ศพ ตอนที่ 254 จัดการศพ
เมื่อพวกเราสี่คนร่วมมือกัน ผีดิบตัวนี้ก็มาถึงจุดจบ มันทําได้แค่รับการโจมตีเท่านั้น
อาจารย์และท่านนักพรตตูโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่ผีดิบเฒ่านี้จัดการยาก เมื่อปู่หูลิ่วและพี่เฟิงเข้ามาโจมตีซ้ายขวา พลังชั่วของผีดิบตัวนี้ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลาผ่านไป พลังชั่วของผีดิบตนนี้ก็อ่อนลงเรื่อยๆ
ไม่ว่าผิวทองแดง กระดูกเหล็ก หรือว่าพละกําลังที่ไม่สามารถต้านทานได้ในเวลานี้ทุกอย่างได้ลดลงและกลับมาสู่จุดต่ําสุดแล้ว
อาจารย์เห็นโอกาสมาถึงแล้ว เขาจึงไม่พูดพร่ําทําเพลง หยิบยันต์อัญเชิญเทพติงเจี่ย 12 องค์ออกมาหนึ่งแผ่น
ยันต์แผ่นนี้มีพลังมหาศาล เป็นยันต์สามชนิดแรกที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ผม และเป็นยันต์ที่ร้ายกาจที่สุด
อาจารย์บอกว่า ยันต์แผ่นนี้มีพลังของเทพติงเจีย 12 องค์ ไม่ว่าจะเป็นผีร้ายหรือผีดิบ แค่โดนยันต์แผ่นนี้เข้าไป ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ยันต์ที่ทรงพลังแบบนี้ ก็มีเงื่อนไขในการใช้ที่ค่อนข้างสูง
ยึดตามพลังของผมในตอนนี้ การใช้ยันต์อัญเชิญเทพ ติงเจี่ย 12 องค์ ยังถือเป็นเรื่องค่อนข้างยาก
มือของอาจารย์เคลื่อนไหวเร็วดุจสายฟ้า ไม่มีทีท่าว่าจะรอให้ผีดิบตอบโต้ได้ ทันใดนั้นยันต์ก็ถูกแปะลงบนหน้าผากของผีดิบ
“ โฮก ! ” ผีดิบตนนั้นโมโหสุดๆ มันอ้าปากคิดจะเข้าไปกัดอาจารย์
แต่มันไม่มีโอกาสนั้น ไม่รอให้มันได้เข้าใกล้ ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋ พี่เฟิง และปู่หูลิ่วสามคนก็ลงมือ
แยกผีดิบออกไปทันที
อาจารย์ในมือสองข้างประสานเข้าหากัน กลายเป็นรูปดาบ เผยให้เห็นแววตาที่เย็นชา และตะโกนว่า
“ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทําลาย !”
แสงสีขาวสว่างวาบ ยันต์อัญเชิญเทพติงเจี่ย 12 องค์ระเบิดออกมาทันที พลังอันมหาศาลสั่นสะเทือนรอบๆ
เมื่อหันไปมองผีดิบอีกครั้ง มันยังไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยซ้ํา เสี้ยววินาทีนั้นมันก็ถูกพลังของยันต์ทําลายหัวไปครึ่งหนึ่งแล้ว
พวกเรามองผีดิบเฒ่าตรงหน้า มันไม่ขยับตัว และพลังชั่วชุดสุดท้ายของผีดิบ ก็ออกมาตามบาดแผลบนหัว ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ขณะพลังชั่วกําลังหายไป ผีดิบเฒ่าตนนี้ก็เหมือนผีดิบ เมื่อกี้ เมื่อในร่างไม่มีพลังชั่วร้ายอีกต่อไปขนสีขาวที่ปกคลุมอยู่บนตัว ก็เริ่มร่วงหล่น
พี่เฟิงกวาดตามอง ใช้เท้าถีบ “ ปัก ” ผีดิบเฒ่าล้มลงกับพื้น หลังจากนั้นมันก็ไม่ขยับอีกเลย
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
อาจารย์ตะโกนด่าทันที “ บ้าเอ้ย ในที่สุดก็จัดการสองศพนี้ได้ซะที ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หมุนตัว ทํามือคํานับผม หลังจากนั้นก็พูดว่า “ ข้าเป็นอาจารย์ของติงฝานติงโย่วซาน ไม่ทราบว่าเป็นเซียนท่านไหนช่วยเหลือเอาไว้ ? ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก ”
ปู่หูลิ่วที่ควบคุมร่างผมไว้หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” แล้วพูดด้วยสําเนียงของตัวเอง “ นักพรตติง จําเสียงข้าได้ไหม ? ”
“ โอ้ ปู่หูลิ่ว ? ” อาจารย์พูด
“ ใช่ ข้าเอง ! ตอนนี้คงพูดว่าไม่สู้คงไม่รู้จัก ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก ” ปู่หูลิ่วพูดต่อ
อาจารย์ก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” และในเวลานี้เอง ผมกลับรู้สึกตกใจ
ทันใดนั้น พลังแปลกๆนั้นก็เริ่มไหลจากแขน ขา กระดูกสันหลัง และเข้ามารวมกันที่หน้าอก
สุดท้ายผมก็รู้สึกเย็นที่หน้าอก เงาจิ้งจอกรางๆ พุ่งออกมาจากร่างของผม
หลังจากที่เงาจิ้งจอกปรากฏขึ้น ผมก็รู้สึกว่าโลกกําลังหมุน จนผมจะล้มลงกับพื้นให้ได้
แต่ดูเหมือนอาจารย์และพี่เฟิงที่อยู่ข้างๆจะมือเร็ว พวกเขาประคองผมเอาไว้ทัน
ตอนนี้ผมรู้สึกหมดแรง เหนื่อยมาก แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าและความรู้สึกที่ถูกควบคลุม ได้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ เสี่ยวฝาน รู้สึกยังไงบ้าง ? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ” อาจารย์รีบพูด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเชิญเซียน
เขาจึงไม่แน่ใจว่าร่างกายของผมจะรับไหวไหม
ผมถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นก็พูดติดอ่าง “ อา อา จารย์ ผมไม่ ไม่เป็นไร แค่ แค่เหนื่อยนิดหน่อย !”
ขณะที่พูด ผมก็ลุกขึ้นยืนแล้ว
ส่วนเงาจิ้งจอกรางๆที่อยู่ตรงหน้าของผม กลับพูดออกมาทันที “ ชูหม่า ถึงข้าจะสามารถสิงร่างคุณได้
แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีกว่านี้ คุณยังต้องฝึกฝนร่างกาย และจิตใจ ดังนั้นการกุ่นเชี่ยวจะทํานานเกินไปไม่ได้ ยิ่งเซียนแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็จะส่งผลต่อคุณเท่านั้น ถ้าเป็นเจ้าแม่จากพลังของชูหม่าในตอนนี้
ก็คงอยู่ได้แค่ 30 วินาที เมื่อเวลา 30 วินาทีผ่านไป มันก็อาจส่งผลต่ออายุไขของคุณ !”
เมื่อได้ยินปู่หูลิ่วพูดแบบนั้น ผมก็อดกลัวไม่ได้
เมื่อก่อนผมเคยคิดแบบง่ายๆ กุ่นเชี่ยวก็คือการสถิตร่าง พวกเขาไม่ทําร้ายผม หลังจากสถิตร่างเสร็จ
ผมก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่า มันยังมีผลข้างเคียงแบบนี้ด้วย
ผมกลืนน้ําลาย จากนั้นก็คํานับปูหลิ่วทันที “ ขอบคุณปู่หูลิ่วที่ชี้แนะ และความช่วยเหลือในวันนี้
หลังจากกลับไป ผมจะตอบแทนปู่หูลิ่วอย่างแน่นอน ! ”
ปู่หูลิ่วหัวเราะ “ ฮ่าฮ่า ” “ ชูหม่าเกรงใจแล้ว ในเมื่อเสร็จงานแล้ว งั้นข้าของตัวกลับร่างก่อนนะ !”
“ เดินทางปลอดภัยนะครับปูหูลิว ! ” ผมพูด
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ก็คํานับเงาจิ้งจอก ปู่หูลิ่วกวาดตามอง หลังจากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นควันสีเขียว แล้วจากหายไปในทันที
ส่วนร่างจริงของปูหลิ่วที่ศาลเจ้าหลักเมืองอันแสนห่างไกล หลังจากร่างจิ้งจอกหายไป เขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น กลับมาสู่ร่างเดิมอีกครั้ง
หลังปู่หูลิ่วจากไป ท่านนักพรตตู๋ก็พูดกับคุณฉีที่แอบไปซ่อนหลังหินเมื่อก่อนนี้ว่า “ คุณฉี ทุกอย่างจบแล้ว ออกมาได้แล้ว !”
เมื่อคุณได้ยินคําพูดนี้ เขาถึงเดินเก้ๆกังๆออกมา
เห็นได้ชัดว่าเขากําลังกลัวและหวาดระแวง ยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นศพผีดิบสองตนบนพื้น “ ปึก ” เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที “ ลูกหลานอกตัญญ ทําให้ทั้งสองคนต้องตายแล้ว ยังทรมานอีก ! ”
แต่เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นรอบๆก็มีลมกระโชกแรงก่อตัวขึ้น สายลมอันหนาวเย็นพัดเข้ามา
เมื่อกี้ผีดิบที่เพิ่งจากไป แถมตอนนี้ยังมีลมพัดเข้ามาในใจของทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะมีเสียงดัง “ กึก ”
แต่ละคนเปิดโหมดระวังตัวทันที
พี่เฟิงตะโกนออกมา “ ผีเร่ร่อนจากไหนวะ ยังไม่รีบออกมาอีก ! ”
หลังจากพูดจบ พี่เฟิงก็ยกดาบไม้ในมือขึ้น ทําท่าพร้อมรบสุดๆ
แต่มันน่าเหลือเชื่อ เสียงตะโกนของพี่เฟิง ใช้ได้ผลจริงๆ
ทันใดนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงของคนสองคน “ ผู้มีพระคุณ โปรดรับการคํานับจากเราด้วย ! ”
เมื่อหันไปมองต้นเสียง พวกเราก็พบว่าช่องเขาที่ห่างออกไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้กลับมีผีผู้ชายสองคนใส่ชุดคนตายปรากฏตัวขึ้น
แต่ในสองคนนี้ ยังมีคนที่ผีผู้ชายที่พวกเราได้เจอเมื่อคืน พ่อของคุณฉี
ส่วนอีกคน ก็คงไม่ใช่ใครอื่น เขาก็น่าจะเป็นปูของคุณฉี ฉีเต๋อหวาง
คุณไม่ได้เปิดตา จึงมองไม่เห็น และไม่ได้ยินเสียงใดๆ
เขายังคงคุกเข่าคํานับและร้องไห้อยู่กับพื้น ส่วนพวกเราก็มองผีทั้งสองตัวครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นก็ได้ยินท่านนักพรตต์พูดว่า “ คุณฉีทั้งสองลุกขึ้นเถอะ ในเมื่อคุณฉีทั้งสองคนออกมาจากหลุมศพแล้ว แล้วทําไมร่างของพวกคุณถึงยังกลายเป็นผีดิบได้ละ ? ”
ผีทั้งสองตนลุกขึ้น เมื่อได้ยินท่านนักพรตติพูดแบบนั้น พวกเขารีบลอยเข้ามา
เมื่อเข้ามาใกล้พวกเรา ผีทั้งสองตนก็กวาดสายตามองศพที่อยู่บนพื้น หลังจากนั้นทุกคนก็ได้ยินฉีเต๋อหวางพูดว่า “ ท่านนักพรตทุกท่าน ผมจะไม่ปิดบัง ถึงพวกเราจะอยู่ที่นี่มา 10 ปี แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทําไมร่างกายถึงเปลี่ยนเป็นผีดิบได้ เมื่อกี้ตอนศพเปลี่ยนไป ผมมีพลังอยู่เล็กน้อย จึงไม่สามารถเข้ามาช่วยได้ ขอให้ท่านนักพรตทุกท่านโปรดอภัยให้ด้วย !”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผีทั้งสองตนก็คํานับพวกเราอีกครั้ง
พวกเราไม่คิดมาก เพราะพวกเขาพูดถูก พวกเขาเป็นญาณไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว
หลังจากนั้น ฉีเต๋อหวางก็พูดออกมาอีกครั้ง “ ถึงศพของผมกับลูกจะผิดธรรมชาติ แต่มันก็เริ่มหลังจากที่หลุมศพถูกขุดได้หนึ่งปี พวกเรารู้สึกอยู่กันแบบอึดอัดสุดๆ และก็กลับเข้าโลงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฮวงจุ้ยยังเปลี่ยนไป พักนี้ยังรู้สึกทรมานมาก ถึงได้ไปเข้าฝันหลาน แต่เจ้าหลานนี้ก็ไม่ได้เรื่อง หาพวกสิบแปดมงกุฏมาทําพิธี ทําให้ฉันกับพ่อ เขาต้องอยู่กันอย่างไม่เป็นสุข ทุกข์ทรมานจนทนไม่ไหว….”
หลังจากฟังฉีเต๋อหวางพูดจบ อาจารย์และท่านนักพรตตู๋กลับขมวดคิ้ว เงียบในทันที
อาจารย์พึมพํากับตัวเองว่า เมื่อหนึ่งปีก่อนถูกขุดหลุมศพ งั้นเหรอ ?