ศพ ตอนที่ 306 ไม่มีถูกผิด
คําพูดของผีตานีรบกวนจิตใจผม ทําให้มีความสับ สนเล็กน้อยเกิดขึ้นในใจผม
เธอพูดถูกไหมนะ ? แต่เหมือนจะถูกแฮะถ้ามองในมุมของผีตานีเธอก็ไม่ได้ทําอะไรผิด
เธอแค่ทําเพื่อเอาชีวิตรอด ดังนั้นถึงได้ดูดพลังหยางและฆ่าคน
พอหันมามองว่าเรากําลังช่วยใครอยู่ ก็แค่คุณชายเจ้าสําราญกลุ่มหนึ่งถึงผมจะไม่รู้จักกับอีกสองคน แต่จากพฤติกรรมทั้งหมดที่เจ้าหลงอ่าวเทียนก่อเอาไว้ที่โรงแรม เราต่างเห็นกันเต็มสองตา ต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนั้นมันก็ยังกล้ารังแกผู้หญิง
ดั่งคํากล่าวที่ว่าอยู่ใกล้สิ่งใดย่อมเหมือนสิ่งนั้นอยู่กับคนประเภทนี้ลูกผู้ดีทั้งสองคนก็ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่
เธอทําเพื่อความอยู่รอดถึงได้ฆ่าคน แต่พวกเรากลับฆ่าพวกเธอเพราะเจ้าคุณชายเจ้าสําราญไม่กี่คน
ไม่ว่าจะมองยังไง พวกเราก็เหมือนคนเลว ที่ไปช่วยคนชั่วทําชั่วอีกทอดอีกฝ่ายต่างหากที่เป็นเหยื่อในครั้งนี้
ผมหยุดยืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง พวกอาจารย์เห็นผมไม่ขยับตัว เลยขมวดคิ้วขึ้นมา
หลังจากนั้นก็ได้ยินอาจารย์ผมพูดว่า “ เสี่ยวฝาน แกทําอะไรอยู่ ?ทําไมไม่ลงมือฆ่าเธอซะที ? ”
“ เสี่ยวฝาน ผีตานีตัวนี้ปั่นหัวแกอยู่ใช่ไหม ? ” เหล่าฉันก็พูดต่อ
แต่ผมกลับสูดหายใจเข้า แล้วค่อยๆหันไป มองอาจารย์และคนอื่นๆจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ อาจารย์ ลุงตู้
ลุงฉิน เธอทําเพื่อเอาชีวิตรอด แต่พวกเรากลับช่วยเจ้าคุณชายเจ้าสําราญพวกนั้นฆ่าเธอมันไม่ยาก แต่เราทําแบบนี้ มันถูกแล้วจริงๆเหรอ ? ”
อาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉันคิดไม่ถึงว่าผมจะพูดแบบนี้พวกเขาต่างทําหน้าตึงกันทันที
ต่อจากนั้น อาจารย์ก็พูดกับผมว่า “ แกพูดบ้าอะไร ?มีถูกผิดที่ไหนละปีศาจมักทําชั่วเป็นสันดานอยู่แล้ว
ผีตานีตัวนี้ก็เกิดมาจากความใคร่ เดิมที่มันก็ไม่ควรอยู่บนโลกนี้อยู่แล้วอย่าหลงกลท่าที่ของเธอรีบลงมือเถอะ !”
อาจารย์ดุผม ให้ผมรีบลงมือเร็วๆ
ผมหันกลับมามองผีตานี หน้าคนบนหัวปลีหน้านั้น เริ่มร้องห่มร้องไห้และพูดกับผมอีกครั้ง “ ท่านนักพรตฉันอยากมีชีวิตอยู่ขอร้องท่านละ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ! ”
ผมสับสนมาก พูดตรงๆ พอฟังผีตานีพูดจบ
หากให้เลือกว่าใครควรอยู่ต่อระหว่างผีตานีกับพวกคุณชายเจ้าสําราญพวกนั้น ผมอาจเลือกผีตานี
แต่วันนี้ ถึงผมจะไม่ลงมือเอง พวกอาจารย์ก็ต้องไม่ปล่อยผีตานีตนนี้ไปอย่างแน่นอน
ที่จริงสิ่งที่อาจารย์พูดก็ไม่ผิด ผีตานี้เกิดจากความใคร่แม้พวกเธอจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็มีความชั่วและความใคร่เป็นพื้น
ถ้าวันนี้ผมปล่อยพวกเธอไป พวกเธอจะไม่ไปดูดพลังหยางของคนอื่นอีกจริงๆเหรอ ?
ก็เหมือนเสือ ให้มันไปหากินหญ้ามันจะทําได้เหรอ
ผมสูดหายใจเข้า แล้วจากนั้นก็พูดกับผีตานีว่า “ ถึงฉันจะไม่อยากฆ่าเธอและคิดว่าสิ่งที่เธอพูดก็ไม่ผิด
แต่ยังไงฉันก็ต้องฆ่าเธอ ! ”
“ ทํา ทําไม ? ?
“ เพราะฉันไม่มีทางเลือก………….”
พอพูดจบ ผมก็เขย่งเท้าขึ้น ตวัดดาบลงไปทันที
หัวปลีที่ห้อยอยู่บนต้นกล้วย ตอนนี้โดนผมตัด หล่นมาที่พื้นแล้ว
ต้นกล้วยสั่นอย่างต่อเนื่อง เสียงกรีดร้องดังขึ้น ส่วนที่โดนตัดมีเลือดสีแดงไหลทะลักออกมา
ขณะฟังเสียงกรีดร้องของผีตานี ผมก็ไม่ลังเลแต่อย่างใดหยิบพลั่วออกมาแล้วแทงลงไปที่ต้นกล้วยทันที
ถึงต้นกล้วยต้นนี้จะใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้แข็งแรง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องร่ําไห้ในที่สุดต้นกล้วยก็โค้นลง
เมื่ออาจารย์และคนอื่นๆเห็นผมโคนต้นกล้วยแล้วก็พยักหน้าเบาๆ
เห็นได้ชัดว่า อาจารย์และเหล่าฉินจงใจให้ผมทําแบบนี้ใช้วิธีนี้ขัดเกลาจิตใจของผม
ในโลกที่พิลึกกึกกือนี้ มีสิ่งมีชีวิตต่างๆนานาให้ได้เห็น
มนุษย์ ปีศาจ สรรพสิ่ง หนึ่งในนั้นยากที่จะควบคุมและหลงไปในทางผิดอย่างง่ายดาย
อาจารย์และเหล่าฉินต่างรู้ว่าผมมีจิตใจที่ดีงามมาก
แต่เมื่อเลือกเดินสายนี้แล้ว เราอาจตายได้ทุกเมื่อ
การทําดีกับปีศาจร้าย ก็เหมือนทําร้ายตัวเอง
ดังนั้น พวกเขาอยากให้จิตใจของผมแข็งแกร่งและเหี้ยมยิ่งกว่า
ถึงได้จงใจให้ผมเผชิญหน้ากับผีตานีตนนี้คนเดียวให้ผมได้ลิ้มรสกับความทรมานของความสับสนแล้วลงมือฆ่าด้วยตัวเอง
เพียงแค่ตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาทํางานสายนี้ได้ไม่นานผมก็เลยยังไม่เข้าใจเจตนาของพวกอาจารย์
หลังจากที่พวกเขาเห็นผมตัดต้นกล้วยแล้ว ก็เดินเข้ามาช่วยผมขุดหาเหง้า
ต้นกล้วยไม่ได้หยั่งรากลึกมาก ผ่านไปไม่นานพวกเราก็ขุดเจอ
ช่วงเวลาระหว่างนั้น ผมยังได้ยินเสียงร้องไห้และร้องขอชีวิตจากผีตานี
ผมจึงรู้สึกสับสน แต่ภายใต้คําแนะนําของพวกอาจารย์สุดท้ายหัวใจปีศาจดวงที่กําลังเต้นอยู่ก็โดนผมใช้พลัวทําลายอยู่ดี
เพียงเท่านี้ ผีตานีทั้งสามตน ก็โดนฆ่าอย่างสมบูรณ์แม้แต่เหง้าก็ไม่เหลือ
หลงอ่าวเทียนและซุนเสี่ยวหลินก็ได้นอนหลับอย่างสบายสักทีและไม่ต้องกลัวว่าจะมีผีตานีมาตามรังควานอีกต่อไป
ผมมองพื้นดินที่เละเทะ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ
ผมรู้ดีว่ายังไงผีตานีตนนี้ก็ต้องตาย ถ้าเธอไม่ตายวันข้างหน้าก็จะมีคนตายอีกจํานวนมาก
นี่คือสิ่งที่พวกเราคนปราบสิ่งชั่วร้าย ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้และไม่มีทางทนดูได้เช่นกัน
เพียงแค่ เหตุผลที่เธอพูดก่อนตาย กระตุ้นส่วนลึกของจิตใจผมได้จริงๆ
เธอทําเพื่อเอาชีวิตรอด มีอะไรผิดกัน ?
ดังนั้น นี่เลยทําให้ผมรู้สึกสับสน
ถ้าพูดให้มันไม่น่าฟังหน่อย ก็คือ ทําร้ายผลประโยชน์ของมนุษย์ เราก็คือสิ่งชั่วร้ายที่สมควรตาย
ตราบใดที่ทําเพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์เราการฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็คือการทําคุณแทนสวรรค์
อาจารย์เห็นสีหน้าของผมไม่ค่อยดี เลยหันมาตบบ่าผม แล้วพูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน จบเรื่องแล้ว ทําไมไม่ดีใจหน่อยละฮี ? ”
เมื่อได้ยินอาจารย์ถามแบบนั้น ผมก็ขมวดคิ้ว แล้วบอกความสับสนและเรื่องไม่เข้าใจที่อยู่ในใจ ให้อาจารย์ฟัง
“ อาจารย์ อาจารย์ว่าพวกเราช่วยลูกเศรษฐีพวกนั้น ถูกแล้วจริงๆใช่ไหม ? ไม่ว่าเมื่อกี้ผีตานีจะพูดจริงหรือเปล่า แต่พวกเธอ อยากมีชีวิตอยู่ก็เลยจําเป็นต้องฆ่าคนที่มายุ่งด้วย นี่ก็เป็นเรื่องที่ ช่วยไม่ได้จริงไหมละครับ !การที่พวกเราไปฆ่าพวกเธอถือว่าถูกแล้วใช่ไหมครับ ? ”
เหล่าฉันฟังอยู่ข้างๆ เขาเลยพูดออกมาตรงๆ “ เรื่องนี้มีอะไรไม่ถูกมันก็เหมือนที่ลุงฉันเคยบอกเจ้าเมื่อครั้งที่แล้วไง พวกเราฆ่าพวกเธอก็เพื่อตัดกรงกรรมกรงเกวียน ”
“ ถึงเราจะเป็นคนดี แต่บางครั้งเราก็ต้องโหดบ้างโดยเฉพาะเวลาเจอกับปีศาจแบบนี้ วันนี้ไม่ฆ่าวันข้างหน้าพวกเธอจะไม่ทําร้ายคนเยอะกว่านี้เหรอ ? เสี่ยวฝาน อย่าไปคิดมากเลยเรื่องนี้คิดมากไปก็ยิ่งปวดหัวเปล่าๆ !”
พอฟังเหล่าฉันพูดจบ ผมก็คลี่ยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะ
แต่อาจารย์กลับเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงได้ส่ายหัวไปมา “ ที่จริงเรื่องนี้เราทําถูก และผิดในเวลาเดียวกัน หากดูจากมุมของพวก เรา ! เราไม่ผิดแต่ถ้ามองจากมุมของผีตานี ! เธอก็ไม่ผิด สํา หรับเรื่องใครถูกใครผิดมันพูดยากแกต้องหาคําตอบด้วยตัวเอง”
อาจารย์เพิ่งพูดจบ ท่านนักพรตต์ก็พูดขึ้นมาทันที “ เสี่ยวฝานเอ๋ย ! ในโลกมีสิ่งชั่วร้ายมากมายงานที่เราทําอันตรายยิ่งกว่าอะไรแต่เจ้าจงจําเอาไว้อย่างหนึ่งพวกเราทุกคนเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย !
พอฟังท่านนักพรตต์พูดจบ ผมก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง
เรื่องนี้ เราไม่ได้ผิด
ถ้าจะผิด มันก็ผิดที่พวกเราไม่ควรต่อต้าน !
ขณะที่คิดได้แบบนี้ ผมก็ไม่คิดมากอีกต่อไป
ตัวเองเป็นแค่คนปราบสิ่งชั่วร้าย ไม่ใช่แม่พระ เราไม่อาจช่วยทุกสรรพสิ่งได้
ผีตานีทําเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเราทําเพื่อคุณธรรมพวกเราไม่ผิดจะผิดมันก็ผิดที่คิดจะต่อต้าน
หลังมีความคิดแบบนี้ ผมก็ถอนหายใจออกมา
ผมพวกอาจารย์ ที่กําลังยืนสูบบุหรี่อยู่ หลังจากนั้นสองสามนาทีทุกคนก็เริ่มเดินกลับ
ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็กลับมารวมตัวกับเหล่าเฟิงและหยางเฉ่วอีกครั้ง
หลังเหล่าเพิ่งได้พักครู่หนึ่ง เขาก็ดีขึ้นไม่น้อย
พอเห็นพวกเรากลับมา ทั้งสองคนก็ลุกขึ้น แล้วถามพวกเราว่าเป็นยังไงบ้าง
ผมพูดความจริงกับพวกเขา พอทั้งสองคนได้ยินว่าจัดการเรียบร้อยหมดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนครึ่งพอดีในปากล้วยมืดสนิท ทุกคนก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่
จึงถืออาวุธและข้าวของของตัวเองแล้วเดินออกจากปากล้วย
ทันที่………