ตอนที่ 145 ซากศพแปลกประหลาด
เมื่อเห็นการกระทำของอีกฝ่าย วินาทีต่อมาพวกเราสามคนก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ
และชิ้นส่วนมือคนชิ้นนั้น ก็กลายเป็นรูปร่างเว้าโค้ง ตกลงมาตรงหน้าของพวกเราสามคนทันที
ระหว่างนั้นหน้าของผมก็ถอดสี
ผมจ้องมือที่ตกอยู่บนพื้น แม้ว่าจะเป็นแค่ชิ้นส่วน แต่ด้วยรูปร่างที่เรียวยาว จึงทำให้ผมมั่นใจว่านี่จะต้องเป็นของผู้หญิงอย่างแน่นอน
ส่วนเป็นของเสี่ยวม่านจริงไหม ตอนนี้ผมยังไม่อาจพูดได้ แต่คำพูดของเจ้าศพเดินได้คนนี้ กลับทำให้ในใจของผมมีปมปรากฎขึ้น
ถ้าไม่ใช่คงดีที่สุด แต่ถ้านี่เป็นมือของเสี่ยวม่านจริงๆ งั้นตอนนี้เสี่ยวม่านไม่ถูกฆ่าตายไปแล้วเหรอ
ตอนนี้สีหน้าของผมเคร่งครึมสุดๆ ในปากกัดฟันอย่างแรง “ เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ ”
ศพยังคงหัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” “ คืนมือของเสี่ยวม่านให้แกไง ตอนนี้ฉันหิวแล้ว รีบเข้ามาให้ฉันกินหน่อยซิ ! ”
หลังจากพูดจบ ดวงตาของศพก็เบิกกว้าง เดินเขย่าเท้าเข้ามาหาพวกเราสามคนทันที
ปากที่ไม่ได้มีอะไรปิดเอาไว้ ตอนนี้มันได้เผยให้เห็นคมเขี้ยว พร้อมกับส่งเสียง “ จี๊ดจี๊ดจี๊ด ” ออกมาอย่างแปลกประหลาด
ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มั่นใจว่าเสี่ยวม่านปลอดภัยไหม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของศพ ก็เห็นได้ชัดว่าผมกำลังกระวนกระวายมาก
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเข้ามาหาพวกเรา แถมยังพูดว่าจะกินพวกเรา ในใจของทุกคนก็โมโหขึ้นมาทันที
ผมจับดาบไม้ในมือให้แน่น ตะโกนออกไปทันที “ ไอ้สารเลว ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ถือดาบไม้เข้าไปโจมตีทันที
หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหาน ไม่ได้รอช้า รีบเข้ามาโจมตีเช่นกัน
แต่เจ้าศพนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะโต้กลับ เขายังคงจ้องพวกเรา เดินเข้ามาเรื่อยๆ และพูดว่า กิน ฉันจะกิน พูดแบบนี้
ตอนที่เข้าใกล้ชายคนนั้น ผมก็ฟาดฟันดาบเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับด่าเขาทันที “ ไปกินแม่…ซิ ! ”
แต่เจ้านั้นกลับไม่หลบ เขายกมือขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
แต่การเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก ไม่มีทางต้านทานดาบในมือเขาผมได้ทัน
ทันใดนั้นเสียง “ บึก ” ก็ดังขึ้น ดาบไม้ในมือของผมฟันโดนหัวของอีกฝ่ายทันที
ตอนนี้ดาบไม้เต็มไปด้วยพลัง ไม่เพียงปราบพลังชั่วร้ายในศพได้ มันยังคมมาก
เมื่อดาบฟันลงไป ก็ทะลุเข้าไปในหัวของศพทันที
จากนั้น พวกเราก็เห็นไอสีดำไหลทะลักออกมาจากหัวของศพ
นั้นก็คือพลังหยิน ที่กำลังไหลออกมาจากร่างผ่านรอยแผลของหัว
แต่ผมไม่ได้สนใจ ดึงดาบกลับมา และเตรียมฟันลงไปเป็นครั้งที่สอง
เพราะผมคิดว่า ในศพนี้ อาจมีวิญญาณชั่วร้ายสิงอยู่
หลังจากศพนั้นถูกผมฟันหัว ทำลายพลังหยิน วิญญาณผีร้ายที่สิงอยู่ในศพ ก็น่าจะออกมาปรากฏตัว !
นอกจากที่ผมคิดแบบนี้ เฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วเองก็คิดเช่นเดียวกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ตามมา กลับทำให้พวกเราสามคนประหลาดใจ
ขณะที่หัวของศพถูกฟัน และมีไอดำไหลออกมา “ บึก ” ร่างกายของเขาก็ล่วงลงไปกับพื้น ไม่มีวิญญาณชั่วร้ายออกมาจากร่างของเขาสักตน
ไม่ใช่แค่นี้ เรื่องที่แปลกยิ่งไปกว่านั้นยังตามมาติดๆ
ในเวลานี้ศพ ได้แห้งเหี่ยวภายในชั่วพริบตา กลายเป็นศพที่มีสภาพเหมือนตายมาแล้วร้อยปีพันปี มันแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว
ใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที ใบหน้าที่เคยมีเลือดเนื้อ ตอนนี้กลับกลายเป็นศพผิวเข้ม
กล้ามเนื้อที่เคยนูนขึ้นมา ในเวลานี้ก็ได้แห้งหายไปหมดเกลี้ยง
มองจากภายนอก ตอนนี้มันดูเหมือนศพที่มีอายุหลายร้อยหลายพันปี ที่ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด
เมื่อเห็นฉากนี้ พวกเราสามคนก็รู้สึกขนหัวตั้ง
และภาพแรกที่แวบเข้ามาในสมองก็คือสภาพศพของเจ้าเดรัจฉานที่มหาวิทยาลัยศิลปะชิงชาน
อาจารย์โจวเจี่ยน
ตอนนั้นก่อนที่เขาจะตาย จู่ๆตาผีก็ปรากฎขึ้นมา จากนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นร่างกายก็แห้งเหี่ยว จนศพกลายเป็นเหมือนมัมมี่
ตอนนี้ศพตรงหน้า ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้นะ แต่กลับไม่เห็นตาผีปรากฎออกมานิ
หรือศพนี้ ก็มีเครื่องหมายตาผีขององค์กรลับซ่อนอยู่
พวกเราสามคนจ้องศพที่เปลี่ยนเป็นมัมมี่ และต่างก็เงียบกันไปสักพัก
ในใจมีคำถามอยู่ข้อหนึ่ง ชายคนนี้จะต้องเป็นศพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทำไมไม่เห็นวิญญาณของเขาอยู่ใกล้ๆ แล้วยังขยับได้ พูดได้ด้วย
ตอนนี้ไม่อาจหาคำตอบได้ ทำได้เพียงเก็บเรื่องที่สงสัยเอาไว้ในใจ
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดกับเฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วว่า “ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรลับนั้น ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี ! ”
ไม่ต้องให้ผมบอก ทั้งสองคนก็เห็นถึงความผิดปกติ
พวกเรามองไปรอบๆ นอกจากพลังหยินอันแข็งแกร่งที่อยู่ด้านหน้าแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของพลังจากที่อื่นอีก
ดังนั้นพวกเราสามคนจึงเดินต่อไปข้างหน้า ส่วนเรื่องศพมัมมี่นั้น พวกเราก็ไม่ได้สนใจมันอีก
ตอนนี้พวกเราสามคนระแวดระวังยิ่งกว่าเดิม ถ้าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรตาผีจริงๆ มันจะต้องไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่
หลังจากเดินมาได้ประมาณ 100 เมตร เลี้ยวไปตามทางโค้ง พวกเราก็เดินต่อไปอีก 100 เมตร
ตอนนี้ พวกเราน่าจะมาถึงจัตุรัสใจกลางเมืองแล้ว
และที่นี่ ก็เป็นสถานที่ที่มีพลังหยินเข้มข้นที่สุด
ไม่ใช่แค่นี้ พวกเรายังทำตัวลับๆล่อๆ เหมือนจะเห็นใครบางคนอยู่ข้างหน้า และตอนนี้เขาคนนั้นก็กำลังเดินไปรอบๆ
ถ้าพูดให้ชัดเจนกว่านี้ นั้นอาจเป็นผีตนหนึ่ง
ดึกดื่นขนาดนี้ ที่นี่นอกจากพวกเราสามคนแล้ว จะมีใครมาเดินไปเดินมาแถวจัตุรัสใจกลางเมืองได้ละ
พวกเราไม่กล้าประมาท ต่างลดน้ำหนักของฝีเท้าลง ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ และเริ่มย่องเข้าไปที่จัตุรัสกลางเมืองอย่างช้าๆ
เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว การเคลื่อนไหวของพวกเราจึงช้ามาก แม้แต่การหายใจของตัวเอง ก็ยังทำให้มันเบาที่สุด
ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็เข้ามาใกล้จัตุรัสกลางเมืองแล้ว
จัตุรัสกลางเมืองไม่ใหญ่มาก มีขนาดประมาณสนามฟุตบอลสองแห่งต่อกัน แต่ด้านในกลับมีหญ้าขึ้นไม่มากนัก จึงสามารถมองเห็นสถานการณ์ของจัตุรัสกลางเมือง ได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้พวกเรากำลังซ่อนตัวอยู่ในก่อหญ้าใกล้ๆจัตุรัส มองดูทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในจัตุรัสอย่างเงียบๆ
เมื่อมองไปรอบๆ ผมก็เห็นว่าคนใส่ชุดสีขาว 3 คนกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในจัตุรัส
คนหนึ่งเป็นชายแก่ อีกคนหนึ่งคือผู้หญิงวัยกลางคน และสุดท้ายคือเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 6-7 ขวบ
แต่เมื่อดูจากพลังหยินที่อยู่ในร่างของพวกเขา เท้าลอยจากพื้น ไม่มีพลังหยางหลงเหลืออยู่ ผมก็มั่นใจทันทีว่านั้นจะต้องเป็นผี
ช่วงเวลานี้พวกเราไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า จึงทำได้แต่สังเกตการกระทำของผี 3 ตนนั้นอย่างละเอียด
ผีสามตนนั้นนอกจากจะปลดปล่อยพลังหยินที่เข้มข้นออกมาจากร่างกายแล้ว ยังมีพลังชั่วร้ายปนอยู่ในร่างกายจำนวนมาก
เห็นได้ชัดว่า ผีทั้งสามตนนี้ไม่ใช่ผีเร่ร่อนธรรมดา แต่เป็นวิญญาณร้าย 3 ตน
“ เหล่าติง เจ้าผีสามตนนี้เป็นผีร้าย ! เพื่อนของนายอาจไปทำให้พวกมันโกรธ ! ” เฟิงเฉ่วหานพูดเบาๆ
ผมพยักหน้าเล็กน้อย เห็นด้วยว่าอาจเป็นแบบนั้น
“ ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราคิดวิธีจัดการพวกมันก่อน ถึงเวลานั้นแล้วค่อยถามให้รู้เรื่อง ! ” หยางเฉ่วพูด
แต่ใครจะรู้เสียงของหยางเฉ่วพึ่งเงียบลง ยังไม่รอให้ผมได้ตอบกลับ จู่ๆผีผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่กลางจัตุรัสก็พูดกับผีคนแก่ว่า “ พ่อ มีนักพัฒนาคนอื่นคิดจะมาทำลายบ้านของพวกเราอีกแล้ว ! ”
เสียงนี้ไม่ดังมาก แต่กลับก้องไปทั่วจัตุรัส พวกเราสามคนจึงได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมก็อึ้งไปในทันที นักพัฒนา ทำลายบ้าน ทำอะไร
ผมหันไปมองตาสัญชาตญาณ ผลลัพธ์เมื่อหันไป กลับพบว่าผีร้ายสามตัวที่ลอยวนไปวนมาเมื่อก่อนหน้านี้ ได้หยุดอยู่กับที่แล้ว
ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ใจกลางจัตุรัส จ้องมาที่ตำแหน่งที่พวกเราซ่อนอยู่อย่างไม่ละสายตา
ไม่ใช่แค่นี้ ขณะที่เสียงของผีผู้หญิงวัยกลางคนเงียบลง ผีตาแก่ตนนั้นก็พูด ฮึ ออกมา จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ คิดจะมาทำลายบ้านของข้าเหรอ อย่างหวัง ไอ้พวกนักพัฒนาน่ารังเกลียด อีกเดี๋ยวฉันจะฉีกพวกแกทั้งหมดเป็นชิ้นๆเอง…… ”