ตอนที่ 216 สมบัติลับ
คนข้างนอกดูที่ความสนุกสนาน แต่คนในสายงานเลือกดูที่แก่นของเรื่องราว
ท่านนักพรตตู้สายตาเฉียบคม เพียงแค่มองดู ก็รู้แล้วว่ากล่องใบนี้ไม่ธรรมดา
ก่อนหน้านี้ผมและอาจารย์เคยมองดูมันเช่นกัน แต่นอกจากอักขระคาถาที่ไม่รู้จักแล้ว พวกเราก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ
อีก
แต่การใช้งานในวันนี้ ทําให้พวกเรารู้ว่ามันเป็นกล่องไม้วิเศษ และมันยังสามารถติดต่อกับนางพญาจิ้งจอกได้
แต่ รูปสลักบนกล่องใบนี้ กลับค่อนข้างพิเศษ
มันไม่ใช่การวิดิโอคอล แต่เป็นคาถาลับ ซึ่งทําขึ้นโดยลัทธิเต๋า
เมื่อลองคิดดูแล้วมันก็เหมือนกับ “ การติดต่อกับสวรรค์ ” เป็นวิธีที่น่าเหลือเชื่อมาก
เป็นความสามารถของนักปราชญ์ และเป็นสิ่งที่พบเห็นกันได้น้อยมาก
ตามยุคสมัยของลัทธิเรา การสร้างของแบบนี้ออกมาได้ ถือว่าเป็นของหายากจริงๆ
แต่ไม่รู้ว่ามู่หลงเหยียนเป็นคนทําสิ่งนี้ขึ้นมาเองหรือว่าได้ มันมาจากที่อื่น
แต่ตอนนี้ผมกลับมั่นใจ ว่ามู่หลงเหยียนและนางพญาจิ้งจอกในหุบเขานั้น อาจเป็นเพื่อนหรือมีความสัมพันธ์อื่นต่อกัน
ไม่อย่างนั้นหลังจากเปิดกล่อง ผมจะติดต่อกับนางพญาจิ้งจอกตัวนั้นได้ยังไง
นี่จะต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้ พวกเธอต้องคุยกันเรียบร้อยแล้ว รอเพียงแค่ให้ผมเปิดกล่องเท่านั้น
หลังจากท่านนักพรตที่พูดประโยคพวกนั้นออกมา เขาก็มองกล่องให้ละเอียดอีกพักหนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็คืนกล่องมา ให้ผมดังเดิม
เมื่อผมเก็บกล่องเรียบร้อยแล้ว ผมก็พูดกับท่านนักพรตต์ว่า “ ท่านลุงตู้ เข้าใจสัญลักษณ์ที่สลักไว้บนกล่องไหม ”
เมื่อท่านนักพรตต์ได้ยินผมพูด เขาก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ จะพูดว่าเข้าใจก็ไม่ได้ บอกได้แค่ว่าฉันรู้อะไรเท่านั้น !”
“ เหล่า นายพูดเลย สัญลักษณ์พวกนั้นหมายความว่าอะไร” อาจารย์ก็พูดด้วยความร้อนใจ
เพราะพวกเรามองไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษ และไม่เข้าใจว่าอักขระหรือสัญลักษณ์พวกนั้นคืออะไร หมายความว่าอะไร
แม้ท่านนักพรตต์จะไม่อยากถามถึงที่มาของกล่องใบนี้แต่เมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของพวกเราเขาก็พูดว่า “ ฉันก็ไม่ ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ที่มั่นใจคือ พวกนี้เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่จริงมันก็คือวงเวทย์รูปแบบหนึ่ง”
“ วงเวทย์อะไร ตู้อ่าว แกคงไม่รู้หรอกนะ ถึงได้พูดจาเหลวไหลแบบนั้น” เหล่าฉันไม่เชื่อที่เขาพูด
จากความรู้ที่พวกเรามี การสร้างวงเวทย์ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก
อย่าว่าแต่สลักลงบนกล่องเล็กๆแบบนี้เลย แม้จะสลักลง ไปแล้วมันก็น่าจะมีความซับซ้อนมากกว่านี้
พวกธาตุทั้งห้า ปากั่ว ดาวทั้งเจ็ด แล้วยังพวกดาวเก้ายุคอะไรนั้นอีก
แต่สัญลักษณ์เหล่านี้ ยังซับซ้อนกว่าอักษรตัวเต็มเพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ไม่ใช่วงเวทย์
ถึงจะเอามาเทียบกับวงเวทย์ที่ง่ายที่สุดมันก็ยังเป็นไปไม่
ดังนั้น สัญลักษณ์พวกนี้จึงไม่ต่างอะไรกับอักขระในแผ่นยันต์มากนัก แล้วพวกมันจะกลายเป็นวงเวทย์ได้ยังไง
แต่ท่านนักพรตต์กลับหัวเราะเบาๆ หลังจากเขาก็พูดต่อ “ เมื่อ 10 ปีก่อน ความคิดของฉันกับพวกนายไม่ต่างกันเลยสักนิด ล้วนคิดว่าการสร้างวงเวทย์ต้องซับซ้อน เกี่ยวกับท้อง ฟ้า พื้นดินธาตุทั้งห้าและอื่นๆอีกมากมาย ”
“ แต่ หลังจากที่ฉันได้ศึกษาเรื่องฉีเหมินตันเจี้ย (จัดเป็นหนึ่งในสุดยอดวิชาลึกลับของจีนโบราณทั้ง 3) ฉันก็รู้ว่าเราสามารถเปลี่ยนอักษรตัวเต็มเป็นตัวย่อได้ ใช้สัญลักษณ์พิเศษเหล่านี้ในการสร้างวงเวทย์ จากนั้นก็เริ่มวางตําแหน่งจัดเรียง ลําดับ จนในที่สุดเราก็จะสามารถสร้างวงเวทย์พิเศษที่ไม่ซับซ้อนขึ้นมาได้ ”
“ และกล่องใบนี้ก็เป็นแบบนั้น ที่จริงสัญลักษณ์ที่อยู่ใต้กล่อง ก็คือรหัสของวงเวทย์อย่างหนึ่ง และทุกๆรหัสที่อยู่บนนั้นก็ได้พัฒนามาจากการจัดเรียงสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนของวงเวทย์ฯ
ท่านนักพรตต์พูดอย่างตรงไปตรงมา อธิบายความคิดของเขาที่มีต่อกล่อง และสิ่งที่รู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์บนนั้น
แต่เมื่อพวกเราฟังแล้วกลับต้องอึ้ง ในศาสตร์ฉีเหมินตุ้นเจีย ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ มันสามารถลดอักข ระบนวงเวทย์ได้ด้วย
ตามที่ท่านนักพรตต์พูด นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับสูตรคณิต นะซิ
สูตรคณิตทุกสูตรล้วนเกิดจากการใช้เหตุผลและการทดลองหลากหลายรูปแบบ วงเวทย์เองก็เป็นแบบนั้นเหรอ
ผมคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก ดังนั้นจึงถามว่า “ ท่านลุงตู แล้วเราต้องทํายังไง ถึงจะสลักวงเวทย์แบบนี้ออกมาได้ ”
เมื่อท่านนักพรตต์ได้ยินคําพูดนี้ เขากลับส่ายหัวไปมา “ เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ฉันเคยได้ยินมาว่า หลังจากศึกษาศาสตร์ฉีเหมินตันเจี้ยจนถ่องแท้แล้ว เราก็จะรู้ได้ ด้วยตนเอง !”
เมื่อฟังท่านนักพรตติพูดจบ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
คืนนี้ผมได้ความรู้ใหม่จาก วิชาลักธิเต๋ วงเวทย์และเรื่องอื่นๆ
แม้กล่องใบนี้จะแปลกอยู่บ้าง แต่นอกจากจะมีวงเวทย์ลึกลับถูกสลักเอาไว้แล้ว เขาก็ไม่เห็นสิ่งอื่นอีก
บวกกับมู่หลงเหยียนให้กล่องใบนี้มา ผมจึงพูดถึงมันได้ไม่ มากนักดังนั้นหลังจากถามไปสองสามคําถาม ผมก็ไม่พูดอะ ไรต่ออีก
ท่านนักพรตต์เองก็ดูออกว่าพวกเราไม่ค่อยอยากพูด เขาจึงไม่ถามมาก หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้
หลังจากนั้น พวกเราก็รีบเดินทาง จนกระทั่งเวลาตี 2 พวกเราก็กลับมาถึงตําบล
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ทุกคนค่อนข้างหิว ดังนั้นจึงไปซื้อของปิ้งย่างนิดหน่อย หลังจากนั้นถึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็จุดธูปให้มู่หลงเหยียน ขอบคุณที่เธอช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ผมคงกําลังลําบากอยู่
แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆอาจารย์ก็พูดกับผมว่า “ เสียวฝาน กล่องนั้นเป็นสมบัติล้ําค่า พวกเราเก็บไว้ไม่เหมาะเท่าไหร่ ตอ นนี้ใช้เสร็จแล้วแกหาโอกาสเอามันไปคืนเมียด้วยละ !”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วย
เพราะเจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ของของพวกเรา เป็นสิ่งที่หลงเหยียนให้ผมเอาไว้ต่อกรกับจิ้งจอกเฒ่า
ตอนนี้จิ้งจอกเฒ่าก็เลิกลากลับไปที่เขาจิ้งจอกแล้วผมก็ควรคืนกล่องใบนั้นให้มู่หลงเหยียน
ดังนั้นผมจึงหมุนด้วยมาทางป้ายวิญญาณอีกครั้ง จุดธูปเพิ่มอีกหนึ่งดอก “ น้องศพน้องศพ พวกเราใช้กล่องใบนี้เสร็จแล้ว เธอจะให้ฉันเอาไปคืน หรือเธอจะมาเอาเอง ถ้าเธอได้ยินแล้วตอบกลับฉันหน่อยนะ ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ปักธูปลงในกระถาง
แต่วินาทีที่ผมกําลังปักธูปลงในกระถาง ทันใดนั้น เสียงมู่หลงเหยียนก็ดังอยู่ในหูของผม “ ในเมื่อใช้เสร็จแล้ว
นายก็เอามาคืนฉันพรุ่งนี้ ! เออใช่ ตอนมาเอาไก่เหลืองตัวใหญ่สองตัวมาด้วยนะ โอเคไม่มีอะไรละ ! แค่นี้แหละ !”,
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เสียงของมู่หลงเหยียนก็หายไปทันที
แม้จะไม่เห็นตัวมู่หลงเหยียน แต่ความรู้สึกแบบนั้น มันทําให้ผมคิดว่าเธอยืนอยู่ข้างๆตัวผม
ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบๆหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็ตอบกลับว่า “ ได้ ! ”
อาจารย์เห็นผมมองไปรอบๆ และพูดกับอากาศ เขาจึงถามผมว่า “ เมียแกกําลังคุยด้วยเหรอ ”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูด ผมถึงได้สติกลับมา “ อื้อฮือ ! เธอบอกให้ผมเอาไปคืนพรุ่งนี้ และ และยังบอกให้ผมเอาไก่เห ลืองไปสองตัว ! ”
อาจารย์เงียบไปแป็บนึง แต่เขาก็ไม่ถามอะไรมาก “ ในเมื่อเมียแกพูดแล้ว งั้นพรุ่งนี้เช้าแกก็ไปตลาดเลือกซื้อไก่เหลืองสองตัวเอาที่มันตัวใหญ่หน่อยนะ ถ้าไปสายไก่มันจะ หมดเอา ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ไม่สนใจผม เดินตรงไปแปรงฟันทันที
ผมมองป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนสักพัก แม้จะไม่รู้ว่าเธอ ะเอาไก่ไปทําไม
แต่เรื่องเล็กแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จัดการยากอะไร วันพรุ่งนี้ผมแค่เอาไก่ไปให้สักสองสามตัวก็จบแล้ว
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ผมก็ตื่นนอนแต่เช้า
พร้อมกับขอบตาดําเมี่ยม ผมออกจากบ้านตรงไปที่ตลาดทันที
ไก่เหลืองไม่เหมือนหมาดํา พวกมันหาซื้อง่าย
ผมเลือกไก่เหลืองสองตัวที่ทั้งใหญ่และอ้วนที่สุด หลังจากนั้นก็กลับบ้าน รอจนถึงตอนกลางคืนค่อยไปที่ป่าชุ่ยหม่า