ตอนที่ 414 ถ้ําชั้นที่สาม
เจ้าสาวกตัวผอมดํานั่นโดยเราขู่จนกลัวหัวหด ไม่มีใครสามารถทําตัวเย่อหยิ่งหรือเยือกเย็น เมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้าได้ทุกคน
สําหรับเจ้าหมอผีตรงหน้าคนนี้ เขาไม่อาจทําได้ยิ่งกว่าใคร ชีวิตเป็นสิ่งสําคัญสําหรับเขามาก
ตอนนี้เขาโดนเหล่าเพิ่งแทงไปแล้วหนึ่งครั้ง จึงรู้สึกได้ถึงลมหายใจแห่งความตาย ความรู้สึกหวาดกลัวแบบนั้นทําให้เขารับไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องยอมจํานน
พอได้ยินคําพูดของหมอผีชั่วคนนั้น ผมก็พยักหน้าให้เขาอย่างเย็นชา “ร่วมมือด้วยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแน่นอน แต่แกอย่าได้ตุกติกเชียว ไม่อย่างงั้น…..”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ผมก็หยุดไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ทําหน้าตาดุร้าย แล้วขู่เขาต่อ “ไม่อย่างงั้น แกได้ตายตรงหน้าพวกเราแน่ เข้าใจไหมฮะ ?”
พอเจ้าผอมดําคนนั้นได้ยินคําพูดของผม มันก็มองพวกเราที่กําลังทําหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ แล้วกลืนน้ําลายอย่างยากลําบาก จากนั้นก็รีบพยักหน้ารับทันที “ออออออ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
หลังจากพูดจบ เจ้าสาวกผอมดําคนนี้ยังฝืนยิ้มออกมา แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ฝืนทนและอึดอัดน่า
พวกเราไม่ได้สนใจ ต่อจากนั้นก็ได้ยินจี่ยเฉิงจิงที่อยู่ด้านข้างพูดสั้นๆ “งั้นก็อย่ามัวพูดมากน่า ทางไปได้แล้ว !”
“ได้ ได้ ท่านนักพรตทุกท่าน เชิญ เชิญตามผม มาทางนี้” หลังจากพูดจบ เจ้าหมอนี่ก็เริ่มนําทาง
ขณะเดียวกัน พวกเราเองก็เดินตามเจ้าหมอนี่ไปติดๆ
ไม่พูดไม่ได้ ถ้ําหินแห่งนี้สลับซับซ้อนมาก นอกจากโพรงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้ว ยังมีร่องรอยจากการเปิดทางของมนุษย์อีกด้วย
และชั้นที่สามของถ้ํานี้ หากคนธรรมดาเข้ามา ต้องมองไม่ออกแน่ว่าทิศไหนเป็นทิศไหน
ภายใต้การนําของเจ้าผอมดํา เราเลี้ยวซ้ายแล้วก็เลี้ยวขวา ผ่านไปไม่นานเราก็มาถึงชั้นที่สาม
ระหว่างนั้นก็ไม่ได้เจอกับพวกสาวกคนอื่น และเห็นผียามเพียงไม่กี่ตัว
แต่ผีพวกนี้เป็นแค่ยามธรรมดาเท่านั้น ภายใต้การนําของเจ้าผอมดํา เราเดินผ่านสถานที่มียามผีพวกนี้เฝ้าได้อย่างง่ายดาย
ตอนพวกเรามาถึงชั้นสาม พวกเราสัมผัสได้ว่าชั้นนี้ไม่ธรรมดาเหมือนที่ผ่านๆมา
พลังหยินในนี้แรงมาก และในอากาศก็มีกลิ่นศพลอยคลัง
ภายใต้ดวงตาสวรรค์ พวกเราพบว่า ภายในถ้ํามียามผีคอยเฝ้าหลายสิบตัว
เจ้าผีพวกนี้ลอยเข้าออกโพรงไปมา ดูเหมือนศพเดินได้ไม่มีผิด
แต่พวกเราสามารถตัดสินได้จากลมหายใจที่พวกมันแพร่ออกมา ยามผีพวกนี้ไม่ธรรมดา หรือจะพูดได้ว่าร้ายกาจมาก
ไม่ปะทะยังดีหน่อย ถ้าเกิดต้องสู้กันขึ้นมา พวกเราต้องโดนรุม จนหนีเอาตัวรอดยากแน่ๆ
หรือแม้แต่โดนทาสผีรุมตายอยู่ที่นี่ ไม่สามารถมีชีวิตรอดออกไปได้
นอกจากทาสผีแล้ว ในช่วงในสุดของถ้ํามีผีดิบที่ยืนนิ่งและหลับตาอยู่สองตน แต่ตัวของผีดิบสองตนนี้
กลับเต็มไปด้วยขนสีดํา
ผมอดไม่ได้ที่จะตกใจ ขนสีดํา นั่นก็หมายถึงผีดิบดํา ความชั่วร้ายที่ดํามืด
ผีดิบดําทั้งสองตน ไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด
เพียงแค่ตัวเดียว ก็สามารถฆ่าพวกเราทุกคนได้แล้ว
คิดไม่ถึงว่าสาขาย่อยแห่งนี้ จะสร้างผีดิบดําออกมาได้ด้วย
พวกมันยืนอยู่ภายใต้บรรยากาศไฟสีเขียวเข้ม สภาพน่าขนลุกขนพองสุดๆเลยละ
พลังหยินและยังมีกลิ่นศพเหม็นฉุนพวกนั้นถูกปล่อยออกมาจากตัวทาสผีและผีดิบทั้งนั้น
“ที่ ที่นี่ก็คือชั้นสามแล้ว หิน หินลี่ลั่วอยู่ห้องด้านในสุด” เจ้าผอมด่าพูดอย่างหวาดกลัว
“ดีมาก ! พาพวกเราเข้าไป ขอแค่พวกเราได้หินลี่ลั่ว และออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย ฉันรับประกันได้เลยว่าจะไม่ฆ่าแก” ผมพูดเบาๆ
เป็นธรรมดาที่เจ้าสาวกนั้นจะรู้ว่าชีวิตของเขาอยู่ในกํามือของพวกเรา พลังของตัวเองโดนผนึก
เอาไว้
และตัวเขาก็มีพลังไม่สูงมาก
แต่พวกเรามีตั้งหลายคน แล้วเขาจะมีทางหนีได้งั้นเหรอ
ตอนนี้เลยได้แต่ทําตามที่พวกเราบอก ถ้าไม่ทําแบบนั้น ผลที่ตามมาก็ต้องเป็นความตายอย่างแน่นอน
เจ้าผอมด่ากลัวตาย และอ่านสถานการณ์ออกอย่างชัดเจน
ตอนนี้เลยไม่ลังเล รีบฝืนยิ้มให้พวกเรา แล้วพยักหน้ารัวๆ “ครับครับครับ ข้าน้อยเข้าใจ”
หลังจากพูดจบ เจ้าผอมดําก็หมุนตัว เดินตรงไปข้างหน้าทันที
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด พวกเราจ้องเจ้าผอมดําด้วยความระแวงสุดๆ
ถ้าเขาขยับตัวผิดแปลกไปจากที่ควรแม้แต่น้อย พวกเราก็จะฆ่าเขาทันที
พวกเราเพิ่งเดินต่อได้ไม่กี่ก้าว เจ้าผอมดําคนนั้นก็ตะโกนไปในถ้ําว่า “หลีกทางให้หมด ข้าจะเข้าไปตรวจดูหินลี่ลั่ว !”
เสียงของเจ้าผอมดําฟังดูน่าเกรงขาม เสียงของเขาเพิ่งดังขึ้น ทาสผีที่ลอยเข้าออกไปมาพวกนั้น
ก็หยุดเคลื่อนไหวดื้อๆ
พวกมันไม่พูดจา และดูเหมือนจะรู้ว่าต้องทํายังไง แต่ละตัวรีบถอยออกไปสองข้างทางทันที
ในเวลาเดียวกันยังก้มหัว และไม่กระดุกกระดิกตัวเลยสักนิด
พอเจ้าผอมดําเห็นแบบนั้น ก็หันมาฝืนยิ้มให้พวกเราแบบน่าเกลียดสุดๆ จากนั้นก็พาพวกเราเดินต่อ
ที่จริงผมใจสั่นมาก เจ้าสาวกคนนี้ได้เป็นแค่ลูกกระจ๊อก เห็นได้ชัดว่ามีตําแหน่งอยู่ในสาขาย่อยแห่งนี้เหมือนกัน
ตัวถ้ําค่อนข้างยาว ประมาณ 40-50 เมตรได้ กว้างประมาณ 3-4 เมตร
การเดินในถ้ํามืดๆแบบนี้ รอบๆยังมีผีร้ายอีกหลายสิบตัว
ได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองตลอดเวลา ผ่านผีร้ายที่ก้มหัวให้ตัวแล้วตัวเล่า ความรู้สึกแบบนั้นมันน่าขนลุกสุดๆ
ผมตั้งสติตลอดเวลา กําดาบไม่ในมือแน่น บนหลังมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาไม่หยุด ไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
สําหรับเหล่าเพิ่งและนุ่ยเฉิงจังแล้วยังมีจิ้งจอกน้อยเสี่ยวเหมย ก็ไม่ต่างอะไรจากผมมากนัก
ตอนนี้พวกเราเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุดของสาขาย่อยองค์กรตาผีแห่งเขาเขี้ยวหมาป่าแล้ว ถ้าในนี้เกิดเรื่องวุ่นขึ้นมา พวกเราออกไปไม่ได้จริงๆแน่
ทุกคนเครียดมาก แต่ก็ต้องกัดฟันเดินต่อไป
ถยาวห้าสิบเมตร กลับทําให้เรารู้สึกเหมือนต้องเดินถึงห้าร้อยเมตร หรือห้าพันเมตร
หลังจากผ่านทางที่พวกทาสผีหลายสิบตัวคอยเฝ้า มาจนถึงห้องที่อยู่ในสุดของถ้ําแล้ว
ผมก็ลดเสียงลมหายใจของตัวเองลง แม้ผีดิบดําจะไม่ได้ลืมตา แต่เจ้าสองตัวนี้ก็หายใจไม่หยุด
“ฮือ…ฮือ….”
เสียงดังมาก ในแต่ละครั้งเปรียบได้กับลมหายใจสุดท้าย
นี่ก็คือเสียงลมหายใจเฉพาะตัวของผีดิบ คนที่ได้ยินมักจะขนลุกเสมอ
และตอนที่เจ้าหมอนพาพวกเรามาถึงตรงนี้ มันก็หยุดอยู่กับที่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับผีดิบด่าที่ยังไม่ลืมตาว่า “หลีกไป ข้าจะเข้าไป”
เสียงเพิ่งเงียบลง ผีดิบดําทั้งสองตัวนั้นก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีเลือดคู่นั้น เหมือนกับของที่ม่อถงเขียนเอาไว้ไม่มีผิด มันทําให้คนรู้สึกถึงแรงกดดัน
( ม่อถง คือนักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง )
ไม่ใช่แค่นั้น ร่างกายที่ดําทะมึนของพวกมัน ยังปล่อยกลิ่นศพที่รุนแรง และฉุนผิดปกติออกมา
ในระหว่างนั้น ผมรู้สึกเย็นหลังวาบๆ จู่ๆก็เกิดใจสั่นขึ้นมา “ตึงๆๆ” หัวใจเต้นแรง
จนดูเหมือนมันจะทะลุออกมาได้แล้ว ผมละกลัวจริงๆว่าเจ้าสองตัวนี้จะไม่สนใจอะไร ตรงเข้ามากัดพวกเราทันที มือกดาบไม่แน่นตามสัญชาตญาณ หรือแม้แต่มีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด
โชคดีที่วินาทีต่อมา เจ้าผีดิบดําสองตัวนั้นไม่ได้ยกแขนขึ้น หรือแยกเขียวออกมา มันเพียงแค่สูดดมกลิ่นของเจ้าผอมดําสองสามครั้ง หลังจากยืนยันตัวตนแน่ชัดแล้ว
หวกมันก็หมุนตัว กระโดดไปด้านข้างหลีกทางให้กับพวกเรา หลังจากนั้นก็ยืนนิ่งๆ เผยให้เห็นประตูทางเข้าห้องสุดลึกลับ
หลังจากพวกมันยืนได้ที่แล้ว เจ้าผีดิบดําสองตัวนี้ก็หลับตาลงอีกครั้ง เก็บกลิ่นศพที่เหม็นคลุ้งและไม่ขยับตัวอีก..