ตอนที่ 178 เจอกุ่ยซานหยวนอีกครั้ง
พวกเราเพิ่งเดินออกมา ทันใดนั้นชายแก่ชุดคนตายกลับพูดออกมาแบบนั้น พวกเราที่ได้ยินก็แปลกใจทันที
ในใจของผมมีเสียงดัง “ กึก ” จากกันที่ป่าช้าเก่างั้นเหรอ
ป่าช้าเก่าคือสถานที่อะไรกันละ มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่อารองของคุณหนูเหวินไปหาผีชั่วที่เป็นฆาตกรหรอกเหรอ
ตอนนั้นกุ่ยซานหยวน หรือนักพรตกุ่ยก็ซ่อนตัวอยู่ในวัดร้างที่เป็นรังผี
แต่เรื่องนี้นอกจากพวกเราแล้ว ก็มีเพียงท่านผู้อาวุโสหวางและท่านนักพรตโปที่กลับไปตำบลหวงหลงที่รู้
แต่ทั้งสองคนนี้ไม่อยู่ นอกจากสองคนนี้แล้ว งั้นก็มีเพียงคนเดียวที่รู้ นั้นก็คือกุ่ยซานหยวนที่มีสมญานามว่าปรมาจารย์ผี
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ตกใจในใจ ในเวลาเดียวกันก็จ้องชายแก่ชุดคนตายอย่างไม่ละสายตา
เห็นเพียงเขาใส่ชุดคนตาย จ้องพวกเราด้วยรอยยิ้ม ในมือกำลังถือท่อนเหล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือด
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะแตกต่าง แต่ลักษณะเด่นในการใส่ชุดคนตายของเขา กลับเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
ยังไม่รอให้ผมได้พูด ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋ก็พูดด้วยความตกใจ “ แก แกคือกุ่ยซานหยวน วิชาควบคุมแมลงพิษนี่ก็เป็นแกที่เป็นคนสอนงั้นเหรอ…… ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ชายแก่คนนั้นกลับหัวเราะ “ ฮ่าฮ่า ” “ ดูเหมือนพวกเจ้าจะจำข้าได้แล้ว ! ข้าเป็นตัวแทนระดับภาคของสำนักเชิ่ง เลี้ยงแมลง ฟื้นคืนอำนาจให้สำนัก แต่มันก็แปลกนะ พวกเจ้ากลับเข้ามาทำลายเรื่องดีๆของข้าติดกัน จะให้ข้าพูดอะไรดีละ ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมรับ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า เป็นเจ้าชั่วนั้นอย่างที่คิด
แล้วเจ้า “ ตัวแทนระดับภาค ” นี่ก็ช่างหน้าปวดหัวจริงๆ
แต่ชายคนนี้ไม่ใช่ทั้งคนและผี สามารถเข้าสิงศพได้ เรื่องที่เขาลงมือทำ จะต้องไม่ใช่เรื่องดีๆอย่างแน่นอน
ร่างกายของเขาในตอนนี้ จะต้องเป็นศพของใครบางคนแน่
ไม่น่าแปลกใจที่สามารถซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้ และยังใส่ชุดคนตาย เขาจะต้องทำเพื่อหลบแสงอาทิตย์ ฝึกวิชามาร และยังชักใยผู้ใหญ่บ้าน ให้กลายเป็นคนโหดเหี้ยม
ตอนนี้พวกเรามั่นใจตัวตนของอีกฝ่าย และออกมาเจอเขาแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องพูดจาดีๆกับเขาอีก
ไม่รอให้ท่านนักพรตตู๋ได้พูด ทันใดนั้นผมก็ตอบกลับไปทันที “ ดีชั่วต่างกัน ยังต้องคุยอะไรกันอีก ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ยกดาบไม้ขึ้น และชี้ไปทางหมอผีทันที
เฟิงเฉ่วหานเห็นผมทำแบบนั้น จึงพูด ฮึ ออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกดาบไม้หันไปทางกุ่ยซานหยวน
แต่กุ่ยซานหยวนกลับหัวเราะเสียงดัง “ ดีชั่วต่างกัน งั้นร่างกายของข้า ที่อยู่กับมันมาครึ่งปีนี้ วันนี้ก็คงได้เวลาเปลี่ยนใหม่สักที ในเมื่อพวกเจ้ามาแล้ว ทั้งแค้นเก่าแค้นใหม่ก็ชำระมาพร้อมๆกันเลยก็แล้วกัน…… ”
หลังจากพูดจบ กุ่ยซานหยวนก็ใช้เท้าทั้งสองข้าง กระโดดลงมาจากปากถ้ำ
ราวกับตัวของเขาเบามาก ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ร่อนลงไปอยู่ในลำธาร
กวัดแกว่งท่อนเหล็กในมือ พร้อมกับสีหน้าที่เย็นชา “ พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลย ! ไม่งั้นถ้าฆ่าทีละคนมันจะเสียเวลาฉันเปล่าๆ…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อารมณ์เสียมาก
แต่การจากลากันที่ป่าช้าเก่า ทำให้ผมรู้ดีว่ากุ่ยซานหยวนไม่ใช่ผีหรือปีศาจที่จะเข้าไปสู้ด้วยได้ง่ายๆ
พลังของเขาสูงมาก และตัวเขายังฝึกวิชามารที่ทรงพลัง เก่งเรื่องวิชามาร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะล้มได้ง่ายๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใต้สำนึกก็บอกให้ผมมองไปที่ไฝดำบนข้อมือ
คิดว่าจะใช้ไพ่ไม้ตายเลยดีไหม เรียกมู่หลงเหยียนออกมา ให้ยัยนั้นจัดการเขา
แต่ความคิดนี้เพิ่งโผล่ออกมา ผมกลับลบมันออกจากสมองทันที
ผมคิดว่า ในเมื่อตัวเองเลือกเดินบนทางเส้นนี้แล้ว ก็ต้องเดินให้ได้ด้วยตัวเอง
อีกอย่างผมยังหวังให้ตัวเองสามารถพัฒนาพลังและขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น ถ้าให้มู่หลงเหยียนออกโรงทุกเรื่อง ในอนาคตผมจะช่วยมู่หลงเหยียนแก้แค้นได้ยังไง จะต่อสู้กับองค์กรลับได้ยังไง และจะกำจัดอำนาจที่ทรงพลังขององค์กรตาผีให้สิ้นซากได้ยังไง
ทำยังไงถึงจะหาทางยุติการแต่งงานได้ และคืนอิสระให้พวกเราสองคน
ดังนั้น การเรียกน้องศพออกมา
จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของผม เป็นสิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำเท่านั้น จะใช้ง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด
ต้องทำแบบนี้เท่านั้น ผมถึงจะขัดเกลาตัวเอง ทำให้ตัวเองเติบโตสามารถต่อสู้และฝ่าฟันอันตรายไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากตัดสินใจเสร็จ ผมก็เพิ่มระดับความระมัดระวัง เตรียมพร้อมกับศึกที่กำลังจะมาถึง
แต่ในเวลานี้ท่านนักพรตตู๋กลับพูด ฮึ ออกมา “ กุ่ยซานหยวน อย่าอวดดีเกินไปนัก ”
“ อวดดีงั้นเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าร่อนเร่พเนจรมาหลายสิบปี ยังมีอะไรที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน แค่พลังของพวกเจ้าสามคนรวมกัน ก็คิดว่าจะฆ่าข้าได้แล้วเหรอ น่าขัน…… ”
เมื่อพูดถึงสองคำสุดท้าย น้ำเสียงของกุ่ยซานหยวนก็ลดต่ำลงทันที
แต่เฟิงเฉ่วหานที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเรากลับพูดออกมาอย่างเย็นชา “ อาจารย์ อย่าไปพูดจาไร้สาระกับมันเลย ลงมือกันเลยเถอะ ! ”
ท่านนักพรตตู๋มองเฟิงเฉ่วหานแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันมามองผม
เมื่อเห็นแววตาของผมสองเปี่ยมไปด้วยไฟ เขาก็ไม่ลังเล ยกดาบไม้ในมือขึ้นแล้วพูดว่า “ คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าแทนสวรรค์ ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็ขยับเท้า วิ่งเข้าไปโจมตีเป็นคนแรก
อย่ามองว่าท่านนักพรตตู๋เป็นตาแก่อายุ 50 ปกติทำตัวเหมือนชายชราคนหนึ่ง
แต่พลังของเขาสูงกว่าอาจารย์ของผมและเหล่าฉินหลายเท่า เวลาต่อสู้ เขาก็ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนหนุ่มอย่างพวกเรา ฝีมือก็ยังร้ายกาจ
เมื่อเห็นท่านนักพรตตู๋ขยับตัว ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ไม่รอช้า รีบตามเข้าไปโจมตีเช่นกัน
กุ่ยซานหยวนเห็นพวกเราสามคนลงมือ มุมปากของเขาจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขายกท่อนเหล็กในมือขึ้น จากนั้นวิ่งเข้ามารับการโจมตีของพวกเราทันที
เขาเร็วสุดๆ เหมือนกับเงาสีดำที่หายวับไปกับตา
หลังจากนั้นเสียงอาวุธปะทะกันก็ดังขึ้นหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นกุ่ยซานหยวนก็กระโดดขึ้น แทงท่อนเหล็กในมือลงมาด้านล่าง
ท่านนักพรตตู๋ขมวดคิ้ว เขาตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็เข้าไปรับการโจมตีไว้ทันที
“ ปัง ” เสียงอาวุธกระทบกัน พลังของท่านนักพรตตู๋อยู่ในระดับเต้าจวินแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับต้านทานเอาไว้ไม่ได้
ภายใต้พลังอันมหาศาล เท้าของเขาทรุดลง “ บึก ” ตัวของเขาคุกเข่าลงกับพื้นทันที
สีหน้าของผมและเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ด้านหลังเปลี่ยนไป พวกเรารีบเข้าไปช่วย ผมเข้าไปแทงอย่างรวดเร็ว “ ไอ้ชั่วตายซะ ! ”
ขณะที่พูด ผมก็แทงเข้าไป
เฟิงเฉ่วหานเองก็ตะโกนออกมา และเข้าไปแทงเช่นกัน
นักพรตกุ่ยร่อนเร่พเนจรจนได้ฉายาว่าเป็นปรมาจารย์ผี แม้เขาจะร้ายกาจ
แต่ในร่างนี้ กลับไม่ใช่ร่างจริงของเขา เป็นเพียง “ ภาชนะ ” ที่เขาเข้าสิงเท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างคือ กุ่ยซานหยวนไม่สามารถใช้พลังได้ร้อยเปอร์เซ็น
ดังนั้น ในเวลานี้เขาเองก็ไม่กล้าประมาท เมื่อเห็นผมและเฟิงเฉ่วหานแทงมีดไม้เข้ามา เขาก็รีบดึงท่อนเหล็กกลับ และหลบอย่างรวดเร็วทันที
ท่านนักพรตตู๋รีบคว้าโอกาส แล้วแทงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
แต่กุ่ยซานหยวนเร็วมาก เขาสามารถหลบการโจตีได้ทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันร่างกายของเขากลับดูคล้ายกับผี หลังจากหลบแล้ว ตัวเขาก็หมุนกลับมาใช้ฝ่ามือตบที่หน้าอกของท่านนักพรตตู๋อีกครั้ง
การกระทำนี้เร็วมาก ผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็ยังมองไม่ทัน
และเจ้าฝ่ามือนี้เป็นที่รู้จักดี ว่าในนั้นจะต้องมีพลังผสานอยู่
“ ปัก ” ท่านนักพรตตู๋ถูกฝ่ามือตบจนล้มลงไปกับพื้น ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา ช่วงเวลานั้นเขาไม่สามารถลุกขึ้นได้ในทันที
“ อาจารย์ ! ” เฟิงเฉ่วหานตกใจ
“ ท่านลุงตู๋ ! ” ผมเองก็ตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนั้นผู้อาวุโสหวางเป็นผู้ลงมือ แค่คาถาเดียวก็จัดการกุ่ยซานหยวนได้แล้ว จึงยังไม่ทันเห็นว่าเขามีพลังในระดับไหนเลย
แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพลังของเขาจะสูงถึงขึ้นนี้
นี่เพิ่งต่อสู้กัน ท่านนักพรตตู๋ก็บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว
ในใจของผมกำลังร้อนรน แต่ก็ไม่กล้าถอยกลับ ทำได้เพียงยกดาบไม้เข้าไปสู้ต่อ
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ กุ่ยซานหยวนยังคงหัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” พอผมและเฟิงเฉ่วหานลงมือ เขากลับหลบแต่ไม่โจมตี
ในเวลาเดียวกันเขาก็ส่งเสียงที่แหบแห้งออกมา “ ไม่เลวไม่เลว ฝีมือยังพอไปวัดไปวาได้…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็แค้นจนต้องกัดฟัน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ อีกฝ่ายสามารถพูดแบบนี้ได้ เพราะพลังของเขาอยู่ในระดับนั้น !
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ถึงพวกเราสามคนจะร่วมมือกัน ก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหมอนี้
ผมเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นกุ่ยซานหยวนก็พูดออกมาอีกครั้ง “ เลือดเนื้อของพวกเจ้าสองคนไม่เลว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็เอาพวกเจ้ามาเป็นร่างใหม่ของข้าก็แล้วกัน ! ”
หลังจากพูดจบ กุ่ยซานหยวนก็ทำตัวเหมือนผี หายวับไปกับตา
แต่ไม่รอให้พวกเราได้หาตัวกุ่ยซานหยวนเจอ ทันใดนั้นด้านหลังของพวกเราก็มีเสียงท่านนักพรตตู๋ตะโกนด้วยความตกใจ “ ระวังข้างหลัง…… ”
ไม่รอให้พวกเราได้หันกลับมา ทันใดนั้นพวกเราก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่ด้านหลัง เขาบีบคอของผมและเฟิง
เฉ่วหานเอาไว้
ช่วงเวลานั้น ความเย็นเข้ากระดูกได้ไหลเข้ามาจากคอ จากนั้นก็กระจายไปทั่วร่างกายของพวกเราอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนพลังที่อยู่ในร่างกาย จะหายไปจนหมด วินาทีที่แล้วเลือดในกายของเรายังเดือดพล่าน กล้ามเนื้อยังทำงานได้ดี
แต่ในตอนนี้พวกเรากลับเหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลม ไม่หลงเหลือพลังเลยแม้แต่น้อย……