ตอนที่ 105 วาดยันต์
เมื่อพวกเราเห็นฉากนี้ ทุกคนก็ตกใจกลัวทันที
ยึดตามสภาพของโจวเจี่ยนก่อนหน้านี้ หลังจากเส้นสีดำแพร่ไปรอบตัว เธอจะต้องตาย
“ สมควรตาย สัญลักษณ์ของยัยผีนี้ก็ถูกกระตุ้นแล้ว ! ” หานเฉ่วเฟิงขมวดคิ้ว
ผมแสดงสีหน้าเคร่งเครียด “ มีวิธีหยุดสัญลักษณ์ผีนี่ไหม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เชี่ยนเชี่ยนจะต้องตายแน่ ! ”
“ อร๊าย ! เจ็บมาก เจ็บจะตายแล้ว ฆ่าฉันที รีบฆ่าฉันเร็ว ! ” เชี่ยนเชี่ยนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังทรมานมาก
หยางเฉ่วแสดงท่าทางหนักใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมสองคนพูด และมองท่าทางที่กำลังทรมานของเจ้าเชี่ยนเชี่ยน สุดท้ายเธอก็พูดกับผมและหานเฉ่วเฟิงว่า “ บนตัวของพวกนายพกยันต์มาบ้างไหม ฉันจะลองเสกคาถาดู ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็รีบค้นตัวทันที
แต่สุดท้ายผมก็พบว่าในตัวมียันต์อยู่จริงๆ แต่เป็นยันที่มีอักขระเขียนเอาไว้แล้ว ไม่ใช่ยันต์เปล่า
แต่ทันใดนั้นหานเฉ่วเฟิงที่อยู่ข้างๆผม กลับพูดว่า “ ฉันมี เจ้าขยะเฟิงเฉ่วหานเอายันต์มาสองสามเผ่น ! ”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็ยื่นยันต์สามแผ่นให้ทันที
สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เฟิงเฉ่วหานพกติดตัวไว้ เมื่อเห็นหานเฉ่วเฟิงยื่นยันต์ให้หยางเฉ่ว ในเวลาเดียวกันนั้นผมก็พูดว่า “ อยากให้ช่วยอะไรอีกไหม ”
หยางเฉ่วไม่หันมามองหานเฉ่วเฟิง เธอกัดนิ้วของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็พูดว่า “ พวกนายสองคนใครวาดยันต์สะกดวิญญาณเป็นบ้าง ”
เมื่อได้ยินหยางเฉ่วพูด ผมก็แสดงสีหน้าลำบากใจ
ผมเคยได้ยินเรื่องยันต์สะกดวิญญาณมาจากอาจารย์ เป็นยันต์ที่คนในสายงานของพวกเราใช้กันบ่อยมาก
เพราะทำให้วิญญาณมั่นคง จากผลของการสงบจิตใจ
ผมเคยได้ยินมาก็จริง แต่ผมพึ่งเข้ามาทำงานไม่นาน พลังก็โครตจะอ่อน
ปัจจุบันนอกจากจะวาดยันต์สามชนิดที่อาจารย์เคยสอนได้แล้ว ผมก็ไม่สามารถทำยันต์ประเภทอื่นได้
ผมส่ายหัว และหันไปมองหานเฉ่วเฟิง
แต่หานเฉ่วเฟิงกลับกลอกตา เหลือบมองเจ้าเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังตัวสั่นและกรีดร้องอย่างไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็พูดขึ้นมาทันที “ ยันต์น่ะฉันวาดไม่เป็น แต่ฉันจำได้ว่าเจ้าขยะเฟิงเฉ่วหานทำได้ ! ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เงียบไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นก็หยิบขวดสีขาวออกมาจากร่างกาย
จากนั้นก็หันมาพูดกับผมว่า “ ติงฝาน พี่เฟิงทำได้แค่ออกมาดูแลนายในครั้งหน้า เออใช่แล้ว จดเบอร์โทรศัพท์น้องหยางเฉ่วไว้ด้วยนะ ครั้งหน้าฉันจะนัดเธอมากินข้าว ! ”
ผมทำหน้าอึดอัดใจ ส่วนหยางเฉ่วนั้นไม่หันมามองเขาเลยด้วยซ้ำ
หานเฉ่วเฟิงชอบทำตามใจ แม้ว่าจะมีนิสัยเหมือนพวกนักเลงมาก
แต่ถ้ามองจากท่าทีของเขา ดูเหมือนเขาคิดจะกลับไปหลับลึก และเปลี่ยนให้เฟิงเฉ่วหานออกมาจริงๆ
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็เปิดฝาขวด จากนั้นก็หยิบยาออกมาหนึ่งเม็ด และกลืนมันลงไปทันที
หลังจากกินยาเข้าไป หานเฉ่วเฟิงยังทำมือเหมือนประสานกันเหมือนเสกคาถา
เขารีบพูดออกมาทันที “ เจ้าขยะ ออกมาได้แล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ เขาก็กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง
“ ปัง ” ทันใดนั้นตาของหานเฉ่วเฟิงก็เหลือกขึ้น ล้มลงไปกับพื้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็รีบวิ่งเข้าไป ประคองร่างของเฟิงเฉ่วหานเอาไว้ทันที
จากนั้นตัวเขาก็กระตุกอีกสองครั้ง ทันใดนั้นผมก็เห็นม่านตาของเขาขยายออก
แสดงสีหน้าตกตะลึง หานเฉ่วเฟิงได้สติกลับมาแล้ว
เขากระวนกระวายรีบพูดทันที “ ติงฝาน จัดการยัยผีนั้นได้ไหม ”
เพราะหานเฉ่วเฟิงเลือกที่จะกลับไปหลับลึก และยังประสานมือเอาไว้ ดังนั้นแม้เวลาที่เฟิงเฉ่วหานออกมาจะเร็วมากแต่เขาก็ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และเรื่องทั้งหมดยังผ่านไปแค่ 5 วินาทีเท่านั้น
ผมเองก็ไม่มีเวลามานั่งอธิบายให้เขาฟัง จึงรีบพูดกับเขาตรงๆ “ อย่าพึ่งพูดมาก นายรีบวาดยันต์สะกดวิญญาณเร็วเข้า ! ”
“ วาดยันต์ ” หานเฉ่วเฟิงทำหน้าสงสัย ในเวลาเดียวกัน ก็เห็นผีเจ้าเชี่ยนเชี่ยนกรีดร้องทรมาน จึงงงหนักมาก
“ อย่ามัวชักช้า เร็วเข้า ! ” ผมเร่งเขา
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นผมเร่ง และหยางเฉ่วยังกำลังวาดยันต์อย่างรวดเร็ว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยันต์ขึ้นมา กัดนิ้วตัวเองและวาดยันต์อย่างรวดเร็ว
แต่คนที่ไม่สามารถวาดยันต์ได้ แบบผม จึงทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ ภาวนาให้คาถาใช้ได้ผลเท่านั้น
แม้ว่าทั้งสองคนจะวาดเร็วมาก แต่ก็วาดด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะตอนที่วาดให้มันบรรจบกัน พวกเขาก็ต่างไม่กล้าทำให้ผิดพลาดเลยสักนิด
แต่เวลาไม่รอใคร เส้นสีดำของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนได้แพร่ขยายไปกว่าครึ่งร่างแล้ว
ตอนที่เห็นมันถูกขยายจนเกิบสมบูรณ์แล้ว หยางเฉ่วก็พูดกับผมอีกครั้ง “ ติงฝาน ส่งพลังหยางให้เชี่ยนเชี่ยน ถ่วงเวลาให้ได้สักนาทีก็ยังดี ! ”
เมื่อได้ยินหยางเฉ่วพูดแบบนั้น ถึงผมจะอยากช่วย แต่ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
ผมจึงกระวนกระวาย “ หยางเฉ่ว ส่งยังไง ”
หยางเฉ่วไม่หันมามองผม “ ผายปอด ! ”
เมื่อได้ยินคำว่า “ ผายปอด ” ผมก็อึ้งไปพักหนึ่ง
นี่ไม่ได้บอกให้ผมไปจูบผีเหรอ ผมอดไม่ได้ที่จะตกใจ
แม้ว่าเจ้าเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ใช่สาวสวย แต่ก็ถือว่าค่อนข้างหน้าตาดี
ตอนมีชีวิตยังเคยเรียนเต้น จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องรูปร่างเลย
แต่เพื่อช่วยชีวิตคน แค่ผายปอดจะเป็นอะไรไป อีกอย่างรูปร่างของอีกฝ่ายก็ดูไม่เลว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ในสมองของผม กลับมีภาพยัยมู่หลงเหยียนเจ้าอารมณ์โผล่ขึ้นมา
ถ้าให้เธอรู้เรื่องผมจูบผู้หญิงคนอื่นละก็ เธอต้องรีบมาฉีกผมเป็นชิ้นๆแน่
แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว อาจารย์เคยบอกว่า เป็นคนปราบสิ่งช่วยร้ายไม่ใช่แค่กำจัดผี แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือช่วยเหลือพวกวิญญาณ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมก็ไม่สน และลังเลอีกต่อไป รีบเดินเข้าไปตรงหน้าของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนทันที
มองร่างตรงหน้าที่กำลังเจ็บปวดทรมาน และใบหน้าที่เกือบเต็มไปด้วยเส้นสีดำ จากนั้นก็พูดว่า “ เชี่ยนเชี่ยนขอโทษนะ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ย่อตัวลงไป จูบเธอทันที
ความรู้สึกนั้นก็ไม่มีอะไรมาก มันเหมือนจูบกับก้อนน้ำแข็ง แค่เย็นจนถึงกระดูกเท่านั้น
ความเย็นไหลทะลักเข้ามาในปากอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวของผมรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
และผมก็ไม่ลืมที่จะพ่นลมหายใจเข้าไป แบบนี้ก็ถือว่าสามารถส่งพลังหยางของตัวเองเข้าสู่ร่างกายของยัยผีได้แล้ว
จากนั้นผมก็ส่งพลังหยางในร่างตัวเองให้กับยัยผีอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลานั้นดูเหมือนความเจ็บปวดทรมานของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนจะลดลง
จู่ๆเส้นสีดำที่เคยแพร่อย่างรวดเร็ว ก็ลดความเร็วลงมาไม่น้อย
แค่ช้าลง แต่ยังไม่หยุด
ตอนนี้ผมส่งพลังหยางให้เจ้าเชี่ยนเชี่ยนได้ประมาณ 30 วินาทีแล้ว แต่ขณะที่เวลามาถึงช่วง 30 วิพอดี หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานที่วาดยันต์อยู่ก็ทำเสร็จ
ตอนนั้นเฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่ว ทำเสร็จพร้อมๆกัน
แต่ว่าหยางเฉ่วกลับวาดยันต์สองแผ่น ส่วนเฟิงเฉ่วหานแค่แผ่นเดียว
เมื่อผมเห็นสองคนนั้นวาดเสร็จแล้ว ก็รีบปลีกตัวออกมาทันที
ผมพึ่งถอนปากออก เจ้าเชี่ยนเชี่ยนก็กลับมาทรมานอีกครั้ง และเส้นสีดำนั้นก็เริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
หยางเฉ่วจ้องเฟิงเฉ่วหาน เธอพูดออกมาตรงๆ “ ใช้ยันต์แปะที่ประตูชีวิตผี ! ”
เฟิงเฉ่วหานไม่ถามอะไรสักคำ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราต้องมาที่ห้องแปลกๆนี้ และทำไมตอนนี้ถึงต้องทำแบบนี้ด้วย
แต่เมื่อเห็นท่าทางที่รีบร้อนของพวกเรา เขาก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปแปะยันต์ทันที
จากนั้นหยางเฉ่วก็นำยันต์สองแผ่นที่อยู่ในมือ ไปแปะที่หน้าอกและหลัง อย่างละแผ่น
หลังจากยันต์ทั้งสามแผ่นถูกแปะเรียบร้อย สีหน้าหยางเฉ่วก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เผยท่าทางจริงจังออกมา
ใช้มือทั้งสองข้างเสกคาถา และการเสกนั้นยังเร็วสุดๆ เร็วจนคนที่มองแทบตาลาย
ผมคิดว่าครั้งนี้ความเร็วในการเสกคาถาของหยางเฉ่ว เร็วกว่าอาจารย์และนักพรตตู๋ซะอีก
ในที่สุดผมก็ได้ยินหยางเฉ่วตะโกนว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ผนึก ! ”
เสียงพึ่งเงียบลง มือที่ประสานกันของหยางเฉ่วก็ชี้ไปข้างหน้าเล็กน้อย
จากนั้น ยันต์สามแผ่นที่แปะเอาไว้ก็สั่นไหว และ “ ปัง ปัง ปัง ” ระเบิดในทันที
พวกมันกลายเป็นผุยผง และลอยหายไปต่อหน้าต่อตา
แต่หลังจากพลังของยันต์สามแผ่นนี้ทำงาน เจ้าเชี่ยนเชี่ยนที่เจ็บปวดทรมาน ก็ผ่อนคลายลงมาไม่น้อย
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เส้นสีดำที่เคยกระจายอยู่บนตัวเธอ ตอนนี้มันกลับหยุดลง จากนั้นก็ถอยกลับไปสู่จุดเริ่มต้น และกลับเข้าไปในตราสัญลักษณ์ที่ถูกประทับเอาไว้
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เส้นสีดำยังค่อยๆอ่อนลงมาทีละนิด ราวกับจะจางหายไป……