ตอนที่ 103 กดไว้
เขาเปลี่ยนไปเร็วมาก บวกกับอยู่ใกล้กับหยางเฉ่ว พวกเราทุกคนจึงไม่ทันตั้งตัว
หลังจากพวกเราได้สติกลับมา มันก็สายเกินไปแล้ว
เห็นเพียงแค่โจวเจี่ยนอ้าปากอย่างรวดเร็ว และกัดลงไปที่ต้นขาของหยางเฉ่วทันที
หยางเฉ่วอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา เธอขยับขาไปมาอย่างต่อเนื่อง อยากจะทำให้ปากของโจวเจี่ยนหลุดออก
แต่ชายคนนี้กลับกัดที่ต้นขาของหยางเฉ่วอย่างแน่น ในปากของมันยังส่งเสียงร้อง “ ฮือฮือฮือ ” ออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ รนหาที่ตาย ! ” ผมตะโกนด่า จากนั้นก็ถีบเข้าไปทันที
การถีบครั้งนี้ของผมแรงสุดๆ แถมมันยังเข้าไปโดนที่ด้านหนึ่งของหน้าอีกฝ่ายจังๆ
พลังที่มหาศาล ทำให้ปากของโจวเจี่ยนคายออก
“ หยางเฉ่ว เธอเป็นอะไรไหม ! ” ผมพูดด้วยความเป็นห่วง
หยางเฉ่วเดินเขย่งเท้า ถอยไปข้างหลังสองสามก้าว
มองต้นขาเรียวขาวของตัวเอง ที่ตอนนี้ได้มีรอยฟันสองแนวกดลงไปบนผิวของเธอถูกฟันกัด จนมีเลือดสดๆไหลออกมา
“ ไม่ ไม่เป็นไร ” หยางเฉ่วพยายามพูด และปิดต้นขาเอาไว้ ใช้มือกดแผลให้เลือดหยุดไหล
ในเวลาเดียวกัน หานเฉ่วเฟิงก็พูด ฮึ
เขาหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนหัวเตียงขึ้นมา จากนั้นก็เข้าไปทุบหัวโจวเจี่ยนทันที
ไม่พูดพร่ำทำเพลง หานเฉ่วเฟิงก็ลงมือโหดจริงๆ
และไม่กลัวว่าเจ้านี้จะถูกทุบตาย “ ปัก ” เขาเริ่มต่อสู้กับชายคนนี้ทันที
“ เบื่อชีวิตมากซินะ คืนนี้ฉันจะฆ่าแก ! ” หานเฉ่วเฟิงตะโกน ในเวลาเดียวกันก็ทุบโจวเจี่ยนอย่างไม่ยั้งมือ
แต่ตอนนี้โจวเจี่ยน แตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ
เมื่อตาที่สามปรากฏขึ้น พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
แม้เลือดจะไหลออกมาจากหัว แต่เขากลับไม่สนใจมันเลยสักนิด
ทันใดนั้นเขาก็ตะโกน “ อย่าคิดว่าจะมาจัดการฉันได้ง่ายๆ ! ถ้าต้องตายฉันก็จะลากพวกแกลงไปด้วย ”
หลังจากพูดจบ ก็พุ่งเข้ามาหาหานเฉ่วเฟิงอย่างไม่กลัวตาย
หานเฉ่วเฟิงเองก็คิดไม่ถึงว่า เพียงแค่ชั่วพริบตาอีกฝ่ายจะกล้า และยังต่อสู้อย่างกับคนบ้า
ผลลัพธ์เขากลับถูกอีกฝ่ายกระแทกจนล้ม และสภาพของโจวเจี่ยนในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากหมาบ้าเลยสักนิด
เขาอ้าปากกัดหานเฉ่วเฟิงแบบมั่วๆ หานเฉ่วเฟิงเองก็ไม่รอช้ารีบ ใช้มือจับคออีกฝ่ายเอาไว้ทันที ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ทุบตัวเขาแรงๆอย่างต่อเนื่อง
แต่มันกลับไม่ได้ผล โจวเจี่ยนไม่สนใจมันเลยสักนิด
สีหน้าของผมและหยางเฉ่วเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นสถานการณ์อันตรายขึ้น พวกเราก็ไม่รอช้า
รีบเข้าไปช่วยทันที ผมจับหัวของเจ้านั้นเอาไว้ ใช้แรงดึงให้เขาออกห่าง
ส่วนหยางเฉ่ว ตอนนี้กลับกัดนิ้ว และวาดคาถาลงบนมือของตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน เจ้าเชี่ยนเชี่ยนที่ออกไปก่อนหน้านี้ ก็ลอยกลับเข้ามาอีกครั้ง
เมื่อเห็นโจวเจี่ยนและพวกเรากำลังต่อสู้กัน เธอก็อึ้งไปแป๊บนึง
แต่จากนั้นเธอก็รีบเข้ามาช่วยทันที แม้ว่าโจวเจี่ยนจะมีแรงเยอะมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงของพวกเราสามคน เขาก็ไม่อาจเอาชนะได้
สุดท้ายเขาก็ถูกผมกดลงกับพื้น หานเฉ่วเฟิงเองก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เขาฉีกผ้าปูออกมาทำเป็นเชือก และนำไปมัดที่ข้อมือและข้อเท้าของเจ้านี้ทันที
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เจ้านี้ก็ยังคงจ้องพวกเราอย่างดุร้าย ด้วยตาเต็มไปด้วยเลือด และดิ้นไปมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ปากของเขายังพ่นน้ำลายเหนียวๆออกมา แม้จะเห็นได้รางๆ
แต่ตอนนี้ฟันของเขา ยาวขึ้นมาก
ขณะที่เขาดิ้นรน ก็พูดออกมาไม่หยุด “ ฉันจะไม่พูด ฉันจะไม่พูด ! ฉันเป็นอมตะ ฉันเป็นอมตะ…… ”
เมื่อเห็นสภาพแบบนี้ ผมก็กลอกตา แต่ไม่ลังเลเลยสักนิด
เมื่อกี้ยังกลัวจนแทบช็อก แต่ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนมาบ้าคลั่งได้ขนาดนี้นะ
หรือว่าจะเกี่ยวกับตาที่สามของเขา
ผมคิดในใจ ช่วงเวลานั้นหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆก็วาดคาถาเสร็จแล้ว
หยางเฉ่วทำฝ่ามือให้กลายเป็นยันต์ และตอนนี้ก็มายืนหยุดอยู่ที่หน้าโจวเจี่ยน
จากนั้นก็ได้ยินเธอพูดว่า “ เมื่อกี้แกกัดฉัน ตอนนี้ฉันจะทำให้แกได้เห็นถึงความร้ายกาจของฉันบ้าง ! ”
หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็ยื่นฝ่ามือออกมา
ทันใดนั้นยันต์เลือดที่ฝ่ามือ ก็ถูกแปะลงไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย และตำแหน่งนั้นยังตรงกับดวงตาที่สามพอดีด้วย
เมื่อฝ่ามือสัมผัสผิวหนัง โจวเจี่ยนที่เคยเอาแต่แหกปากตะโกน ก็เริ่มตัวสั่นอย่างแรง ทันใดนั้นเขาก็กรีดร้องโหยหวน “ อ้า! อ้า…… ”
ร่างกายของเขาดิ้นตลอดเวลา ดูเหมือนเขาจะกำลังทรมานสุดๆ
ยันต์ฝ่ามือที่แปะอยู่บนหน้าผากของเขา ทำหน้าที่เหมือนหัวแร้ง เผาทำลายตาผีลูกนั้นอย่างต่อเนื่อง มันส่งเสียง “ พรึบพรึบพรึบ ”
ทันใดนั้นไอดำ ก็หลั่งไหลออกมาจากร่องนิ้วของหยางเฉ่วอย่างต่อเนื่อง และมันยังดูน่าขนลุกเอามากๆ
“ ติงฝาน เฟิงเฉ่วหาน กดเจ้านี้เอาไว้ ฉันจะทำให้เจ้านี้ได้ตาสว่าง ! ” หยางเฉ่วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผมและหานเฉ่วเฟิงเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบขึ้นไปข้างหน้า และจับโจวเจี่ยนกดเอาไว้ทันที ทำให้เขาไม่สามารถขยับอะไรได้อีก
แม้แต่เจ้าเชี่ยนเชี่ยน ที่นั่งอยู่บนขาของโจวเจี่ยนก็เข้ามาช่วยพวกเรา
หานเฉ่วเฟิงยังช่วย และพูดกับหยางเฉ่วว่า “ น้องสาว เธอฟังให้ดีๆ ฉันคือหานเฉ่วเฟิง ไม่ใช่เจ้าขยะ
เฟิงเฉ่วหานนั้น ! ”
ผมที่อยู่ข้างๆแสดงท่าทีอึดอัดใจเล็กน้อย แต่หยางเฉ่วกลับไม่ได้สนใจมากนัก และยังไม่มองหานเฉ่วเฟิงเลยสักนิด “ นายพูดบ้าอะไร พวกนายสองคนก็มีชีวิตเดียวกันไม่ใช่เหรอ อยู่ในร่างเดียวกันแท้ๆ ชื่อของพวกนาย จะมีอะไรต่างกัน ฮึปัญญาอ่อน ”
จู่ๆก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดแบบนี้ ใจของผมจึงอดไม่ได้ที่จะมีเสียงดัง “ กึก ”
ต้องรู้ว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ผมไม่มีเวลาอธิบายเรื่องของเฟิงเฉ่วหานให้หยางเฉ่วฟัง และเธอเองก็ไม่ถาม
คิดไม่ถึงว่า หยางเฉ่วจะสามารถดูออกด้วยตัวเอง
แค่ใช้สายตา ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าหยางเฉ่วความรู้กว้างขวางมาก เธอช่างเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
แต่ผมก็กังวลว่าหานเฉ่วเฟิงจะโมโห เพราะชายคนนี้มีนิสัยนักเลงโดยสมบูรณ์
แต่ใครจะรู้หานเฉ่วเฟิงกลับเงียบ แต่วินาทีต่อมาเขากลับยิ้มกว้างๆ “ น้องสาว เธอนี่ตรงสเปคฉันจริงๆ ! ”
“ อย่ามัวแต่พูดมาก กดเอาไว้ดีๆ ฉันจะใช้พลังแล้ว ! ” หยางเฉ่วพูดออกมาอีกครั้ง
หลังจากพูดจบจู่ๆมืออีกข้างของหยางเฉ่วก็เริ่มเสกคาถา ผมเองก็ออกแรงเพิ่มมากกว่าเดิม
แม้ว่าหานเฉ่วเฟิงจะไม่พูดอะไร แต่เขากลับยิ้มตลอดเวลา ดูเหมือนท่าทางแบบนั้นเขาจะสนใจหยางเฉ่วมาก
ในที่สุดผมก็เห็นนิ้วของหยางเฉ่วประสานกัน จากนั้นก็วางมือลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย
ทันใดนั้นเธอก็พูดว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี๊ยง ! ”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น หยางเฉ่วก็กดยันต์ที่ฝ่ามือลงไป ทันใดนั้นเสียง “ ปัง ” เบาๆก็ดังขึ้น
จากนั้น ผมก็รู้สึกว่าพลังหยินกำลังไหลทะลักออกมาจากฝ่ามือ เอ่อล้นไปรอบๆ
และโจวเจี่ยนที่ถูกกดเอาไว้ที่พื้น กลับดิ้นแรงกว่าเดิม และกรีดร้องอย่างรุนแรง
“ อ้า ! อ้า ! เจ็บ เจ็บโว้ย ”
หยางเฉ่วยังไม่มีทีท่าว่าจะลดมือลง เธอแสดงใบหน้าเย็นชา กระตุ้นคาถาต่อไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นประมาณ 10 วินาที เสียงร้องของโจวเจี่ยนก็เริ่มอ่อนลง แรงที่ใช้ดิ้นก็เริ่มเบาลง……
ผ่านไปอีกสองสามนาที โจวเจี่ยนก็แทบไม่มีแรงต่อต้าน หยางเฉ่วจึงปล่อยมือ
จากนั้นก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดว่า “ โอเคแล้ว ! เจ้านี้หมดฤทธิ์แล้ว ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ พวกเราถึงลุกขึ้น
มองสภาพของโจวเจี่ยน ที่กำลังหายใจโรยริน สีหน้าอ่อนล้าดวงตาทั้งสองข้างไร้ชีวิตชีวา
และดวงตาที่สามบนหน้าผาก ก็ได้หายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงคราบเลือดและรอยแยกของเนื้อเท่านั้น
หยางเฉ่วมองสภาพที่กำลังใกล้ตายของโจวเจี่ยน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างดุร้าย “ ยังกล้ามากัดฉัน ไม่มีแกนพลังหยินแล้ว ดูซิว่าแกจะทำอะไรได้อีก…… ”