ตอนที่ 102 โจวเจี่ยน
ตอนที่โจวเจี่ยนเห็นร่างของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนลอยเข้ามา เขาก็ตกใจจนแทบช็อก
ตัวสั่นไม่หยุด เหงื่อออกเต็มตัว
ปากยังตะโกนไม่หยุดว่าไม่เกี่ยวกับฉัน เธออย่าเข้ามา
แต่เจ้าเชี่ยนกลับหัวเราะเยาะ “ อาจารย์โจว เมื่อก่อนคุณไม่ได้บอกว่าชอบฉันมากเหรอ อยากอยู่กับฉันอีกไหมละ เพราะตอนนี้ ฉันกลับมาแล้ว ”
ขณะที่พูด เจ้าเชี่ยนเชี่ยนก็เดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ
โจวเจี่ยนเคยเห็นเหตุการณ์หวาดเสี่ยวแบบนี้ที่ไหนละ ตอนนี้เขาจึงตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก “ อย่า อย่าเข้ามา เชี่ยน เชี่ยนเชี่ยนฉันผิดไปแล้วฉันขอโทษ เธอออกไปเถอะ ! เธอออกไปเถอะ ! ฉันจะเผากระดาษไปให้เธอ เผาให้เธอเยอะๆเลย เธอปล่อยฉันไปเถอะนะ ! ”
“ ไปงั้นเหรอ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ ! ” เจ้าเชี่ยนเชี่ยนยังพูดต่อ
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆเจ้าเชี่ยนเชี่ยนก็ยกมือขึ้น เข้าไปบีบคอของโจวเจี่ยน แต่ไม่ได้ทำร้ายจนถึงชีวิต
ระหว่างทาง พวกเราได้คุยกันชัดเจนแล้ว
เรื่องนี้ นอกจากโจวเจี่ยนจะสมควรตายแล้ว ยังมีเรื่องหมอผีอีกเรื่องหนึ่ง
นอกจากพวกเราจะมาที่นี่เพื่อให้โจวเจี่ยนได้ชดใช้แล้ว ยังต้องการคำตอบเรื่องหมอผีจากปากเขาด้วย
ดังนั้นเจ้าเชี่ยนเชี่ยนจึงไม่ได้ลงมือฆ่าเขา เพียงแค่บีบคอเขาเอาไว้ และแสดงท่าทางน่าสยดสยองออกมา
เธอแลบลิ้นสีแดงออกมา แล้วเลียริมฝีปากของเธออย่างกระหาย
ภายใต้ความหวาดกลัวของโจวเจี่ยน มันจึงทำให้เขากลัวจนพูดอะไรไม่ออก และอีกนิดเดียวก็เกือบทำให้เขาสลบแล้ว
เมื่อพวกเราเห็นว่าพอใช้ได้แล้ว จึงเตรียมเรียกเจ้าเชี่ยนเชี่ยนกลับมา
ไม่อย่างนั้นเธอคงทำให้เจ้านี้ตกใจตายแน่ และเมื่อถึงเวลานั้นเรื่องหมอผีนั้นก็คงไม่ได้ถามพอดี
ดังนั้นผมจึงพูดว่า “ เชี่ยนเชี่ยน เธอออกไปก่อน รอพวกเราถามอะไรเจ้านี้หน่อย พอหมดธุระแล้ว เธอก็ค่อยเข้ามา ! ”
เมื่อเจ้าเชี่ยนเชี่ยนได้ยินผมพูดแบบนั้น เธอก็ค่อยๆปล่อยมือออก
แต่เธอยังจ้องเขาอย่างไม่กระพริบตา จากนั้นเธอถึงลดมือลงและถอยหลังออกไป
เมื่อคอของโจวเจี่ยนถูกปล่อยออก เขาก็สูดหายใจข้าเฮือกใหญ่ แต่ร่างยังคงสั่นเทา แสดงท่าทางหวาดกลัว
หลังจากเจ้าเชี่ยนเชี่ยนออกไปจากห้อง “ พรึบ ” ไฟเหนือหัวก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
สภาพของโจวเจี่ยนตอนนี้ตื่นกลัวอย่างกับกระต่ายตื่นตูม เขาแทบไม่ต่างอะไรกับคนที่สูญเสียจิตใจเลยสักนิด
ผมยกเท้าข้างหนึ่งกระแทกลงกับเตียง แล้วพูดกับเจ้าโจวเจี่ยนว่า “ อาจารย์โจวใช่ไหม ! วิญญาณของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนก็มาแล้ว คุณเองก็เห็นแล้ว ถ้าไม่อยากตายอย่างอนาจ พอพวกเราถามอะไร แกก็ตอบ ! ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้แกตายแบบทุเรศๆ ! ”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ผมก็เน้นเสียงยิ่งกว่าเดิม
เมื่อโจวเจี่ยนได้ยินผมพูดแบบนั้น ตัวก็สั่นขึ้นมาทันที “ ฉัน ฉันพูด ฉันพูดหมดทุกอย่าง! น้อง น้องชาย อย่าฆ่าฉันเลย ฉันมีเงิน ฉันจะให้เงินพวกนาย ! ”
หลังจากพูดจบ เจ้านี้ก็ยังคิดจะเข้ามาจับขาของผม
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาผมก็รู้สึกรังเกลียดขึ้นมา จึงใช้เท้าถีบออกไปหนึ่งครั้ง “ อยู่ห่างๆฉันหน่อย ! ”
โจวเจี่ยนถูกการถีบที่ไม่พอใจของผม จนทำให้เขาต้องพยักหน้ารับรัวๆ “ ได้ ได้ ได้ ! ”
“ เมื่อห้าปีก่อน แกเชิญใครมาปราบเจ้าเชี่ยนเชี่ยน ” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้ง
โจวเจี่ยนกระตือรือร้นมาก วินาทีนี้เขาไม่คิดเลยสักนิด พูดออกมาทันที “ คือ คือนักพรตหยวน นักพรตหยวน ! ใช่เขาเป็นคนขังเจ้าเชี่ยนเชี่ยนไว้ในตึก ”
“ ฉันไม่ได้เป็นคนทำนะ ! ฉันแค่อยากให้นักพรตหยวนไล่เจ้าเชี่ยนเชี่ยนออกไป แต่ แต่นักพรตหยวนกลับผนึกวิญญาณของเธอ ! และยังให้เธอฆ่าคนอยู่ในตึกต่อไปเรื่อยๆ ฉันกลัวมาก ดังนั้นพอถึงวันพระ ฉันก็จะเผากระดาษให้เชี่ยนเชี่ยน จริงๆนะ…… ”
โจวเจี่ยวรีบพูด อยากให้พวกเราเห็นอกเห็นใจเขา
แต่พวกเราไม่เคยสนใจเขาเลยสักนิด แต่กลับสนใจ “ กุ่ยซานหยวน ” สามคำนี้
จากป่าช้าเก่า ชายที่สวมชุดคนตาย ตาแก่พิลึกที่ใช้วิชา “ เข้าสิงศพ ”
เป็นอะไรที่คิดไม่ออกจริงๆ เบื้องหลังของเรื่องนี้ เป็นฝีมือกุ่ยซานหยวนอีกรึเปล่านะ
ผู้ชายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง ครั้งที่แล้วก็กักขังวิญญาณของคุณหนูเหวินเอาไว้ ครั้งนี้ยังทำกับเจ้าเชี่ยนเชี่ยนอีก
ผมขมวดคิ้ว “ เขาอยู่ที่ไหน ”
โจวเจี่ยนกลับส่ายหัว “ ฉัน ฉันไม่รู้ ! ”
“ ไม่รู้งั้นเหรอ แล้วก่อนหน้านี้แกติดต่อเขาได้ยังไง ” จู่ๆหยางเฉ่วก็พูดออกมา
เมื่อโจวเจี่ยนได้ยิน เขาก็รีบพูดทันที “ ฉัน ฉัน ใช่แล้ว มีคนแนะนำให้ฉัน จากนั้น จากนั้นก็ติดต่อเขาได้ ส่วนเรื่องอื่น ฉันไม่รู้จริงๆ ! ”
เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทาง และน้ำเสียงที่ติดๆขัดๆ พวกเราก็รู้สึกว่าชายคนนี้กำลังพูดโกหก
ทันใดนั้นหานเฉ่วเฟิงที่ยืนสูบบุหรี่อย่างเงียบๆมาตลอด กลับเดินเข้ามา
ด่าเขาทันที “ แกไม่ยอมพูดความจริงใช่ไหม ! ได้งั้นฉันก็จะทำให้แกตาสว่าง ! ”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็กระโดดขึ้นไปบนเตียง ยกเท้าถีบไปที่หัวของชายคนนั้นทันที
ทันใดนั้นเสียงร้อง “ โอ๊ย ” ก็ดังขึ้น ชายคนนั้นจับหัวแล้วพูดขอร้องอ้อนวอนว่า “ อย่า อย่าทำร้าย ฉัน ฉันไม่รู้จริงๆ ไม่รู้จริงๆ…… ”
แต่หานเฉ่วเฟิงเป็นคนที่มีนิสัยนักเลงโดยสมบูรณ์ ช่วงเวลานั้นเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
เขายิ่งลงมือโหดขึ้นเรื่อยๆ ชายคนนั้นถึงขนาดถูกหานเฉ่วเฟิงถีบตกเตียงแล้ว
ตอนแรกมันก็ไม่มีอะไร แต่วินาทีที่ร่างของโจวเจี่ยนกลิ้งตกจากเตียง สีหน้าของผมและหยางเฉ่วที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนไปทันที
ม่านตาขยายออกอย่างรวดเร็ว เพราะช่วงต้นขาหลังของโจวเจี่ยนอยู่ตรงหน้าของพวกเรา เมื่อมองต่ำจากก้นนิดหน่อย ก็จะเห็นสีหมึกของรอยสัก
ถึงจะบอกว่าเป็นรอยสัก แต่ที่จริงมันเป็นเครื่องหมายบางอย่าง
และเครื่องหมายนั้นก็คือหน้าผีสามตา ที่เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
มันก็คือสัญลักษณ์ผีนั้น และด้านล่างของคาง ก็มีอักษณคำว่า “ คน ” เขียนไปหนึ่งตัว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็สูดหายใจเข้าทันที “ แกเป็นคนในองค์กรชั่วงั้นเหรอ ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ถีบเจ้านี้ที่ท้องทันที เพราะอยากจะถามต่อ
ผลลัพธ์หานเฉ่วเฟิงที่อยู่ข้างบนกลับกระโดดลงมาต่อย ไม่เหลือโอกาสให้ผมได้ถามเลยสักนิด
ตอนนี้โจวเจี่ยนได้ถูกต่อยจนเลือดออกจากจมูก แต่ก็ยังขอร้องอย่างต่อเนื่อง “ อย่า อย่าต่อยฉัน ฉัน ฉันจะตายแล้ว จะตายแล้ว ! ”
เมื่อหยางเฉ่วเห็นหานเฉ่วเฟิงลงมือหนักขึ้น ก็ยื่นมือเข้ามาหยุดผมและหานเฉ่วเฟิง
ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดอย่างเย็นชา “ บนตัวของแกก็มีสัญลักษณ์หน้าผีสามตาเหมือนกัน บอกมาซิ ว่าแกได้สัญลักษณ์นี้มายังไง และมันหมายความว่าอะไร ”
โจวเจี่ยนกำลังนอนราบกับพื้น ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือไปลูบสัญลักษณ์ที่ต้นขา ใช้ปากที่มีคราบเลือดพูดว่า “ นี่ นี่เป็นสิ่งที่นักพรตหยวนให้ฉันเอาไว้ ”
“ ทำไมเขาต้องให้กับแก ” ผมถามต่อ
โจวเจี่ยนก้มหัวลง ช่วงเวลานั้นเขายังไม่พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นเจ้านี้ปากแข็ง ไม่ยอมพูด พวกเราจึงเตรียมจะอัดเขาต่อ
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เจ้าเชี่ยนเชี่ยนมาทำให้ชายคนนี้กลัวต่อ
แต่ทันใดนั้น โจวเจี่ยนที่ก้มหัวอยู่กลับสูดหายใจเข้าอย่างกระทันหัน พูดกับพวกเราด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม “ เพราะ เพราะ เพราะถ้ามีสัญลักษณ์นี้ ฉันก็จะจะเป็นคนในองค์กรแล้ว ! ”
“ องค์กร องค์กรอะไร ” ผมถามต่อ
แต่เสียงพึ่งจางหาย เจ้าโจวเจี่ยนนั้นกลับเงยหน้าขึ้นมามองอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขายังแสดงท่าทางหวาดกลัว แต่วินาทีนี้เขาดูน่ากลัวขึ้นมา
พ่นน้ำลายผสมเลือด ออกมาจากปาก เส้นเลือดดำที่คอปูดขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือด ราวกับสัตว์ร้าย
แต่สิ่งที่น่าขนลุกยิ่งกว่านั้นคือ ที่หน้าผากของเขา กำลังแยกออก จนมีเลือดไหลออกมา
ทันใดนั้นตรงกลางของมันก็มีอะไรบางอย่างกลมๆขาวๆโผล่ออกมา พอมองดูแล้วเหมือนกับลูกตา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ในใจของพวกเราสามคนก็มีเสียงดัง “ กึก ” เพราะมันคือตาที่สาม
แต่ไม่รอให้พวกเราได้ตั้งรับใดๆ เจ้าโจวเจี่ยนกลับลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พูดออกมาจนเกือบเหมือนกับการตะคอก “ เป็นองค์กรที่สามารถทำให้ฉันเป็นอมตะได้ ! ”
หลังจากพูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็จับต้นขาของหยางเฉ่วไว้ และอ้าปากกัดทันที……