วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 609 ลืมรหัสผ่าน

เหอศื่อส่งเสียงเยาะเย้ย “แน่นอนว่าสิ่งไหนที่ยิ่งมีค่า ก็ยิ่งชอบสิ่งนั้น แหละ? หรือแกคิดว่าฉันนำมันเก็บสะสมไว้เล่นงั้นเหรอ?”

ถังลั่วเหยายิ้ม“มันง่ายมากเลยก็พวกหยกเอยภาพวาดเอยอะไรพวกนี้มันมีค่ามากเลยนะและมันก็ง่ายต่อการนำไป เมื่อถึงตอนนั้นแกก็สามารถไปดูได้”

เหอศื่อรู้สึกว่าวันนี้ถังลั่วเหยาแปลกๆ

มันจะเชื่อฟังอะไรขนาดนั้น

หล่อนเชื่อฟังมากจนมันทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่จริง

ที่จริงแล้วเนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ ถังลั่วเหยาไม่กล้าฝ่าฝืนและต่อต้านเขา

แต่ในเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายบอกถึงที่อยู่ของสิ่งของที่มีค่าของตัวเองแล้ว กระทั่งเชิญให้เขาไปนำมายังถามเขาอีกด้วยว่าชอบอะไรพร้อมกับแนะนำให้เขานำของเบาที่น้ำหนักกว่าอีกด้วย

คนแบบนี้คงบ้าไปแล้ว!

สายตาที่เหอศื่อมองไปที่ถังลั่วเหยานั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการสงสัยขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตาม ถังลั่วเหยากลับดูเหมือนว่าไม่ได้สังเกตอะไรเลย หล่อนเอาแต่ตั้งใจขับรถ ราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่คำแนะนำแบบลวกๆ และไม่ได้มีความคิดพิเศษใดๆ เลยเท่านั้น

เหอศื่อจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและไม่สงบ

อยู่ๆ ถังลั่วเหยาก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” ไปทีหนึ่ง และชี้ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าและพวกกระเป๋าที่อยู่ไม่ไกลจากริมถนน

“ในนั้นมีกระเป๋าเดินทางขายด้วยไปซื้อสักใบไหม?”

เหอศื่อหันศีรษะเหลือบไปมองไปที่ร้านนั้นแวบหนึ่ง มันไม่ได้อยู่ในเขตชุมนุมชน และคนโดยรอบก็น้อยมาก เพราะร้านไม่ได้ใหญ่มาก และก็มีพนักงานแค่ 2 คนเท่านั้น

แต่เขากลับมองขึ้นไปอย่างระมัดระวัง และเห็นกล้องวงจรติดไว้ด้วย

เขาหันศีรษะกลับมาอย่างเย็นชาพร้อมกับจับกริชที่เอวของถังลั่วเหยาแล้วออกแรงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็กัดฟันพูดว่า ” หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว! ขับรถของแกซะ!

ถังลั่วเหยาแบะปาก พร้อมกับส่งเสียงซุบซิบ “ฉันไม่ได้รู้จักคนดี”

หลังจากพูดจบ หล่อนก็หยุดพูดไปจริงๆจากนั้นจึงขับรถตัวเองไปอย่างเงียบๆ

หลังจากขับรถไปประมาณ 20 นาทีรถก็จอดในที่จอดรถของวิลล่าแห่งหนึ่ง

ถังลั่วเหยาชี้ไปที่วิลล่าซึ่งอยู่ไม่ไกลข้างหน้านั้นและพูดว่า “นี่ไง ที่นี่แหละ แกจะไปคนเดียวหรือจะให้ฉันพาแกเข้าไปด้วย?”

เหอศื่อมองไปรอบๆ อย่างระวังตัวเพราะถังลั่วเหยาพาเขาเข้ามา ด้วยเหตุนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงไม่ได้สงสัยอะไร

เพียงแค่ ที่นี่เป็นเขตวิลล่าระดับสูง และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยจึงสมบูรณ์แบบและครบถ้วนมาก

แต่เขากลับไม่แน่ใจว่าถ้าตัวเขาเองเข้าไปและทิ้งถังลั่วเหยาไว้ในรถเพียงลำพัง มันจะเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรหรือเปล่า

ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจอย่างรอบคอบและพา หล่อนลงไปด้วย

เหอศื่อจ่อกริชไว้ที่เอวของถังลั่วเหยา และตะโกนด้วยเสียงต่ำ ว่า “แกเข้าไปกับฉัน”

ถังลั่วเหยาเลิกคิ้วขึ้นและไม่ได้ปฏิเสธอะไร จากนั้นพวกเขาจึงลงไปพร้อมกัน

เหอศื่อคอยผลักหล่อนตลอดจนมาถึงที่ประตูและสั่งให้หล่อนเปิดประตู

ในขณะนั้นถังลั่วเหยาก็นิ่งงันไป

ที่จริงแล้วหล่อนไม่รู้รหัสผ่านของที่นี่

เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของหล่อนแล้ว

แต่ครั้งที่แล้ว หล่อนดื่มจนเมา เฟิงยี่พาเลยหล่อนมาที่นี่ และหล่อนจึงค่อยตื่นในวันรุ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในโรงงานร้างหล่อนแค่พูดโกหกเพื่อหลอกให้เหอศื่อพาหล่อนออกมา ดังนั้นจึงพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไปอย่างนั้น

เดิมทีที่รู้ว่าไม่มีความหวังอะไรแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะทำ และหัวใจที่พยายามจะต่อสู้อย่างเต็มที่นั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเหอศื่อจะตอบตกลง

หล่อนอุตส่าห์ตั้งการ์ดป้องกันตั้งหลายตลบแล้ว แต่กลับลืมเรื่องที่ตัวเองจำรหัสผ่านที่นี่ไม่ได้

ครั้งที่แล้วเฟิงยี่เคยบอกกับหล่อนไปแล้วครั้งหนึ่ง เขาบอกว่าต่อไปที่นี่จะเป็นบ้านของหล่อน หลังจากที่แม่ถังฟื้นตัวแล้ว ยังต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าในการพักฟื้นร่างกายอีกและสภาพแวดล้อมที่นี่ก็สบายและเงียบสงบ ซึ่งมันเหมาะสำหรับการพักฟื้นร่างกายมาก

ในตอนนั้นหล่อนก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก และก็ยังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะย้ายเข้ามาที่นี่

ดังนั้นเมื่อเฟิงยี่บอกรหัสผ่านกับหล่อนหล่อนจึงไม่ได้ตั้งใจจำรหัสผ่านไว้

และในตอนนี้มันช่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยจริงๆ !

เมื่อเหอศื่อเห็นว่าหล่อนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สีหน้าของเขาก็หนักอึ้งลงทันที

“แกมัวแต่อึ้งอะไรอยู่? ยังไม่เปิดประตูอีก?”

สีหน้าถังลั่วเหยาแข็งทื่อ หล่อนยิ้มอย่างพะอืดพะอม

“เอ่อ… ต้องขอโทษด้วยนะ คือว่าฉันลืมรหัสผ่าน ให้ฉันโทรไปถามหน่อยได้ไหม?”

เหอศื่อเบิกตากว้างและมองไปที่หล่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“แกบอกว่านี่เป็นบ้านของแกไม่ใช่เหรอ? แม้แต่รหัสผ่านบ้านตัวเองยังลืม?”

ถังลั่วเหยายิ้มอย่างพะอืดพะอม “พอดีว่าฉันไม่ค่อยอยู่ข้างนอก ไม่ได้อยู่ที่บ้าน และยังต้องไปอยู่ที่วิลล่าสองสามวันเพื่อมารับมือกับคุณ ไปๆ มาๆ ก็เลยลืมไป”

“อีกอย่าง ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวมันกว้างเกินไป บางครั้งมันก็ไม่สะดวกด้วย ที่นี่จึงเป็นโรงเก็บของสะมากกว่า โดยปกติแล้วฉันก็กลับมาบ้านน้อยมากด้วย ดังนั้นการลืมรหัสผ่านมันจึงเป็นเรื่องปกติ”

อย่างไรก็ตาม เหอศื่อจะเชื่อหล่อนง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไงกันล่ะ?

เขามองหล่อนอย่างเย็นชาพร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ย “แกคงไม่ได้คิดจะโกหกฉันใช่ไหม?”

ถังลั่วเหยาส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

“ไม่ใช่แน่นอน แกคิดว่าแกเป็นคนที่จะโกหกได้ง่ายๆ เหรอ? และที่นี่ก็เป็นบ้านของฉันด้วยแม้แต่พรมเช็ดเท้าข้างในบ้านฉันก็รู้ว่าเป็นสีอะไร ถ้าแกไม่เชื่อที่ฉันพูดเดี๋ยวแกก็เข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองก็แล้วกัน

คำพูดนี้ ทำให้เหอศื่อค่อนข้างเชื่อ

เขามองไปที่ถังลั่วเหยาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพร้อมกับถามว่า “แกจะโทรหาใคร?”

ถังลั่วเหยาเม้มปาก และพูดว่า “แฟนของฉัน”

“พอพูดจบ ก็รีบพูดเสริมขึ้นว่า “ช่วงนี้เขาไปทำงานที่ต่างประเทศ ตอนนี้คงยังไม่รู้ข้าวที่ฉันหายตัวไป ถ้าฉันโทรหาเขา เขาจะต้องไม่สงสัยแน่”

“ถ้าแกไม่ไว้ใจจริงๆ ฉันสามารถเปิดลำโพงได้นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น แกก็แค่ใช้แทงฉันให้ตายก็ได้แล้ว ฉันจะไม่โทษอะไรเลย”

เหอศื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าทำแบบนี้แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ยังไงสะคนก็อยู่ที่ต่างประเทศ ต่อให้จะรู้สึกผิดสังเกต ยังไงก็น้ำ ไกลดับไฟใกล้ไม่ได้หรอก

เมื่อตอนบ่ายที่เขาจัดการกับคนพวกนั้นเสร็จในระหว่างทางเขาก็ถือโอกาสจัดเส้นทางให้ตัวหล่อน

ตอนนี้แค่ต้องเข้าไปนำเงินและของพวกนั้นออกมาจากนั้นก็ขับรถตรงไปที่ท่าเรือก็ได้แล้ว

เมื่อเขาคิดวิเคราะห์ทุกอย่างแล้วใช้เวลาแค่ 20 นาทีก็น่าจะเพียงพอแล้ว

คนคนหนึ่งที่อยู่ในต่างประเทศ เวลาแค่ 20 นาที จะทำอะไรได้

เมื่อคิดแบบนี้ เขาจึงวางใจลงได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางรู้แน่นอนก็แค่มือถือเครื่องหนึ่งที่คิดทรยศเขา

เพราะเขาไม่รู้ตัวตนของแฟนหนุ่มที่ถังลั่วเหยาพูดถึงนั้น และคิดไม่ถึงว่า คนคนนั้นจะเป็นคุณชายรองของตระกูลเฟิง เพราะสามารถพูดได้ว่าเขาในเมืองหลวงเป็นคนที่มีกลอุบายชาญฉลาด อย่าพูดถึง 20 นาทีเลยแม้ว่าจะ 5 นาที เขาก็สามารถจัดคนให้รีบมาจับได้

แต่เรื่องพวกนี้ สำหรับเหอศื่อในตอนนี้ยังคิดไม่ถึงเลยสักนิด

ทรัพย์สินที่มหาศาลในนั้นกำลังดึงดูดเขาอยู่ และในตอนนี้เขาก็ไม่มีทางหันกลับอีกแล้ว

ก่อนหน้านี้มือของกลุ่มคนเหล่านั้นค่อยจับจุดอ่อนของเขา และคอยขู่เขาว่าจะนำเงิน 10 ล้านหยวนของเขาไปก่อนแล้วค่อยปล่อยเขาไป

เขาไม่รู้จะทำยังไง จึงทำได้แค่ต้องหาวิธีหาเงิน

อีกฝ่ายรู้ว่าเขามีลูกสาวบุญธรรมที่เป็นซูเปอร์สตาร์ ดังนั้นจึงพุ่งเป้าไปที่ตัวถังลั่วเหยา

ที่จริงแล้วเหอศื่อมัดถังลั่วเหยามาโดยครึ่งสมัครใจครึ่งโดนบังคับ

ยังไงสะ ถ้าตามความคิดเดิมของเขา แม้ว่าเขาจะไม่เซ็นหย่ากับแม่ของถังลั่วเหยา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมัดคนมา แต่ยังไงเขาก็ฉีกหน้าตัวเองมาจนถึงขั้นนี้แล้ว

ยังไงสะทางเลือก 2 ทางนี้ไม่ว่าทางไหนมันก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับตัวเขาเลย

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset