ตอนที่ 115 กลายเป็นสัตว์
จู่ๆจางจึเทาก็เปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ มันเป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงจริงๆ
เจ้านี้เป็นอะไรกันแน่นะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ขนหนาขึ้น และยังมีเล็บและเขี้ยวอีก
ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ไม่เหมือนขนลิงอุรังอุตัง
ผมขมวดคิ้ว เผยสีหน้าสันสบ “ จางจึเทา ทำไมนายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แล้วก็ นายเป็นคนฆ่าจูกุ่ยใช่ไหม ”
ตอนนี้หน้าของจางจึเทาได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เขาหายใจแรงๆ ที่ปากยังมีน้ำลายไหลออกมา
ดูจากภายนอก ช่วงเวลานี้ เขาดูไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลยสักนิด
และดวงตาของจางจึเทายังเต็มไปด้วยสีแดงฉาน จ้องผมตาไม่กระพริบ
และยังใช้โทนเสียงต่ำ พูดกับผมว่า “ ทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้งั้นเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ! เพราะต้องการชีวิตที่เป็นอมตะ ร่างกายที่แข็งแรง จูกุ่ยเหรอ ใช่ฉันฆ่าเขาเอง ฉันกินหัวใจของเขา ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ” รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะตอนที่จางจึเทาพูดประโยคนั้น มันฟังดูไม่ต่างอะไรกับคำพูดของเจ้าปีศาจโจวเจี่ยนที่ตายไปก่อนหน้านี้เลยสักนิด เพียงเพื่อความเป็นอมตะ
ส่วนเรื่องจูกุ่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมหน้าอกของเขาถึงมีรูอยู่ ที่แท้ก็ถูกควักหัวใจไปกินนี่เอง
“ ทำไมนายต้องทำแบบนี้ หรือว่าที่นายเรียกทุกคนมางานเลี้ยงรุ่น ก็เพราะต้องการฆ่าพวกเขางั้นเหรอ ” ผมถามต่อ
แต่ตอนนี้จางจึเทากลับส่ายหัว “ ไม่ ฉันก็แค่อยากลำลึกถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อน ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ฉันไม่ได้อยากฆ่าใครเลยสักคน ! และไม่ได้อยากลงมือกับพวกนายเลยสักนิด ”
“ แต่คืนนี้เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างพิเศษ จูกุ่ยบังเอิญเห็นสภาพของฉัน ฉันเลยไม่มีวิธีอื่น เพื่อปกปิดความลับ ฉันเลยต้องฆ่าจูกุ่ยซะ ! ”
ช่วงเวลาพิเศษ ผมเงียบไปสักพัก ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ ว่าคืนนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ
เมื่อมองดูสภาพของจางจึเทาอีกครั้ง เขี้ยวแหลมคม ขนสีดำหนา ทั้งหมดล้วนเป็นของสัตว์
สัตว์ประหลาดมากมาย ก็จะกลายร่างในวันขึ้น 15 ค่ำทั้งนั้น
จางจึเทาคนนี้ จะต้องฝึกวิชามารอะไรแน่ จึงทำให้ตัวเองไม่ได้เป็นทั้งคนและสัตว์
วันนี้ขึ้น 15 ค่ำ ทำให้เลือดในตัวของเขาเดือดพล่าน จนกลายร่างออกมาเป็นแบบนี้
ดังนั้นผมจึงถามต่อ “ นายฝึกวิชามารอะไร ”
“ ไม่ใช่วิชามาร เป็นวิชาเซียน ! วิชาเซียนที่สามารถทำให้ฉันเป็นอตมะ ” จางจึเทาพูดต่อ และเดินเข้ามาสองก้าว ในเวลาเดียวกันก็กางกรงเล็บออก
“ เป็นอมตะมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ แบบนี้นายก็ต้องไปฆ่าคนอื่นอีกนะ แล้วนายจะไม่รู้สึกผิดเหรอ ” ผมพูดต่อ ขณะเดียวกันในมืออีกข้างก็หยิบยันต์ได้หนึ่งแผ่น
แต่ใครจะไปรู้เสียงของผมพึ่งเงียบลง จากจึเทาก็พูดด้วยความโกรธ “ ฮึ ! รู้สึกผิดเหรอ นายจะไปเข้าใจอะไร นายมีร่างกายที่แข็งแรง ยังไงก็ต้องพูดแบบนี้ นายรู้ไหมว่าปีก่อนฉันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ฉันป่วย เป็นมะเร็ง และมันก็ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ”
“ สายตาของคนรอบข้างที่มองฉันเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนต่างปฏิเสธฉัน หลบหน้าฉัน แถมยังบอกให้ฉันไปตายเร็วๆ ! แม้แต่ญาติของฉันก็ยังไม่ยอมให้ฉันไปอยู่ด้วย ฉันอยากมีชีวิตอยู่ อยากมีชีวิตอยู่ นายเข้าใจไหม ”
คิดไม่ถึงว่าจู่ๆจางจึเทาก็โมโหขึ้นมา แล้วยังพูดเรื่องพวกนี้ออกมาอีก
ผมแสดงสีหน้าตกใจ แต่จากคำพูดของเขา ผมก็ได้รู้บางอย่าง
การที่จางจึเทากลายเป็นแบบนี้ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาป่วย
เพื่อที่จะมีชีวิตต่อ เขาเลยเลือกฝึกวิชามารแปลกๆ เพื่อยื้อชีวิตของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
แต่ผลข้างเคียงคือ ทำให้ตัวเองไม่ได้เป็นทั้งคนและสัตว์
แต่ปัญหาคือ เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะไปรู้เรื่องวิธีฝึกวิชามารที่ว่านี้มาจากไหนละ
หรือว่า เบื้องหลังของจางจึเทา จะมีหมอผีชั่วคอยบงการอยู่
เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่ม ผมจึงไม่รีบลงมือ ยังพูดกับเขาว่า “ ดังนั้นนายก็เลยเริ่มฝึกวิชานั้น ทำให้ตัวเองไม่เป็นทั้งคนและสัตว์ ”
“ ใช่ ! การมีชีวิตอยู่ดีกว่าอะไรทั้งนั้น ! แม้ว่าพอถึงวันพิเศษฉันจะต้องกลายร่าง แต่เวลาปกติ ฉันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ! ติงฝาน ฉันไม่อยากฆ่านาย ! แต่นายเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น ! แต่นายสบายใจได้ ตอนที่ฉันฆ่านายแล้ว ฉันจะให้เงินชดใช้กับครอบครัวของนายก้อนหนึ่ง ขอโทษด้วยนะ ! ”
หลังจากพูดจบ จางจึเทาก็ไม่คิดจะพูดไร้สาระกับผมอีก เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้ามาหาผมทันที
ผมกลับยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว “ ช้าก่อน ! ฉันยังมีคำถามอีกหนึ่งข้อ ”
จางจึเทากลับหยุดเคลื่อนไหว “คำถาม! คำถามอะไร ? ”
“ ฉันอยากรู้ว่า ใครเป็นคนสอนวิชานี้ให้กับนาย นอกจากนายแล้ว ยังมีคนที่ฝึกวิชาประหลาดๆนี้อีกไหม ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อจางจึเทาได้ยินผมถาม ปากของเขาก็อดยิ้มเย็นชาออกมาไม่ได้ “ ติงฝานนะติงฝาน นายจะตายอยู่แล้ว จะถามให้มันเยอะแยะไปทำไม ”
“ นายเองก็อย่าไปสนใจเลยว่าจะมันมีประโยชน์ไหม ฉันจะตายหรือไม่ อีกเดี๋ยวก็จะได้รู้กัน ! ” ผมแสดงสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่กลัวเขาเลยสักนิด
จางจึเทากลับเงียบไปพักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “ บนโลกใบนี้ นอกจากแสงสว่างจากพระอาทิตย์แล้ว ก็ต้องมีส่วนที่มืดอยู่ คนปราบวิญญาณร้ายก็ไม่ได้มีแค่นายคนเดียว และฉันเองก็ไม่ได้อ่อนแอ…… ”
เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นจางจึเทาก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
เท้าสองข้างวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยกกรงเล็บในมือขึ้น และคำราม “ โฮก ” ราวกับสัตว์ร้าย
สิ่งที่แปลกยิ่งว่านั้นคือ เขาไม่ใช่วิญญาณร้าย แต่ร่างกายกลับมีพลังหยินไหลออกมาเข้มข้นมาก
แม้ว่าในใจจะยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกมาก แต่ตอนนี้จะมัวยืนโง่อยู่ไม่ได้
เมื่อเห็นจางจึเทาพุ่งเข้ามา ผมก็ถอยหลบไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
จางจึเทาเห็นว่าโจมตีพลาด เขาจึงกวาดกรงเล็บตามแนวขวางไปข้างหน้าอีกครั้ง
แต่ไม่รอให้จางจึเทาโจมตีโดนผม ผมก็ขยับร่างกายของตัวเอง ใช้แรงทั้งหมดหลบการโจมตี
ในเวลาเดียวกันก็เคลื่อนพลัง ไปที่เท้าทั้งหมดและเตะออกไปทันที
ร่างกายของจางจึเทาสั่นไหว และล้มลงไปกับพื้นทันที
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ถือยันต์ออกมา วิ่งไปข้างหน้า เตรียมใช้ยันต์กำจัดจางจึเทา
แม้ว่าพวกเราจะเคยเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน แต่ทางที่เดินมันแตกต่างกัน และเป็นทางที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ดังนั้นตอนนี้ผมจึงไม่สามารถยั้งมือได้
หลังจากพลังของผมมาถึงขั้นนักพรต ตอนนี้นอกจากจะใช้ยันต์แปดทิศได้แล้ว ผมยังสามารถใช้ยันต์ดาวไถทำลายความชั่วได้อีกด้วย
และตอนนี้ ยันต์ที่ผมหยิบออกมาก็คือยันต์ดาวไถทำลายความชั่ว
ไม่ว่ามันจะเป็นวิญาณชั่วช้าจากไหน ถ้าถูกยันต์แผ่นนี้ของผมแปะลงไป พลังชั่วร้ายในร่างก็จะถูกทำลายทันที
จางจึเทาโกรธมากเขา รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันมาตะคอกใส่ผม “ ติงฝาน ! ”
เสียงดังบาดหู ถลึงตามองผมอย่างดุร้าย
หลังจากพูดจบ เข้าก็พุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตา พวกเราสองคนก็กลับมาสู้กันอีกครั้ง
จางจึเทายังกวาดกรงเล็บมาอีกครั้ง และก็เร็วมาก
แต่ผมจับการโจมตีของเขาได้แล้ว ผมหลบไปด้านข้าง กรงเล็บนั้นเฉียดเลยหน้าของผมไปนิดเดียว
แต่มือของผม กลับเข้าไปแปะยันต์ใส่เขาอย่างรวดเร็ว
“ แปะ ” ยันต์ดาวไถ แปะลงตรงกลาง หน้าของของจางจึเทา
ในเวลาเดียวกัน เท้าสองข้างของผม ก็ดันตัวให้ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว หนีให้ห่างจากเขา
ในเวลานี้มือสองข้างของผมเข้ามาใกล้กันอย่างรวดเร็ว และเริ่มเสกคาถาทันที
จางจึเทาโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาตะคอกใส่ผมอีกครั้ง “ ติงฝาน แกทำให้ฉันโกรธแล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ เขาก็คิดจะดึงยันต์ที่หน้าผากออก
แต่มันสายไปแล้ว เพราะมือของผมประสานกัน และพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา “ จะโทษก็โทษที่นายเลือกเดินทางผิดเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็พูดต่อ “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทำลาย ! ”