ตอนที่ 136 เรื่องหลังจากนั้น
จู่ๆมู่หลงเหยียนก็พูดแบบนั้นออกมา จึงทำให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับมึนงง
กลายเป็นวิญญาณฝึกวิชา และติดตามมู่หลงเหยียน แถมยังรับประกันว่าจะได้ไปเกิดใหม่ มู่หลงเหยียนนี่พูดจูงใจได้ดีจริงๆ
แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนฟังพวกเธอคุยกับอย่างเงียบๆ
สีหน้าของผีจูชิงกลับเปลี่ยนไปทันที “ พี่ พี่สาว ถ้า ถ้าทำ แบบนี้พวกเราจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ทั้งคู่เลยเหรอ ในอนาคตฉันยังสามารถไปเกิดใหม่ได้จริงๆเหรอ ”
มู่หลงเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ แน่นอน แต่พลังแค้นที่อยู่ในตัวเธอ ต้องถูกพลังของฉันกดไว้ ถ้าห่างจากฉัน เธอก็จะถูกพลังแค้นครอบงำอีก ขอแค่เธออยู่ข้างๆฉัน พี่สาวของเธอก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีความแค้นเหลืออยู่แล้ว เธอก็ค่อยตัดสินใจอีกที ! ”
ขณะที่มู่หลงเหยียนพูด เพราะความแค้นของผีจูชิงกำลังถูกกดไว้ ดังนั้นเธอจึงมีสติอย่างชัดเจน
หลังจากจูชิงเข้าใจความเกี่ยวข้องที่ฟังดูยอดเยี่ยมนี้แล้ว เธอก็ไม่ลังเล พูดกับมู่หลงเหยียนทันที “ ฉันไม่อยากกลายเป็นผีร้าย และไม่อยากฆ่าพี่ ! แล้วก็ไม่อยากถูกพลังแค้นครอบงำจิตใจ ! ได้โปรดพี่สาว พี่สาวรับฉันไว้ด้วย ช่วยฉันกำจัดพลังแค้น วันข้างหน้าฉันจะไปเกิดใหม่เป็นคนอีก…… ”
หลังจากพูดจบ จูชิงก็คำนับมู่หลงเหยียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ถึงจูชิงจะเป็นผีร้าย แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็ยังไม่เคยฆ่าคน แค่เพิ่งถูกปล่อยออกมาเท่านั้น
ดังนั้น พวกเราจึงสามารถช่วยเธอได้อยู่
เพราะเหตุนี้ ผมจึงพูดกับมู่หลงเหยียนว่า “ น้องศพ เขาตกลงแล้ว เธอก็ช่วยเขาเถอะ ! ”
มู่หลังเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ เธอลุกขึ้นก่อนเถอะ ! ”
เมื่อจูชิงได้ยินมู่หลงเหยียนพูด เธอก็ค่อยๆลุกขึ้น
แต่จูชิงเพิ่งลุกขึ้น มู่หลงเหยียนกลับยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ ปัง ” เสียงฝ่ามือที่กระทบลงตรงหน้าอกของจูชิง ฉากนี้เกิดขึ้นเร็วมาก จูชิงเองก็ยังไม่ทันตั้งตัว เจ้าตัวยังไม่ทันได้ร้องออกมา ก็ถูกฝ่ามือฟาดล้มลงไปกับพื้นแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น จูชิงยังเหมือนคนทั่วไป เธอสลบไปในทันที นอนอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อนอีก
เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมก็มีเสียงดัง “กึก”
มู่หลงเหยียนทำอะไร ในใจของผมกำลังสงสัยและไม่เข้าใจอย่างมาก “ น้องศพ เธอไปทำร้ายเขาทำไม ”
เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยิน ก็กลอกตาใส่ผม “ ปัญญาอ่อน ถ้าฉันไม่ทำให้เธอสลบก่อน แล้วอีกเดี๋ยวฉันออกไป พลังแค้นของเธอโผล่ออกมา เธอก็พุ่งเข้ามากัดคอนายอีกน่ะซิ ! ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จึงถามว่า “ ไป เธอจะไปไหน เธอจะไม่อยู่กับฉันเหรอ ”
ผลลัพธ์มู่หลงเหยียนไม่มัวพูดไร้สาระกับผม เธอด่าผมทันที “ ปัญญาอ่อน ” จากนั้นก็พูดว่า “อย่าทำให้จูชิงตื่น นำเถ้ากระดูกและวิญญาณของเธอกลับมาหาฉันด้วยละ ! ”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เธอทำมือเป็นรูปดาบ
จากนั้นก็พูดว่า “ คลาย ! ”
เสียงพึ่งจางหาย ลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามา
ทันใดนั้นร่างของมู่หลงเหยียน ที่อยู่ตรงหน้าของผมก็กลายเป็นภาพเบลอๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหมอกขาว ปลิวหายไปตามสายลม กระจายตัวไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ขณะที่มู่หลงเหยียนหายไป รอบๆก็กลับมาสงบดังเดิม
เมื่อผมเห็นว่ามู่หลงเหยียนหายไปแล้ว และสัญลักษณ์หยินหยางบนข้อมือก็หายไป ผมจึงเข้าใจทันที
ดูเหมือนความเข้าใจก่อนหน้านี้ของผมจะผิดพลาดไปเล็กน้อย สิ่งที่ผมเรียกออกมา ไม่ใช่ร่างจริงของมู่หลงเหยียน แต่เป็นเพียงดวงจิตของเธอเท่านั้น
เธอมาจากช่องทางพิเศษ โดยอาศัยไฝดำที่อยู่บนข้อมือของผม จึงสามารถปรากฎตัวตรงหน้าของผมได้ในเวลาอันสั้น
แต่เมื่อหมดเวลา มู่หลงเหยียนก็จะหายไป
หลังจากนั้นผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำจิตใจให้สงบ
มองไปรอบๆ เห็นหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานกำลังสลบอยู่ ผีผู้หญิงก็ไม่ก่อเรื่องอีก ส่วนเจ้าเด็กนั้นก็ถูกตาข่ายรัดเอาไว้ ตอนนี้ดิ้นทุรนทุรายอย่างกับปลากำลังจะตาย พลังชั่วร้ายก็ถูกกำจัดไปจำนวนมากแล้ว
ความลับเรื่องมู่หลงเหยียนจะเปิดเผยออกมาไม่ได้ ดังนั้นผมต้องคิดว่าจะอธิบายยังไง แต่ก่อนอื่นต้องไปที่ก้นบ่อ ขุดโกศของผีผู้หญิงออกมาก่อน
หลังจากนั้น ผมก็ไปปลุกหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานให้ได้สติ
ทั้งสองคนเพิ่งได้สติ ก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที
ถามว่าผีผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง พวกเรายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม
ผมกลับยิ้มให้อย่างใจเย็น ชี้ไปที่ผีผู้หญิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
เมื่อทั้งสองคนเห็นผีผู้หญิงสลบอยู่ที่พื้น ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบถามผมต่อทันทีว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดความจริง เพียงสร้างเรื่องโกหกมาเรื่องหนึ่ง
บอกว่าก่อนหน้านี้ผมถูกผีผู้หญิงโจมตีใส่จนตัวกลิ้งลงไปในบ่อน้ำ และในบ่อน้ำนั้นก็มีเถ้ากระดูกของเธออยู่
ผมจึงใช้เถ้ากระดูกของเธอ เสกคาถาลงไปสองสามคาถา ถึงระงับพลังวิญญาณของเธอเอาไว้ได้
หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานเองก็ไม่ได้สงสัย ต่างก็รู้สึกโล่งใจที่ตัวเองยังมีชีวิตรอด จึงรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่โชคดีมาก
แต่ผมก็ยังบอกว่าหลังจากปราบผีผู้หญิงเรียบร้อย ก็ได้ยินเรื่องราวชีวิตของเธอ
เมื่อหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานฟังจบ ก็เงียบกันไปพักหนึ่ง
ผีผู้หญิงตนนี้เหมือนกับเด็กคนนั้น ต่างมีชีวิตที่น่าสงสาร
ดังนั้นผมจึงหาข้ออ้าง บอกว่าผมรับปากวิญญาณของจูชิงเอาไว้แล้ว ว่าจะพาเธอกลับไปช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณให้เป็นอิสระ
ให้ได้รับความยุติธรรม อาชีพของพวกเรา นี่ถือเป็นเรื่องปกติมากๆ
ทั้งสองคนพยักหน้า บอกว่านี่เป็นเรื่องที่สมควรทำ
ในเมื่อผีผู้หญิงไม่ได้เป็นผีชั่วร้ายอะไร และการตายของเธอ ยังเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวของจูจู
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทั้งสองคนจึงเห็นด้วยกับการกระทำของผม
หลังจากนั้นเฟิงเฉ่วหานนำของสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “ ถุงเฉียนคุน ”(เป็นหนึ่งในมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งบรรพกาลทั้งสิบ ภายในถุงมีมิติพิศวง ใช้เก็บสิ่งของต่างๆได้อย่างมากมาย) ออกมาจากกระเป๋า เขาใช้มันเก็บวิญญาณของผีผู้หญิง
เรื่องของผีผู้หญิงก็ถือเป็นอันจบไป หลังจากที่เธอถูกเก็บเอาไว้ในถึงเฉียนคุน เขาก็ใช้ยันต์ปิดผนึกไว้
ส่วนเด็กคนนั้น ยังต้องส่งวิญญาณก่อน
ผีเด็กไม่เหมือนกับผีผู้หญิง เป็นเพียงแค่เด็กทารกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น
ตอนนี้ถูกตาข่ายดำรัดเอาไว้ พลังชั่วที่อยู่ในร่างกายก็ถูกขจัดไปจำนวนมากแล้ว
ขอแค่พวกเราสามคนออกแรงอีกนิดหน่อย ก็จะสามารถทำให้ทารกฟื้นคืนสติได้แล้ว
และเมื่อถึงเวลานั้น ค่อยทำพิธีส่งวิญญาณ ส่งผีทารกตนนี้จากไป ก็จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าทำแบบนี้ พวกเราไม่เพียงไม่ต้องฆ่าเด็ก กลับกันยังสร้างทางเดินให้ผีทารกอีกเส้น สร้างโอกาสให้เขาได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อเป็นแบบนี้ ตัวเองก็จะได้สะสมบุญจำนวนมาก
เวลายังไม่ดึกมาก พวกเราสามคนจึงพักผ่อนกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มตั้งโต๊ะทำพิธีที่สวนหย่อม
โต๊ะอันนั้นก็คือโต๊ะที่ยกมาจากในบ้าน จุดเทียน เผาเงินกระดาษ และเริ่มทำพิธี
พวกเราใช้ยันต์สะกดแปะที่ผีทารกก่อน แล้วสุดท้ายก็เริ่มท่องคาถา
เพราะพลังชั่วร้ายในร่างของเขาหายไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงทำให้ผีเด็กคืนสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
และพิธีส่งวิญญาณก็ทำได้ไม่ยาก หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง พวกเราก็ทำพิธีเสร็จ
ตอนนี้ผีเด็กได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวที่เคยใหญ่กว่าเด็กทั่วไปถึงสองเท่า ตอนนี้ได้กลับมาเป็นปกติแล้ว
ปากที่ขยายใหญ่ไปถึงติ่งหูและฟันที่แหลมคม ก็ได้กลายเป็นของเด็กปกติแล้ว
ตอนนี้สภาพของเด็ก ดูเหมือนเด็กปกติที่มีอายุสองสามขวบ
นอกจากสีหน้าที่ซีดขาวมากๆนั้นแล้ว ดวงตาก็มีนัยน์ตาปรากฎขึ้นมา
ตอนนี้เขายืนนิ่งเงียบอยู่หน้าโต๊ะบูชา เงยหน้ามองพวกเราสามคนโดยไม่กระพริบตา
ดูเหมือนผีทารกจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ในใจของผมจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น
ผมเดินมาตรงหน้าของผีทารกช้าๆ ในเวลาเดียวกันก็ย่อตัวลง ในมือลูบหัวเขาเบาๆ “ เจ้าตัวน้อย สิ่งที่คุณลุงคุณป้าจะทำได้ ก็มีแต่เรื่องพวกนี้ หลังจากกลับไป คุณลุงคุณป้าจะเผากระดาษไปให้เธอ เธอก็เดินทางอย่างสบายใจเถอะ ! ”
ผีทารกตนนั้นพยักหน้าให้ผมเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับผมด้วยเสียงที่ไร้เดียงสา “ ขอบคุณคุณลุงมากครับ หลังจากผมไปแล้ว บอกแม่ให้ผมหน่อยนะครับ ว่าชั่วชีวิตนี้ ผมไม่อยากเป็นลูกของเธออีกแล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ ผีทารกก็ยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มหวานที่น่ารักมากๆ
จากนั้น เขาก็หมุนตัวเดินเข้าไปในความมืด
แต่เดินไปได้แค่ 2 ก้าว ลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามา ร่างของเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเราทันที……