยดึงสติกลับมา เดินไปที่ข้างๆเย่ฉ่าวเฉิน ดูท่าทางที่สมบูรณ์แบบของเขา เธอพูดอย่างระวังว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ ”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของเขาเย็นชา และถามอย่างไม่สนใจว่า ” มีเรื่องอะไร ? ”

มือของมู่เวยเวยเหงื่อไหล เธอไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่เมื่อคิดถึงเรื่องของพี่ชาย เธอก็กัดฟันพูด “ ฉัน…..ฉันขอยืมเงินคุณ….. ”

เย่ฉ่าวเฉินเห็นท่าทีที่เกร็งของเธอ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายและถามไปว่า ” ยืมเงินไปทำไม ? ”

ฉัน….. มู่เวยเวยชะงักและคิดว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องพี่ชายเธอได้ จึงพูดไปว่า “ ยังไงก็ตามมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหามาคืนคุณโดยเร็วที่สุด !”

มุมปากของเย่ฉ่าวเฉินกระตุกยิ้มขึ้น นิ้วชี้ขวาของเขาเคาะโต๊ะ และพูดอย่างไม่สนใจว่า ” เธอบอกมาว่าจะเอาเงินไปทำอะไร ทำไมฉันถึงต้องให้เธอยืม ? ”

“ ฉัน….. ”

มู่เวยเวยถูกคำพูดของเขาดักไว้ เมื่อคิดว่าจะถามเขา เธอจึงลดท่าทีลง “ งั้น…..เย่ฉ่าวเฉิน เพียงแค่ฉันบอกว่าเอาไปทำอะไร คุณก็จะให้ฉันยืมใช่ไหม ? ”

เมื่อเจอกับคำถามของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็เอามือเท้าคาง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหยียดหยามว่า ” มู่เวยเวย ตอนนี้เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ ระวังสถานะเธอหน่อย !”

ไอ้คนบ้านี่ !

มู่เวยเวยสาปแช่งเขาเงียบๆ เธอรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เธอไม่มีสิทธิ์พอที่จะไปต่อรองกับเขาเหรอ ?

” กลุ่มบริษัทมู่ซื่อต้องการเงินก้อนหนึ่งเผื่อหมุน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดี ในฐานะของคนตระกูลมู่ ฉันไม่สามารถนั่งเฉยได้ “ ดังนั้น….. “ มู่เวยเวยครุ่นคิดสักพักแล้วตอบไป

” ถ้าฉันจำไม่ผิด บริษัทมู่ซื่อในตอนนี้อยู่ในความดูแลของมู่จางรุ่ย เธอยืมเงินให้เขา ฉันควรจะบอกว่าเธอมีเกียรติ หรือว่าเธอโง่กันแน่ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยเสียงที่เย็นชาและประชดประชัน

มู่เวยเวยยังแสดงออกเหมือนเดิม “ บริษัทนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่เธอสร้างมา อีกอย่างคุณลุงก็คือคนในครอบครัว ไม่ใช่คนนอก !”

เย่ฉ่าวเฉินเงียบไปครู่หนึ่งและถามออกไปว่า “ เธอจะยืมเท่าไหร่ ? ”

มู่เวยเวยสีหน้าดีใจ และพูดเรียบๆว่า “ หนึ่งล้าน !”

เย่ฉ่าวเฉินมีท่าทีตกใจ และยิ้มด้วยความเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

มู่เวยเวยมองดูเขา ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกกังวล ยิ่งเห็นเขาไม่พูดอะไร เธอกัดริมฝีปากพลางพูด “ เอ่อ ฉัน….. ฉันรู้ว่ามันเป็นจำนวนที่มาก แต่ว่าฉันจะหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด หวังว่าคุณ….. “

เย่ฉ่าวเฉินเม้มริมฝีปากเหลือบมองเธอ ” ฉันไม่ใช่คนใจดี ในเมื่อเธอบอกว่าจะยืม ถ้างั้นก็ต้องมีเวลา เธอคิดว่าจะคืนฉันเมื่อไหร่ ? ”

มู่เวยเวยจิกนิ้วมือ ในใจเธอรู้ดีว่า ด้วยความสามารถของเธอ เป็นไปได้ยากที่เธอจะเก็บเงินได้มากพอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานหนักขนาดไหนก็ตาม ภายในเวลาอันสั้นเธอไม่สามารถคืนเขาได้แน่

แต่ ณ จุดนี้ เธอจะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว เธอกัดฟันพูดอย่างแน่วแน่ ” ให้เวลาฉันสามปี ภายในสามปีฉันจะหามาคืนคุณแน่นอน !”

สถานการณ์ของพี่ชายเธอไม่สู้ดี เธอไม่สามารถลังเลต่อไปได้อีกแล้ว !

“ ไม่มีทาง ” จ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กที่ดูอึดอัดของเธอ ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินดูเจ้าเล่ห์ “ สามเดือน !ฉันให้เวลาเธอแค่สามเดือน ! ”

อะไรนะ ? สามเดือน ?

จะเป็นไปได้อย่างไร ?

มู่เวยเวยทนไม่ได้และตะโกนออกไปว่า ” จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ? คุณลองคิดในมุมมองของฉัน สามเดือนฉันจะหามาคืนคุณทันได้อย่างไร !”

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างเย็นชาว่า ” เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้ความสามารถเธอ ไม่มีทางที่จะคืนได้ภายในสามปี เธอไม่ได้บอกว่ายืมเงินให้บริษัทมู่ซื่อรึไง ? สามเดือนไม่พอหวุนเวียนเหรอ ? ”

มู่เวยเวยอึ้งไปชั่วขณะ เธอก็คิดได้ทันทีว่า ‘เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว’ ตอนนี้ควรทำยังไงดี ?

เงินนี้ให้พี่ชายเธอ ถ้าหากว่าสามเดือนต่อมาเย่ฉ่าวเฉินไปทวงเงิน ถ้าคุณลุงบอกไปจะทำยังไง ? ในเมื่อเงินนี้เธอเป็นคนยืม !

มู่เวยเวยไม่เคยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้ เธอเหมือนมีกำแพงล้อมไว้รอบด้าน ราวกับสัตว์ที่โดนขัง

” ฉัน…..ฉันจะรีบหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด ได้โปรดให้เวลาฉันอีกสักนิด ขอร้องเธอแล้ว !” มู่เวยเวยเหนื่อยล้าไปทั้งกายและใจ เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ

เมื่อเห็นว่าเธอเหมือนนกที่ไม่มีที่ไป เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มมุมปาก และพูดอย่างเย็นชาว่า “ ถ้าเป็นเช่นนนี้ งั้นเธอก็ใช้วิธีอื่นชดใช้ฉันละกัน !”

มู่เวยเวยตาเป็นประกาย พร้อมถามด้วยความตื่นเต้นว่า ” วิธีอะไร ? ”

“ นาย…..น่ารังเกียจ ! หน้าด้าน ! ” มู่เวยเวยด่าด้วยความเกรี้ยวกราด

เธอก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ว่า…..เงินหนึ่งล้าน เธอยังจะมีวิธีใดอีก…..

แต่เพื่อพี่ชาย เธอจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ !

นอกจากนี้ คนที่ยังเหยียบย่ำศักดิ์ของเธอก็คือเย่ฉ่าวเฉิน เขาไม่พูดก็รู้ได้ว่าหมายถึงอะไร !

มู่เวยเวยเสียใจและขุ่นเคืองมาก แต่ก็ยังสงบนิ่งและพูดต่อว่า “ ในเมื่อคุณรู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณจะให้ฉันยืมเงินใช่ไหม ? ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่เคยเกลียดผู้หญิงมากขนาดนี้ ! แต่ตอนนี้เขาอยากบีบคอเธอให้ตายจริงๆ !

เขาเหลือบมองปากกาในมือ ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินยิ้มขึ้นอย่างเย็กเย็น จากนั้นก็สะบัดมือขวาไปทางหน้าต่าง ปากกาก็ลอยไปอยู่กลางอากาศ โค้งงอและหายวับตกลงไป

” ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ขนาดเท่าสนามฟุตบอล ปากกาของฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งในสระว่ายน้ำนี้ ถ้าเธอหาเจอ ฉันจะให้เธอหนึ่งล้าน !” เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองที่ใบหน้าเรียวสวยของเธอและพูดอย่างเหยียดหยาม

มู่เวยเวยดูมึนงง และถามว่า “ คุณพูดจริงใช่ไหม ? “

” ฉันเย่ฉ่าวเฉินคนนี้ไม่เคยพูดโกหก เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความเย็นชา เพียงแต่ฉันจะเตือนเธอว่า ในสะน้ำนี้มีขนาดเท่าสนามฟุตบอลและลึกสามเมตร เธอชั่งน้ำหนักความน่าจะเป็นดูเอง !”

มู่เวยเวยไม่คิดอะไร รีบใส่เสื้อผ้าและพูดเสียงแข็งว่า “ ฉันจะต้องหาให้เจอ ”

พูดจบก็หันหลังออกไป

……

มู่เวยเวยวิ่งลงไปด้วยความเร็ว ในที่สุดเธอก็มาถึงสระว่ายน้ำด้านตะวันออก เมื่อเธอมองเห็นสระน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอก็ตกตะลึงกรามแทบหลุด

ความขมขื่นปรากฎบนใบหน้าเธอ ในใจเธอคิดว่า ไม่รู้จะสร้างสระว่ายน้ำทำไมใหญ่โต ? ไม่รู้จักว่ามันเปลืองรึไง ?

หลังจากมองไปรอบๆสระ มู่เวยเวยก็ถอนหายใจออกมา ยังดีที่ความลึกของสระ ไม่เหมือนกับที่เย่ฉ่าวเฉินพูดไว้ อย่างมากแค่ประมาณสองเมตร

เมื่อถึงทางลงสระว่ายน้ำ เธอก็ค่อยๆลงไปด้วยความระมัดระวัง แต่ด้วยเป็นเวลาค่ำแล้ว เมื่อผิวเธอกระทบกับน้ำที่เย็น มันก็ทำให้มู่เวยเวยตัวสั่นแทบจะเป็นน้ำแข็ง

เมื่อเท้าเธอแตะที่ก้นสระ น้ำในสระน้ำอยู่ในระดับอกของเธอ ใจมู่เวยเวยก็สงบนิ่งลง แต่แล้วเธอก็นึกถึงปัญหาใหญ่ :ความหนาแน่นของปากกาเล็กกว่าสระน้ำมาก ถ้าหากว่าปากกาตกลงไปที่ก้นสระ……

และเมื่อคิดได้ว่าเธอเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น มู่เวยเวยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอจะทำยังไงดี ?

เมื่อยืนอยู่ในน้ำคิดสักพัก มู่เวยเวยก็คิดวิธีโง่ๆออกอย่างหนึ่ง แต่ว่ามันเป็นวิธีที่จะได้ผล

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และดำลงไปในน้ำ เธอไม่กล้าลืมตาขึ้นมา แต่ใช้เพียงมือคลำหาไปทั่วทุกสารทิศ มีเพียงน้ำที่เย็นไหลผ่านนิ้วมือของเธอเท่านั้น

ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที มู่เวยเวยรู้สึกแน่นหน้าอกเนื่องจากขาดออกซิเจน เธอรีบดันตัวขึ้นข้างบน เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์…..

ฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ มู่เวยเวยจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองอยู่ในน้ำนานเท่าไหร่ เธอรู้สึกว่าขาของเธอชาและอ่อนแรง หนาวสั่นสติของเธอเริ่มเลือนราง เธอเคลื่อนไหวด้วแรงทั้งหมดที่มี

ทันใดนั้น…..

เธอเหมือนไม่มีความรู้สึก เท้าของเธอก็เหมือนไปชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ร่างกายของเธอก็เสียการทรงตัวและตกลงไปข้างหน้า

ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มู่เวยเวยไม่ทันระวัง น้ำที่เย็นก็ไหลเข้าปากและจมูกของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้สติเธอค่อยๆ เลือนราง

เย่ฉ่าวเฉินนอนอยู่บนเตียง พยายามพลิกตัวนอน ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามกล่อมตัวเองไม่ให้กังวลกับชีวิตของมู่เวยเวยที่อยู่ในสระน้ำข้างล่าง แต่ในใจเขาก็ยังรู้สึกวิตกกังวล

ห้องนอนของเขาอยู่ตรงห้องหนังสือชั้นบน เขาเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปดูสถานการณ์ที่สระว่ายน้ำ

เย่ฉ่าวเฉินยืนขึ้นอย่างหงุดหงิดและมองไปที่หน้าต่าง เขาไม่เห็นเงาใครตรงสระว่ายน้ำ ใจเขาก็ดูสงบลงทันที

หลังจากอาบน้ำเสร็จกลับมาที่ห้องนอน เขาก็สังเกตเห็นว่าข้างนอกมันเงียบ ทำให้มั่นใจได้ว่ามู่เวยเวยไม่ได้เดินขึ้นมา…..

เขารีบลงไปที่ชั้นล่าง เย่ฉ่าวเฉินตะโกนเรียกด้วยเสียงที่จริงจังว่า “ คุณอาหวัง !”

เมื่อคุณอาหวังได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมา ถามด้วยความเคารพว่า ” คุณชาย คุณมีอะไรจะรับสั่งครับ ”

ท่าทีเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความกดดัน ดวงตาสีฟ้าของเขาดูเป็นประกาย เขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ คุณหนูลงไปในสระน้ำ คุณรีบไปตามคนมาตามหาเธอ จำไว้ว่าต้องหาโดยเร็วที่สุด ! ”

เมื่อคุณอาหวังได้ยินว่ามันเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เขารีบตอบไปว่า “ ครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ !”

ในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ไม่ง่ายที่จะมองเห็นเงาคน คุณอาหวังรีบนำคนของตระกูลเย่ทุกคนออกตามหา

เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ข้างสระ ในใจเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

มู่เวยเวย เธอจะตายไม่ได้ !

ถ้าเธอตายฉันจะทำลายมู่ซื่อ ฆ่าพี่ชายของเธอ !

เธอแคร์พวกเขามากไม่ใช่หรอ ? ถ้างั้นเธอก็ต้องอยู่ต่อสิ !

ขณะที่ตามหากันเป็นเวลานาน สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ดูกังวลขึ้น ในขณะที่เขากำลังจะอาละวาด ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากสระทางด้านทิศตะวันตกว่า “ คุณชาย เจอคุณหนูแล้ว ! แต่เธอหมดสติไป !”

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมตะโกนไปว่า “ พาเธอขึ้นมาเร็วเข้า !”

“ ครับ ”

“ คุณอาหวัง ! ”

“ ครับ คุณชาย ”

“ คุณรีบโทรไปหาหมอหาน บอกเขาว่าให้มาภายในสิบนาที ! “

“ ครับ ! ”

คุณอาหวังเดินจากไป และเดินไปหาหมอหานอย่างเงียบๆ ใครก็รู้ว่าบ้านเขาห่างจากที่นี่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่ว่าคุณชาย จะให้เขามาภายในสิบนาที…..

………

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่มู่เวยเวยที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง อารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา ทำให้เขาเกิดอาการประหม่า

“ หมอหานยังไม่มาอีกหรอ ? ” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนถาม “ โทรหาเขาอีกครั้ง ถ้าหากว่าอีกห้านาทีเขายังมาไม่ถึง เขาต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา !”

คนรอบๆตัวเขาใจเต้น เพราะกลัวว่าจะโดนยิง

” มาแล้ว…..ทันทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ฉันขับรถมาด้วยความเร็ว 200 กม ฝ่าไฟแดงมาตลอดทาง ถ้าหากว่ารถฉันโดนค่าปรับ อย่าลืมจ่ายให้ฉันด้วยละกัน !”

หมอหานได้ยินเสียงปืนจากระยะไกล รีบวิ่งมาที่ประตู

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะตวาดว่า ” อย่าเพิ่งพูดไร้สาระ ! รีบรักษาเธอก่อน !”

หมอหานยักไหล่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกระเป๋ายา

หมอหานตรวจดูมู่เวยเวย และพบว่าเธอมีน้ำในปอดจำนวนมาก จึงรีบยื่นมือมาเปิดเสื้อเธอทันที และเตรียม…..

“ คุณจะทำอะไร ? ”

มีเสียงแข็งกร้าวดังมาจากข้างหลัง หมอหานเหงื่อตก เขารีบปล่อยมือ พลางพูดว่า ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ? ได้โปรดฉันกำลังจะช่วยเธอ ตอนนี้เธอมีน้ำในปอดมาก ถ้าหากว่าไม่รีบนำน้ำออกมา เธอจะตาย !

เมื่อฟังเขาอธิบาย เย่ฉ่าวเฉินเม้มริมฝีปากและพูดเบาๆว่า “ งั้นคุณจะยังรออะไรอยู่ล่ะ ? รีบช่วยเธอสิ !”

หมอหานอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล และอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจว่า คุณชายคนนี้ ช่างไร้เหตุผลซะจริง !

หมอหานใช้มือกดที่หน้าอกของมู่เวยเวยอย่างชำนาญ มู่เวยเวยพ่นน้ำออกมาจากปากเป็นจำนวนมาก…..

เมื่อทำเสร็จ สีหน้าของมู่เวยเวยดูแดงระเรื่อขึ้นมา ทำให้หมอหานถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

หลังจากเก็บกล่องยา เขาก็หันมามองเย่ฉ่าวเฉินและพูดอย่างจริงใจว่า ” คุณชายเย่ ไม่ใช่ว่าฉันว่าคุณนะ แต่นับตั้งแต่คุณหนูมาอยู่กับคุณ เธอสามวันป่วยเล็กน้อย ห้าวันป่วยหนัก เดิมทีร่างกายของเธอก็ไม่แข็งแรง ไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะรู้อยู่ดี ”

เมื่อได้ยินเขาบ่น เย่ฉ่าวเฉินก็แสดงท่าทีบึ้งตึงออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ คุณนี่พูดมากซะจริง !ทำไม ? เป็นห่วงเธอรึไง ? ”

เย่ฉ่าวเฉินจงใจซ้ำเติมประโยคของเขา ทำให้หมอหานตัวสั่นไปทั้งตัว ” ต่อให้พูดอะไร ฉันก็ไม่กล้าหรอก !ฉันแค่พูดจากความรู้หมอของฉัน ”

” โอ้ ? เมื่อก่อนพวกลูกน้องของฉันบาดเจ็บ ก็ยังไม่เห็นคุณเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้เลย เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความสงสัย

หมอหานเม้มริมฝีปากพูดต่อไปว่า ” พวกผู้ใหญ่จะขี้แยได้ยังไง มันเป็นเรื่องปกติที่พวกคุณจะโดนยิงแบบนี้อยู่แล้ว คุณหนูสามารถเทียบกับพวกเขาได้ด้วยหรอ ? ”

เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้พูดอะไร จ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กบนเตียง ในใจเขาเต็มไปด้วยความคิด

” คุณชาย ฉันขอเตือนอะไรคุณหน่อย ถ้าหากว่ายังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก คุณหนูอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ ต่อไปคุณก็ระวังหน่อยเถอะ…..”

หันไปมองท่าทีและเสียงของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกหงุดหงิด และไม่ได้ยินอะไรอีก จึงพูดออกไปว่า “ คุณอาหวัง ส่งแขก !”

หมอหานถูกลากตัวออกไป

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มู่เวยเวยค่อยๆลืมตาขึ้นมา เธอสับสนเล็กน้อย สายหัวไปมาเป็นเวลานาน และในที่สุดเธอก็เห็นว่านี่เป็นห้องนอนของเธอเอง

“ ตื่นแล้วเหรอ ? ”

ทันใดนั้นน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหูของเธอ มันทำให้เธอตัวแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นเย่ฉ่าวเฉินยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง

มู่เวยเวยพยายามสงบสติอารมณ์ พร้อมพูดเบาๆว่า “ อืม “

เย่ฉ่าวเฉินโยนก้นบุหรี่ลงใช้เท้าหยี้สองครั้ง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ คุณหิวไหม ? ฉันจะให้ฉินหม่าทำอะไรมาให้กิน “

มู่เวยเวยไม่ตอบอะไร เธอมองเขาด้วยความระมัดระวัง รู้สึกแปลกๆ ปกติเขาจะพูดถากถางเธอตลอดไม่ใช่เหรอ ? ทำไมตอนนี้ถึงมาสนใจเธอล่ะ ?

เพียงแต่…..

“ แม่เจ้า ฉันเกือบลืมไปเลย !” มู่เวยเวยผงะลุกขึ้นจากเตียง รีบสวมรองเท้าเดินไปหน้าประตู

เย่ฉ่าวเฉินสังเกตเห็นเธอ รีบคว้ามือเธอไว้และถามด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า เธอจะไปไหน? เพิ่งตื่นขึ้นมาเอง!

มู่เวยเวยดูกังวลและพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า ฉันยังหาปากกานั่นไม่พบ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้ คุณให้เวลาฉันอีกหน่อยนะ!

เย่ฉ่าวเฉินดูค่อนข้างจะเย็นชา สายตาดุร้าย และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ มู่เวยเวย เมื่อวานเธอเกือบตายแล้วรู้รึเปล่า ? เพียงแค่เงินหนึ่งล้าน เธอถึงกับจะทิ้งชีวิตเลยเหรอ ? “

มู่เวยเวยแสดงออกด้วยท่าทีที่ชัดเจน เธอพูดอย่างเย็นชาว่า ” คุณไม่ต้องยุ่งกับฉัน ฉันจำเป็นต้องใช้เงินนั้นจริงๆ คุณวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันจะหามันให้พบ !”

” โง่รึเปล่า ถ้าหากว่าเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมาฉันก็ต้องระดมคนมาหาเธอ ! มู่เวยเวย เธอเป็นผู้หญิงที่เรื่องเยอะที่สุดที่ฉันเคยเจอมาแล้ว !” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

คำพูดของเขา ทำให้เธอหยุดชะงักและหันกลับมามองเขา แต่น้ำเสียงเธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ ฉันต้องการเงินนั้นจริงๆ !”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ท่าทีที่ดูรั้นของเธอ ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “ อยู่ที่นี่รอฉัน !”

เมื่อพูดจบเขาก็ออกจากห้องไป

มู่เวยเวยงงกับคำพูดของเขา นั่งคิดอยู่พักหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจจะไปหาปากกา แต่กลับชนเข้ากับเย่ฉ่าวเฉินที่หน้าประตู

ทั้งสองมองหน้ากัน ได้ยินเสียงที่น่ารำคาญของเย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นมาว่า ” มู่เวยเวย เธอนี่ดื้อรั้นจริง ฉันบอกว่าให้เธอรอฉันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ ? ยังจะกล้าขัดคำสั่งอีก อยากโดนลงโทษรึไง ? ”

เมื่อหันไปเห็นท่าทีเย่อหยิ่งของเขา มู่เวยเวยก็เงียบไปสักพัก ” ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ ฉันมีสิทธิเสรีภาพ ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง !”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset