วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 732 อีกแผนการหนึ่ง

หลังจากพูดจบเธอก็ขยิบตาให้โม่หนาน

ทั้งสองคนรู้จักกันมานานแล้ว และหลายปีมานี้นอกเหนือจากตอนที่เธออยู่บ้าน เมื่อเธอออกไปไหนโม่หนานก็จะอยู่ข้างกายเธอเสมอ

ดังนั้นทั้งสองคนจึงสามารถเข้าใจกันได้ง่าย

เพียงแค่จิ่งหนิงส่งสายตาออกไป เธอก็เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

สิ่งที่จิ่งหนิงต้องการจะสื่อก็คือ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

เมื่อทั้งสองคนแยกกันไป ก็สามารถจัดการผู้ชายสองคนพร้อมกันได้

การที่ผู้หญิงสองคนจัดการกับผู้ชายสองคนไปพร้อมกันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากพวกเธอจะมัวเป็นห่วงกันเอง

แต่หากว่าทั้งสองแยกออกจากกัน จากท่าทางเหมือนหิวโหยอ่อนแรงของพวกเขา ประกอบกับจิ่งหนิงและโม่หนานเคยศึกษาเรื่องการต่อสู้มาก่อน

ในแง่ของเรี่ยวแรงนั้นจิ่งหนิงอาจจะสู้กับผู้ชายไม่ได้ แต่เธอมีอาวุธที่ทรงพลังที่สุดนั่นก็คือความงดงามของเธอเอง

ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวอะไร

ตรงกันข้าม เมื่อผู้ชายคนนี้ยินดีพาเธอไป เธอจะได้ใช้ประโยชน์ของช่องว่างในการเข้าห้องน้ำ และหาโอกาสจัดการกับเขาก่อน

หลังจากที่จัดการกับเขาเรียบร้อยแล้ว เธอก็จะหาสิ่งของมามัดเขาเอาไว้และทำให้เขาสลบ

ต่อจากนั้นก็ค่อยๆนี้กลับมา เพื่อช่วยโม่หนานจัดการกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง

แผนการนี้สะดวก และใช้ได้ประโยชน์จริงมากกว่าที่พวกเธอคิดไว้เสียอีก

ดังนั้นการที่ชายคนนี้เสนอจะพาเธอไปด้วยตนเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีอะไร

หลังจากที่โม่หนานได้รับสัญญาณจากจิ่งหนิงแล้ว เธอก็วางใจลงและกลับไปนั่งที่เดิม

เมื่อกลับไปนั่งที่เดิม เธอก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ระวังตัวด้วยล่ะ”

“อืม”

จิ่งหนิงพยักหน้า จากนั้นเธอก็ถูกคนที่เรียกว่าพี่ชายพาเดินออกไป ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ยังไม่ทันจะได้สติกลับคืนมา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวเธอจะหนีไปหรือเปล่า

ผู้ชายคนนั้นจูงมือเธอแน่นตั้งแต่ลงจากรถ ไม่เคยปล่อยมือเธอออกเลย

จิ่งหนิงถูกเขาดึงและเดินตามหลังไป

เนื่องจากตอนนี้เธอยังอยู่ในสายตาของชายอีกคนหนึ่ง จึงไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่าม ดังนั้นเธอทำได้เพียงเดินตามเขาไป

เพียงแต่ว่าเธอพบเข้ากับความผิดปกติบางอย่าง

ก่อนหน้านี้ที่เธออยู่ในบ้านของคุณลุงสี่ เธอเคยสังเกตมือของคุณลุงสี่และคุณป้า

มือของชาวบ้านนั้นเนื่องจากทำงานหนัก ประกอบกับพวกเขาไม่ได้ดูแลบำรุงรักษาผิวพรรณ จึงทำให้มือหยาบกร้าน

แต่มือของชายคนที่อยู่ตรงหน้านี้ แม้ว่าในมือจะเต็มไปด้วยริ้วรอยแต่ไม่ใช่ริ้วรอยที่มาจากการทำงานหนัก

มันเหมือนกับว่าเขาได้จับ พวงมาลัยเป็นเวลานานหรืออาจจะเป็นปืน?

น่าจะเป็นเพราะเหตุผลพวกนี้มากกว่า

เมื่อความคิดนี้หลุดออกมาจากหัวของเธอ ก็ทำให้เธอตกใจ

เนื่องจากว่าใครจะคิดกัน ว่าคนธรรมดาที่มีชีวิตอยู่ตามชายหมู่บ้าน ต้องการจะมีภรรยายังต้องพึ่งพาการซื้อหามานั้น ในมือของเขาจะหยาบกร้านเพราะปืนแบบนี้?

จิ่งหนิงตึงเครียดขึ้นมาทันใด

สัญชาตญาณบอกกับเธอว่าผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ธรรมดา

และบางทีนี่อาจจะเกิดบางสิ่งที่ไม่คาดฝันเกินจากแผนของเธอ

ดังนั้น หากอีกฝ่ายยังไม่เผยถึงข้อบกพร่องออกมาทั้งหมด เธอก็จะไม่เริ่มแตะต้องพวกเขาก่อน

เธอจึงได้เดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย เพียงแต่ร่างกายตอนนี้ค่อนข้างระมัดระวังและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เสมอ

จนกระทั่งเดินมาถึงทางที่ค่อนข้างเงียบสงบ

เขาเลือกสถานที่ได้ดีทีเดียว ตรงหน้านี้มีต้นไม้ใหญ่ที่สามารถโอบล้อมได้ และรอบข้างเต็มไปด้วยวัชพืชสูงรอบเอว

หากว่าเธอนั่งยองๆลง มองจากข้างนอกคงไม่เห็นอะไรเลย

ชายคนนั้นปล่อยมือเธอออกแล้วพูดว่า “เอาล่ะตรงนี้แหละ”

จิ่งหนิงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน

ชายคนนั้นจึงเลิกคิ้วแล้วมองมาทางเธอถามว่า

“ทำไมยังไม่ไปอีก?”

จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะอายหน้าแดง

“คุณยืนมองอยู่ตรงนี้ ฉันจะทำยังไงล่ะ?”

เธอพูดกับเขาด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย

ชายคนนั้นได้ยิน เขาไม่ได้โมโหแต่กลับหัวเราะขึ้น

จากนั้นเขาก็ก้าวเข้ามาทางเธอทีละก้าว

“รู้ใช่ไหมว่าคนนั้น มันขายคุณให้กับผมแล้ว?”

จิ่งหนิงชะงักลงแล้วเงยหน้ามองดูเขา

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงสวมเสื้อผ้าแต่งกายเป็นชาวนา ผมเอาของเขาดูยุ่งเหยิง แต่ในสายตาของเขา เธอเห็นความเย็นชาและความคลุมเครือ ไม่เหมือนกับเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่เลย

หัวใจของเธอสั่งอย่างรุนแรง

และพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

“เอ่อ รู้”

“ในเมื่อรู้แล้วก็ควรจะเข้าใจว่า ผมซื้อคุณมาแล้ว เช่นนั้นนับแต่วินาทีนี้คุณก็เป็นภรรยาของผม ในเมื่อเป็นภรรยาผม ผมจะมองดูภรรยาตัวเองเข้าห้องน้ำจะมีปัญหาอะไรเหรอ?”

จิ่งหนิง “……”

เธอเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหนึ่งตั้งใจทำให้ตนต้องอับอาย แต่น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั้นเหมือนกับลมกระโชกแรงพัดมาที่หูของเธอ จนทำให้ใบหน้าของเธอแดงไปถึงลำคอ เธออดไม่ได้ที่จะก้าวขาออกไปด้านหลังแล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “ไม่ ไม่ได้ ถ้ามีคนมองอยู่ฉันจะฉี่ไม่ออกนะ!”

ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่วินาทีนี้เธอมั่นใจแล้ว

ชายที่อยู่ตรงหน้านี่ไม่ใช่ชาวนาธรรมดาอย่างแน่นอน!

ตายแล้ว ตายแน่ๆ!

เธอกับโม่หนานหลงเข้ารังโจรแล้วจริงๆ

แต่ถึงแม้จะคิดได้อย่างนั้น ต่อให้หนทางหนีแม้จะริบหรี่เพียงใด เธอก็ไม่ยอมแพ้

เธอรู้ว่าในตอนนี้ หากว่าเธอและโม่หนานไม่ทำการต่อต้าน

และรอให้พวกเขาพาเธอเข้าไปในหมู่บ้าน ก็จะเข้าไปในรังของพวกมันจริงๆ

เมื่อถึงเวลานั้นเธอและโม่หนานต้องการจะหนี ก็คงยากมาก

หากตัดสินใจแล้วไม่ทำ อาจจะวุ่นวายกว่าเดิมก็ได้

ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เอาสิ! ตายเป็นตาย!

เธอกอดความคิดนี้เอาไว้และเงยหน้ามองเขา ก่อนจะพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “ถึงแม้พวกเขาจะขายพวกเราให้คุณแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่ได้แต่งงานกันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้คุณ คุณยังมองไม่ได้! รีบหันไปเร็วเข้า!”

ชายคนนั้นหรี่ตาลงมอง แววตาของเขาดูลึกซึ้ง รอยยิ้มนั้นเหมือนมีแสงวูบวาบอยู่ในดวงตา

เมื่อมองเห็นท่าทางของเธอที่ดูวิตกกังวลและพูดจาติดๆขัดๆแบบนั้น ริมฝีปากของเขาก็เผยอขึ้น และพยักหน้าอย่างจริงจัง

“อืม คุณพูดถูกแล้ว ถึงผมจะไม่สนใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร แต่เรื่องของการแต่งงานเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิต ผมเองก็อยากจะจัดให้เป็นทางการมากหน่อย”

เมื่อเขาพูดจบก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ

“แต่ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไปเฉยๆได้อย่างไร ผมคงรู้สึกอึดอัดใจตาย คุณว่า มีวิธีไหนที่จะชดเชยให้ผมก่อนสักหน่อยไหม แล้วผมจะปล่อยคุณ เอายังไงล่ะ?”

จิ่งหนิงตกตะลึงอ้าปากค้าง

ด้านหน้าของเธอคือใบหน้าของชายหนุ่มที่ยื่นเข้ามาใกล้

เธอรู้เพียงว่าตอนนี้ลมหายใจของเธอแทบจะหยุดลง ดวงตาของเธอเบิกกว้างจนลืมไปแล้วว่าควรจะทำอย่างไร

ผ่านไปเนิ่นนานเลยทีเดียวจึงได้พูดออกมาอย่างตะกุกตะกักและโมโหว่า “คุณ คุณ คุณมันเป็นคนอันธพาล!”

ชายหนุ่มหัวเราะออกมาดังเหอะๆ

“เพิ่งรู้รึไง?”

จิ่งหนิง “……”

เธอโมโหมาก ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ทำให้เธอโมโหจนแทบจะเป็นบ้า

แต่อีกฝ่ายหนึ่งยังคงยิ้มร่าและชี้มาที่แก้มของเขาพูดว่า “คุณจูบผมสักทีแล้วผมจะปล่อยไป”

จิ่งหนิงจ้องมาทางเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ

จูบเขาอย่างนั้นเหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไร?

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอแต่งงานแล้ว แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถจูบผู้ชายคนนี้ได้ เนื่องจากชายคนตรงหน้านี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้ค้ามนุษย์และยังเป็นศัตรูของเธออีกด้วย

พวกเขาดูถูกเธอแบบนี้ จะให้เธอไปจูบเขางั้นเหรอ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset