ศพ – ตอนที่ 134 พลังของมู่หลง

ตอนที่ 134 พลังของมู่หลง

ขณะมองผีผู้หญิงที่กำลังเข้ามาใกล้ทีละนิด ผมก็รู้สึกถึงไอเย็นที่แพร่ออกมาจากตัวของเธอตลอดเวลา

ประสาทสัมผัสของผมอ่อนล้าจนถึงขีดสุด ในใจรู้สึกกังวล

ชีวิตของทุกคน ต่างแขวนอยู่บนบ่าของผม

ถ้าเป็นอย่างที่มู่หลงเหยียนพูดเอาไว้ ว่าสามารถเรียกเธอได้จริงๆ

งั้นไม่ต้องพูดแล้วละ อย่าว่าแต่ผีผู้หญิงตนเดียวเลย ถึงแม้ว่าจะมากัน 10 ตน ผมก็คิดว่ามู่หลงเหยียนสามารถปกป้องพวกเราให้ปลอดภัยได้

แต่ถ้าเรียกแล้วไม่มา หรือมู่หลงเหยียนปรากฎตัวช้าไป งั้นก็คงต้องบอกลาพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้แล้ว

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาจารย์ไม่อยากให้ผมเข้ามาทำอาชีพนี้ การกำจัดสิ่งชั่วร้าย มันไม่ง่ายเหมือนกับที่จินตนาการเอาไว้จริงๆ ประมาทแค่เล็กน้อยก็ตายได้แล้ว และดูเหมือนว่ามันจะตายได้น่าอนาถชะมัด

แต่ตอนนี้ ผมไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงเดิมพันกับสิ่งนี้เท่านั้น

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะขับเคลื่อนพลังจากจุดตานเถียน ประสานมือไว้แน่น และตะโกนว่า

“ มู่หลงเหยียน ! ”

เสียงพึ่งหลุดออกมา จู่ๆผมก็รู้สึกร้อนที่ไฝดำตรงข้อมือนิดหน่อย

และความร้อนนี้ยังเกิดขึ้นเร็วมาก เกือบในทันทีที่ผมพูดจบ  มันก็ปรากฎขึ้นแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีฉากประหลาดๆเกิดขึ้นอีก

 

ขณะที่ความร้อนเกิดขึ้น ไฝดำที่ข้อมือซ้ายของผม ก็กลายเป็นภาพ “ เบลอๆ ” ขึ้นมาอย่างกระทันหัน

และตรงกลางไฝดำสองเม็ดนั้น ยังกลายเป็นสัญญาณหยินหยางภายในชั่วพริบตา ไฝดำกลายเป็นสัญลักษณ์

หยินหยางรูปปลาหมุนวนกัน

มันแปลกมาก และน่าอัศจรรย์มาก ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้

แต่ผีผู้หญิงที่อยู่ห่างออกไป กลับไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้

ยังคงหัวเราะอย่างน่าสยดสยอง “ ไม่พูดจาอวดดีแล้วเหรอฮะ ฮึคืนนี้จะเรียกชื่อใครมันก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ! ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจของผมก็กระวนกระวาย จึงจะโกนออกมาอีกครั้ง “ มู่หลงเหยียน มู่หลงเหยียน น้องศพเธออยู่ที่ไหน ”

ผมกระวนกระวาย แต่ผีผู้หญิงตนนั้น กลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป จู่ๆท่าทีของเธอก็ดูน่ากลัวมาก

เขี้ยวที่แหลมคมนั้น เผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

เธอคำราม “ โฮก ” ออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เล็งมาที่ผมและพุ่งเข้ามาทันที

เมื่อเห็นผีผู้หญิงพุ่งเข้ามา หัวใจของผมก็ล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

จบกัน ครั้งนี้มันจบเห่แล้วจริงๆ

ดูเหมือนมู่หลงเหยียนจะมาไม่ได้แล้ว ถึงแม้จะมา แต่ผมก็คงโดนยัยผีนี้กัดตายไปแล้ว

 

ขณะที่ผมกำลังสิ้นหวัง คิดว่าวันสิ้นสุดของชีวิตบนโลกนี้มาถึงแล้ว ทันใดนั้นรอบๆตัวผมก็มีลมหมุนเย็นๆปรากฎขึ้น

“ ฮูฮูฮู ” เสียงลมพัดไม่หยุด นอกจากนี้ ตรงหน้าของผมยังมีร่างของผีบางตนกำลังรวมตัวอยู่

สายลมอันเยือกเย็นพัดเข้ามาจากทุกสารทิศ ความเย็นที่มาสัมผัสโดนตัวนั้นเย็นจนเข้ากระดูก ราวกับลมหนาวของฤดูหนาว จนทำให้ในตาของผมสามารถมองเห็นได้ถึงน้ำค้างแข็ง……

ขณะที่ความหนาวเหน็บอันมหาศาลนี้พัดเข้ามา ทันใดนั้นเสียงหญิงสาวที่คุ้นเคยและทำให้คน “ เกลียด ” ก็ดังขึ้นในหูของผม

“ เจ้าห่วย นายจะเรียกฉันอีกทำไมฮะ ”

 

เสียงนุ่มนวล คมชัด และฟังดูฉลาด

ไม่ใช่แค่คุ้นหู แม้แต่ “ เจ้าห่วย ” สองคำนี้ ก็ยังเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ “ น่าฟัง ” ในเวลานี้

บนโลกใบนี้ มีเพียงคนเดียวที่เรียกผมแบบนั้น นั่นก็คือภรรยาผีสาวของผม มู่หลงเหยียน

สีหน้าของผมเปลี่ยนไป ผมเผยสีหน้าดีใจออกมาทันที

น้องศพมาแล้ว มู่หลงเหยียนมาแล้ว ตอนนี้มีคนมาช่วยแล้ว มีคนมาช่วยแล้ว

ในใจของผมกำลังพูดแบบนั้น ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

เพราะพลังหยินที่แข็งแกร่งจนน่าเกรงกลัว ผีผู้หญิงตนนั้นจึงมึนงงไปทันที

 

พลังหยินที่เล็กน้อยของเธอจะมาเทียบกับของมู่หลงเหยียนได้ยังไง มันแทบจะเหมือนมดตัวเล็กเจอกับมดตัวใหญ่ แสงไฟเจอกับแสงสุริยะหรือจันทร์ทรา

ถึงแม้ว่าจะเป็นผีผู้หญิงเหมือนกัน แต่ความแตกต่างของทั้งสองตนนั้น มันต่างกันหลายหมื่นเท่า

ดังนั้นเดิมทีที่ผีผู้หญิงพุ่งเข้ามาหาผม ในเวลานี้จึงหยุดลงในทันที

ตอนนี้เธอไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า เพราะอยู่ภายใต้แรงกดดันของพลังหยิน สีหน้าที่เคยสยดสยอง กลับเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว และยังก้าวไปข้างหลังอีกสองสามก้าว

ขณะที่เสียงของมู่หลงเหยียนดังขึ้น ร่างตรงหน้าก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

 

ผ่านไปไม่นาน ชุดกระโปรงสีขาวสะอาด รูปร่างสูงสง่า และผู้หญิงผมยาวคลุมไหล่ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของผม

แม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้าของเธอ แต่เพียงมองดูรูปร่างจากด้านหลัง

ผมก็มั่นใจทันทีว่าไม่ใช่คนอื่น เธอก็คือมู่หลงเหยียน

“ น้อง น้องศพ ! ” ผมพูดด้วยความตื่นเต้น

เสียงพึ่งเงียบลง ผู้หญิงชุดขาวก็หันมามองผม

ขณะที่มองเห็นใบหน้าที่งดงามของมู่หลงเหยียนอีกครั้ง ร่างกายของผมก็ตื่นเต้นสุดๆ

 

นี่คือครั้งแรกที่ผมมองมู่หลงเหยียนด้วยความคาดหวังขนาดนี้ แต่เมื่อมู่หลงเหยียนเห็นสายตาของผม เธอก็ขมวดคิ้วทันที “ เจ้าห่วย ! นายบาดเจ็บอีกแล้วเหรอ ”

ขณะที่พูด มู่หลงเหยียนก็รีบเข้ามาหาผม สำรวจบาดแผลของผมทันที

เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนทำแบบนั้น ผมก็รู้สึกอายนิดหน่อย “ เอ่อ เอ่อฉันไม่เป็นอะไร แค่ แค่แผลเล็กน้อย…… ”

เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยินคำพูดนี้ เธอก็ระเบิดความโกรธออกมาทันที “ แผลเล็กน้อย แผลใหญ่ขนาดนั้น นายยังบอกฉันว่าแผลเล็กน้อย ! ใคร ยัยผีนี่ใช่ไหมที่ทำนาย ”

หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็หันไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมู่หลงเหยียนหันไป รอบๆก็เกิดลมกระโชกแรงขึ้น ในตอนนี้จึงมีเสียง “ ฮู ” เปล่งออกมาอย่างรุนแรง

พลังหยินพวกนั้นพุ่งเข้าไปหาผีผู้หญิงนั้นทันที ความรู้กดดันที่แรงกล้ามหาศาล ราวกับมีสายฟ้า ที่ผ่าลงตรงกลางกระหม่อมของผีผู้หญิง

เมื่อเผชิญหน้ากับผม เฟิงเฉ่วหาน หรือคนอื่นๆผีผู้หญิงอาจจะดุร้ายบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้เมื่อได้เจอกับ

มู่หลงเหยียนผีผู้หญิงกลับรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากวาดกลัว วินาทีนั้นเธอก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว

“ บึก ” ขาทั้งสองข้างทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้น พร้อมกับตัวสั่นด้วยความกลัว

ผมเห็นมู่หลงเหยียนดุร้ายแบบนั้น จึงทำให้ผมตกใจ

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ามู่หลงเหยียนจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้

 

ผีผู้หญิงที่ดุร้ายขนาดนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าของเธอ ก็กลายเป็นลูกหมาลูกแมวเท่านั้น

มู่หลงเหยียนเห็นผีผู้หญิงคุกเข่าลง ทันใดนั้นเธอก็พูด ฮึ ออกมาอย่างเย็นชา “ ผีกระจอกๆแบบแก ก็ยังกล้าทำชั่วอีกเหรอ ฮึวันนี้ฉันจะกำจัดแกซะ ! ”

หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็กำลังจะลงมือ

แต่ในเวลานั้นเอง ผีผู้หญิงกลับหวาดกลัว “ พี่สาวไว้ชีวิตด้วย พี่สาวไว้ชีวิตด้วย ฉันยังต้องแก้แค้น ฉัน ฉันบริสุทธิ์ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพวกเขา……”

“ บริสุทธิ์ แก้แค้น ” มู่หลงเหยียนพูดอย่างเย็นชา

 

ผีผู้หญิงเงยหน้าขึ้นอย่างสั่นๆ พูดอย่างหวาดกลัว “ ฉัน ฉันไม่ ฉันไม่ได้ทำชั่ว ก็แค่ ก็แค่โดนคนขังเอาไว้ใต้บ่อน้ำไม่สามารถหนีออกมาได้ พวกเขา พวกเขาทำร้าย หลานของฉันก่อน ฉันถึงลงมือ ลงมือทำร้ายพวกเขา พี่สาวไว้ชีวิตด้วย ! พี่สาวไว้ชีวิตด้วย ! ”

ผีผู้หญิงพูดด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมก็นิ่งไปในทันที

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผีผู้หญิงทำร้ายพวกเรา เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกว่าตัวเองโดนขังไว้ที่นี่ แล้วยังบอกว่ามีแค้นที่ต้องชำระ ถ้านี่เป็นเรื่องจริง งั้นเบื้องหลังของผีผู้หญิงตนนี้ ก็ต้องมีเงื้อนงำอยู่แน่ๆ

ไม่รอให้มู่หลงเยียนได้พูดอีกครั้ง ผมก็ชิงพูดก่อน “ ทำไมเธอถึงถูกขังเอาไว้ใต้บ่อ แล้วเธอมีแค้นอะไร ”

 

ผีผู้หญิงถูกมู่หลงเหยียนทำให้หวาดกลัว จึงไม่มีทีท่าว่าจะต่อต้าน

เมื่อได้ยินผมถาม เธอก็ทำได้เพียงรีบตอบอย่างสั่นๆ “ ฉัน ฉันโดนขังเอาไว้ก้นบ่อมา 20 ปีแล้ว แต่ แต่พี่สาวของฉันจูจู กลับ กลับมีชีวิตได้ 20 ปีแล้ว มันไม่ยุติธรรม ฉันโกรธ ฉันเกลียด ฉันแค้น…… ”

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset