ตอนที่ 109 ใส่ยา
จู่ๆมู่หลงเหยียนก็เงียบไป ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
จึงถามว่า “ เธอเป็นอะไร ”
ผลลัพธ์เสียงของผมพึ่งเงียบลง มู่หลงเหยียนกลับหน้าแดง และพูดกับผมด้วยเสียงติดๆขัดๆ “ ไม่ ไม่มีอะไร ! กล่องยาของบ้านนายอยู่ไหน ฉันจะใส่ยาให้ ! ”
ใส่ยา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็แทบตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ใส่ยา คุณพระช่วยวันนี้ยัยมู่หลงเหยียนไปกินยาผิดมารึเปล่า
ทำไมถึงดีกับฉันขนาดนี้ แถมยังออกปากเองว่าจะใส่ยาให้ฉัน
ผมไม่อยากเชื่อ “ เธอ เธอจะใส่ยาให้ฉันจริงๆเหรอ ”
ผมสงสัย แต่เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นสีหน้าของมู่หลงเหยียนก็เปลี่ยนไป “ นายจะพูดมากทำไม ฉันถามว่ากล่องยาอยู่ที่ไหน ”
คุณพระ ยัยนี้เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษซะอีก และตอนนี้หน้าของยัยนี้ยังแย่ยิ่งกว่าเดิม
ผมจะกล้าชักช้าอยู่ได้ยังไง ไม่อย่างนั้นจะต้องเจอเรื่องลำบากอีกแน่ๆ
“ อยู่ตรงนั้น ในตู้เก็บของ ! ” หลังจากพูดจบ ผมก็จะเดินไปหยิบมาด้วยตัวเอง
ผมไม่กล้าให้มู่หลงเหยียนทำเอง แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีจริงๆ มู่หลงเหยียนแสดงสีหน้าเย็นชา “ นายจะทำอะไร นั่งลงเดี๋ยวนี้ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หลงเหยียน หน้าของผมก็เริ่มแดงเล็กน้อย ผมนั่งลงไปกับพื้นพร้อมกับทำใบหน้าเขินๆ
และมู่หลงเหยี่ยนก็เดินไป หยิบกล่องยาเข้ามา
เมื่อเห็นผมยังเงียบอยู่ เธอเลยตะโกนใส่ผมว่า “ โดนยัยผีนั้นทำร้ายจนปัญญาอ่อนไปแล้วรึไง ถอดเสื้อออกซิ ”
“ อ่า ! ” ผมพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่
การที่มู่หลงเหยียนจะใส่ยาให้ผม ทำให้ผมไม่กล้าเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง เหมือนกับเธอกำลังแกล้งทำเป็นใจดีแต่มีเจตนาร้ายแอบแฝง
แต่ตอนนั้น ผมก็ถอดเสื้อโค้ทออก เผยให้เห็นรอยแผลสองสามรอยที่แผ่นหลัง
จากนั้นมู่หลงเหยียนก็ใส่ยาให้ผม และพูดไปพร้อมๆกัน “ ออกจากบ้านไปแค่แปบเดียวก็โดนคนอื่นทำร้ายจนโง่แล้ว ครั้งหน้าอย่าทำเป็นกล้าแบบนี้อีกนะ ”
ผมทำหน้าอึดอัดใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
แต่ตอนที่มู่หลงเหยียนใส่ยาให้ผมเธอเบามือมาก และนุ่มนวลมาก
นอกจากแผลที่หลังแล้ว ยังมีที่แขนและที่หน้าอกของผม แล้วก็รอยช้ำอีกนิดหน่อย
ขณะนั้นมู่หลงเหยียนทำอย่างระวังมากๆ เธอใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ทำความสะอาดรอบๆบาดแผล จากนั้นก็ใส่ยาและพันแผลให้กับผม
เมื่อมองท่าทางที่เอาใจใส่ของมู่หลงเหยียน ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร หัวใจกลับเต้นแรง ดูเหมือนจะหายใจเร็วกว่าเดิม
และยังรู้สึกเขินมากๆ แล้วก็เกร็งไปทั้งตัวอีกด้วย
เพราะขยับตัวบ้างเล็กน้อย มู่หลงเหยียนจึงดุผมอีกครั้ง บอกให้อยู่นิ่งๆ
หลังจากพันแผลเสร็จ มู่หลงเหยียนก็พูดกับผมว่า “ ยื่นมือซ้ายออกมา ! ”
“ จะทำอะไร ” ผมพูดด้วยความสงสัย
แต่มู่หลงเหยียนกลับไม่ยอมพูด เธอดึงมือซ้ายของผมออกไป ไม่ลังเลอะไรสักนิด เธออ้าปากและกัดลงที่ข้อมือของผมทันที
ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกว่ามีความเจ็บไหลแปลบขึ้นมา
“ โอ๊ย มู่หลงเหยียนเธอทำอะไร ! ” ผมพูดด้วยความรู้สึกเจ็บจนรับไม่ค่อยไหว
เสียงพึ่งเงียบลง มู่หลงเหยียนก็อ้าปาก
แต่เมื่อมองที่มือของผม ก็พบว่าตอนนี้ที่ข้อมือมีรอยฟันสองแถว
และเพียงชั่วพริบตา มันก็กลายเป็น “ ไฝดำ ” สองเม็ด
“ นี่ นี่มันคืออะไร ” ผมงงมาก ในเวลาเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างถู จากนั้นก็พบว่าเวลาเพียงแค่แป๊บเดียวตรงที่ถูกกัดก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บแล้ว
แต่ไม่ว่าจะถูไฝดำนั้นยังไง มันก็ไม่ออกไปเลยสักนิด
มู่หลงเหยียนเช็ดปาก “ ทำเครื่องหมายให้นาย ครั้งหน้าเวลาเจออันตราย แค่พูดชื่อฉันที่มือซ้าย ! แล้วตอนนั้นฉันก็จะรีบไปช่วยนายทันที ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ”
ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ ที่แท้ยัยมู่หลงเหยียนก็ทำเพื่อให้ฉันปลอดภัยเลยกัดฉันซินะ
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็โครตดีเลย
มู่หลงเหยียนร้ายกาจมาก คงไม่ต้องพูดแล้วละ
ตอนสู้กับเจ้าผีน้ำ เธอแค่สบัดมือง่ายๆ ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร มู่หลงเหยียนก็ยกกล่องยาขึ้น เตรียมนำไปเก็บไว้ที่เดิม
แต่ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ที่ผมวางเอาไว้บนโซฟาก็ดังขึ้น มีข้อความสั้นๆหนึ่งข้อความถูกส่งเข้ามา
ผมไม่ได้สนใจ แต่เมื่อหันไปมอง
ก็เห็นมันเขียนว่า กำลังนอนบนเตียงเตรียมหลับละนะ พอถึงบ้านแล้ว ก็พักผ่อนดีๆนะ !
หลังข้อความ ยังมีอีโมจิหน้าคนยิ้มอีกหนึ่งอัน
และคนที่ส่งมาไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือหยางเฉ่ว
ที่จริงมันก็ดูไม่มีอะไร เพราะเมื่อคืนพวกเราไปร่วมรบกันมา สุดท้ายถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉ่วใช้เส้นลวดยึดกับโครงเหล็กเอาไว้ ป่านนี้พวกเราคงตกลงมาตายแล้ว
นี่ก็แค่ข้อความสั้นๆที่เพื่อนส่งมา เพราะรู้สึกเป็นห่วงกันและกันเท่านั้น
แต่ปัญหาคือ มู่หลงเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆผม กลับเป็นยัยเจ้าอารมณ์ที่เคยลบเพื่อนผู้หญิงของผมจนหมด
เมื่อมู่หลงเหยียนเห็นข้อความนี้ ใบหน้า “ สาวหวาน ” ของมู่หลงเยียนเมื่อกี้ “ พรึบ ” กลับเปลี่ยนไปทันที
เมื่อหันไปมองอีกครั้ง ก็เห็นมู่หลงเหยียนจ้องผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมรู้สึกอึดอัดทันที “ เพื่อน แค่เพื่อนเท่านั้น ! ”
ผลลัพธ์มู่หลงเหยียนไม่พูดอะไร ทำตาเป็นสีขาวโพน โยนกล่องยาเอาไว้ที่โซฟาและพูดออกมาทันที “ ไปตายซะไอ้ห่วย ! ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่สนใจผมอีก แล้วหมุนตัวเดินตรงไปที่ป้ายวิญญาณ
จากนั้น ผมก็เห็นเธอกลายเป็นธาตุอากาศ หายตัวไปในทันที
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนหายไป ในใจของผมก็รู้สึกผิดและไม่มีความสุขทันที !
แบบนี้ก็เรียกไอ้ห่วยงั้นเหรอ ผมและเฟิงเฉ่วหานไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ข้อความสั้นๆแค่นี้ก็เรียกได้งั้นเหรอ
แต่เธอไปแล้ว ถึงจะอธิบายไปก็ไม่มีความหมายอะไร
เมื่อก้มมองไฝดำสองเม็ดที่ข้อมือของตัวเอง ผมก็ยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
จากนั้น ผมก็ลุกขึ้นนำกล่องยาไปเก็บไว้ที่เดิม
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ที่ไปออกกำลังกายตอนเช้าก็กลับมาถึง
เขาพึ่งเขามาในบ้าน ก็เห็นบนตัวของผมมีผ้าพันแผล จึงแสดงสีหน้าตกใจออกมา “ ติงฝาน แก แกเป็นอะไร ”
เมื่อเห็นอาจารย์ ผมก็หัวเราะแห้งๆ “ ไม่มีอะไร เมื่อคืนไปสู้กับผีผู้หญิงกับเฟิงเฉ่วหานมา ดันเกิดอะไรไม่คาดคิดนิดหน่อยน่ะ ! ”
“ ผีผู้หญิง เสี่ยวเฟิง เมื่อคืนพวกแกไปทำอะไรมา ” อาจารย์รีบถาม
ผมเองก็ไม่พูดจาไร้สาระ รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
ในเวลาเดียวกันก็บอก เรื่องรู้สึกเสียใจกับจุดจบที่วิญญาณเจ้าเชี่ยนเชี่ยนแตกสลาย ความแค้นที่มีต่อปีศาจนั้น และถามว่าวิญญาณหมาที่เขาพากลับมาตัวนั้น ได้เบาะแสอะไรบ้างไหม
เมื่ออาจารย์ได้ยิน กลับถอนหายใจยาวๆ และตบบ่าของผม “ เสี่ยวฝาน แกทำดีที่สุดแล้ว บางเรื่อง พวกเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ ! แต่จงจำเอาไว้ เมื่อเข้ามาในสายนี้แล้ว เมื่อเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย จะต้องลงโทษแทนสวรรค์ ถึงแม้จะเป็นปีศาจที่ร้ายกาจขนาดไหน หรืออันตรายจนถึงชีวิตของพวกเรา แต่ก็ต้องทำตามหลักมโนธรรม ! แกทำได้ดีมาก ถึงผลลับจะออกมาไม่สวยงาม แต่แกก็ทำในสิ่งที่คนปราบสิ่งชั่วร้ายควรทำแล้ว ”
หลังจากได้ยินคำชมของอาจารย์ กำลังใจของผมก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเชื่อในการตัดสินใจและการเลือกของตัวเองมากขึ้น
แต่ทันใดนั้นอาจารย์ก็เปลี่ยนมาพูดอีกเรื่อง เขาพูดกับผมอีกครั้ง “ เจ้าเดรัจฉานนั้น เป็นเหมือนกับที่แกพูด คืนนั้นที่ฉันพากลับมาก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้น วิญญาณของมันแตกสลายไปแล้ว!”
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ และไม่ถามอะไรอีก
ผมรู้ว่า ตอนนี้พวกเราได้สร้างความขัดแย้งกับองค์กรชั่วที่ลึกลับนั้นแล้ว
และสิ่งที่ใจของผมแน่วแน่ยิ่งกว่านั้นคือ ผมจะขุดคุ้ยความลับทั้งหมดที่พวกมันเก็บซ่อนไว้เอามาเปิดเผยให้หมด เพื่อแก้แค้นให้มู่หลงเหยียน และกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก
เมื่ออาจารย์เห็นสีหน้าที่อ่อนล้าของผม ก็พูดขึ้นมาทันที “ ชั่งเถอะ ไปนอนพักผ่อนซะ ! หลังจากแผลหายดีแล้ว อาจารย์จะสอนวิชาอื่นให้แก…… ”