ตอนที่ 432 พักฟื้น
ขณะมองเสี่ยวม่าน ผมได้แต่ฉีกยิ้มอย่างล่าบากใจ
ถึงผมกับเสี่ยวม่านจะไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปี แต่มิตรภาพตั้งแต่สมัยเด็ก ยังคงอยู่ในใจพวก เรามาโดยตลอด
ผมเกาหัว “เอ่อ ตกลง! งั้นเดี๋ยวพอว่างแล้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอนะ”
พอเสี่ยวม่านได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็อดทําปากไม่ได้ “ข้าวไม่ต้องหรอก นายเลี้ยงหนังฉันดีกว่า”
“ดูหนัง ?” ผมค่อนข้างงง ดูหนังอะไร และดูหนังมันจะเท่าไหร่เชียว คงไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น
เสี่ยวม่านกลับดูจริงจังมาก “ทําไม ? ไม่เลี้ยงงั้นเหรอ ?”
“ไม่ไม่ไม่ เลี้ยง งั้นเดี๋ยวนัดกัน แล้วฉันจะพาเธอไปดูหนังนะ”
พอฟังผมพูดจบ เสียวม่านก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ” ออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าเธอดีใจมาก
“ห้ามคืนคํานะ !”
“อือ ไม่คืนคํา” ผมงงหน่อยๆ ดูหนังมันมีดีขนาดนั้นเลยเหรอ ต้องดีใจถึงขนาดนั้นเลย
แต่เสี้ยววินาทีต่อมา เสี่ยวม่านก็พูดต่อทันที บอกว่าพอถึงตอนนั้นให้ผมขับรถตัวเองไปรับเธอ ที่บริษัท
ผมเกาหัวรถผม นั่นเป็นแค่รถติดธรรมดาๆนะ แต่บ้านเสียวม่านกลับมีรถหรูระดับรถเบนซ์เลยนะ
“เสี่ยวม่าน รถของฉันคันนั้นมันเป็นรถตู้นะ ไม่ได้ดูหรูหราอะไร” ผมค่อนข้างอายนิดๆ
“ไม่เป็นไร ฉันชอบ แถมเจ้ารถคันนั้นของนายฉันยังไม่เคยนั่งเลย ครั้งหน้าฉันจะได้ถือโอกาส นั่งกินลมชมวิวพอดี” เสี่ยวม่านพูดอย่างมีความสุข
ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอได้ยินเสี่ยวม่านพูดถึงขนาดนั้น ผมก็รู้สึกว่าเธอคงนั่งรถเบนซ์ จนเบื่อแล้ว
คงอยากนั่งรถตู้ไม่กี่หมื่นหยวนดูบ้าง
ผมพยักหน้า รับปากเสี่ยวม่านหลังจากหายแล้ว ผมจะไปรับเธอที่บริษัท จากนั้นก็จะพาเธอไปดูหนัง
เพื่อตอบแทน ที่เธอมาดูแลพวกเราในช่วงไม่กี่วันนี้
ผ่านไปไม่นาน พยาบาลก็เข้ามา หลังจากเห็นผมฟื้นแล้ว เธอก็ไปตามหมอเข้ามาดูอาการสองคน
หลังจากตรวจและถามอาการเรียบร้อย พวกหมอก็กําหนดวิธีรักษาให้ผมใหม่
อันที่จริง ! ผมคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว อย่างมากก็ แค่กลับไปพักผ่อนอยู่บ้านหลายวันหน่อยเท่านั้น
แต่เสี่ยวม่านกลับยืนกรานบอกให้ผมนอนโรงพยาบาลต่ออีกสักสองสามวัน
ผ่านไปไม่นาน อาจารย์ ท่านนักพรตต์และคนอื่นก็กลับมา
หลังอาจารย์เห็นผมฟื้นแล้ว เขาก็ดูจะดีใจมาก
แต่หลังจากดีใจเสร็จ ผมก็เห็นอาจารย์ทําหน้าเข้ม “แกไปทําอะไรมาอีกฮะ ? ไม่ได้บอกไป งานเลี้ยงรุ่นหรือยังไง ทําไมถึงทําตัวเองเจ็บไปทั้งตัว จนต้องเข้าโรงพยาบาลฮะ ?”
ผมค่อนข้างไปไม่ถูก ตอนออกจากบ้าน ผมโกหกอาจารย์
“เอ่อ เอ่อคือแค่ไปเจอปัญหามานิดหน่อยน่า แต่ตอนนี้ก็ปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอ ?”
อาจารย์ผมโมโหจนหน้าแดง แต่เห็นสภาพผมยังให้น้ําเกลืออยู่ เขาก็ด่าผมไม่ลง
ต่อจากนั้น เพราะที่บริษัทมีงาน เสี่ยวม่านเลยขอตัวกลับก่อน
พอเสี่ยวม่านกลับไปแล้ว ในห้องก็เหลือแต่พวกเราไม่กี่คน
อาจารย์และท่านนักพรตต์ทําหน้าเข้มอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “แกไปทําอะไรมากันแน่ฮะ ? ไปเจออะไรมา ถึงได้บาด เจ็บหนักขนาดนี้ ถึงกับนอนสลบไปตั้งสามวันสามคืน”
ผมปิดเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกแล้ว ผมก็บอกอาจารย์ว่าผมไปสาขาย่อยของ องค์กรตาผีมา
พออาจารย์และท่านนักพรตต์ได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
จากนั้นก็รีบถามหาที่มาที่ไป ว่าที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ผมไม่รอช้า รีบเล่าเรื่องที่เจอทั้งหมดให้พวกเขาฟังทันที
แน่นอน เรื่องมู่หลงเหยียนผมปิดเอาไว้ไม่มิดแน่ๆ
ดังนั้นผมเลยใช้คําว่า “ผู้พิทักษ์” มาแทนที่ บอกว่าพวกเราไปเขาเขี้ยวหมาป่าเพื่อขโมยน้ําลี่ลั่ว
พออาจารย์ได้ยินค่าว่า “ผู้พิทักษ์” ก็รู้ทันทีว่าผมก่าลังพูดถึงใคร
ตอนนี้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ทําไมตอนไปไม่บอกฉันฮะ ? แกดูซิมันอันตรายขนาดไหน เกือบ ไม่รอดกลับมาแล้วเห็นไหม”
ผมคลี่ยิ้มให้อาจารย์ “ก็แค่เกือบไงอาจารย์ ! พวกเราไม่เป็นอะไร แถมไปคราวนี้ ยังได้ข้อมู ลกลับมาไม่น้อยเลยนะ ผมเริ่มเข้าใจพลังอํานาจของสาขาย่อยองค์กรตาผีบ้างแล้ว……”
ต่อจากนั้น ผมก็เล่าสถานการณ์ในสาขาย่อยแห่งนั้นให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด
หลังจากท่านนักพรตต์และอาจารย์ฟังผมพูดจบ ก็อดสูดหายใจเข้าอีกรอบไม่ได้ พวกเขารู้สึก ช็อกกับสิ่งที่ผมเล่าเมื่อกี้มาก
พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่า ในสาขาย่อยขององค์กรตาผี จะมีทาสผู้จํานวนมหาศาลแบบนั้นอยู่ ด้วย
ทาสผีจํานวนมหาศาลขนาดนั้น หากถูกปล่อยออกมาจริงๆ เขาจะหยุดพวกมันไหวงั้นเหรอ
ผมเห็นตาแก่สองคนเงียบ เลยถามถึงอาการของพวกเหล่าเพิ่ง
อาจารย์และท่านนักพรตต์ตอบกลับผมว่า พวกเขายังสลบอยู่ อาการไม่แย่มาก กําลังอยู่ใน ช่วงพักฟื้น
หมอบอกว่า น่าจะฟื้นขึ้นมา ในช่วงไม่กี่วันนี้
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ
ต่อจากนั้น พวกเราก็คุยกันต่ออีกพักหนึ่ง จากนั้นตาแก่สองคนนี้ก็โดนพวกหมอไล่ออกไป บอกว่าต้องให้ผมพักผ่อนเยอะๆ
พอกินโจ๊กแล้ว ผมก็กลับไปนอนต่อ
แต่ในใจ กลับคิดถึงมู่หลงเหยียน หลังจากพวกเราออกมาแล้ว ไม่รู้พวกเธอเป็นยังไงบ้าง จะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยไหม
ผมนอนหลับไปพร้อมกับใจที่กระวนกระวาย
ร่างกายผมก็ร้ายกาจเกิน พอหลับไป ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งวัน
แต่หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็ได้ยินข่าวดี นุ่ยเฉิงจัง เหล่าเฟิงและยังมียัยจิ้งจอกน้อยต่าง ฟื้นหมดแล้ว
แต่ยัยจิ้งจอกน้อยไม่ใช่คน พอฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นกับทุกอย่างในห้อง หรือแม้แต่เกือบ ทําร้ายคน
โชคดีที่พวกอาจารย์เข้าไปทันเวลา อธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาต้องร้า ยแรงมากแน่ๆ
ตอนนี้ทุกคนอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาล อย่างมากก็ต้องอยู่อีกสองวันถึงจะออกจากโรง พยาบาลได้
วันนี้ผมสามารถลงมาเดินขยับร่างกายได้แล้ว ร่างกายยังดูมีพลัง ฟื้นตัวได้ดีมาก
ตอนผมไปเจอเหล่าเพิ่งและพวกจี่ยเฉิงจึง พวกเราก็ทักทายกัน หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง
เวลาสองวัน หายวับผ่านไปในพริบตา
วันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้า พักอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นอะไรที่ไม่สบายจริงๆ
เราให้พวกอาจารย์ไปทําเรื่องออกโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากนั้นก็ออกมาจากโรงพยาบาลทันที
ฉ่ยเฉิงจึงไม่ไปกับพวกเรา เธอบอกว่าจะกลับไปที่มหาลัย
หลังแยกกันที่ทางเข้า พวกเราก็ขับรถตรงกลับต่าบลชิงฉือทันที
พอมาถึงตําบลชิงฉือ ผมซื้อไก่มาหลายตัว ให้จิ้งจอกน้อยเอากลับไปกินที่ศาลเจ้าหลักเมือง
ส่วนพวกเราก็กลับไปพักที่บ้านของใครของมัน เพิ่งมาถึงบ้าน ผมก็จุดธูปให้น้องศพทันที
ในเวลาเดียวกันก็พูดกับป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนว่า “น้องศพ น้องศพ เธอกลับมาอย่างป ลอดภัยไหม ?”
ผมจ้องป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียน รอให้เธอตอบกลับ
หลังจากนั้นประมาณสองสามวินาที จู่ๆก็มีพลังหยินออกมาจากป้ายวิญญาณ
ต่อจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงมู่หลงเหยียนดังอยู่ในหู “ฉันกลับมาแล้ว ซึ่งฝาน ตอนนี้นายสบาย ดีไหม ?”
จู่ๆก็ได้ยินคําพูดแบบนั้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะดีใจ
มู่หลงเหยียนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่ผมกลับเงียบไปพักหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อกี้มู่หลงเหยียนเรียกชื่อผม ไม่ใช่ “เจ้ากาก” อะไรนั่นแล้ว สําหรับผู้หญิงเจ้าอารมณ์ระดับ มู่หลงเหยียน เรื่องนี้เป็นอะไรที่เจอได้น้อยมาก
สงสัยการเดินทางไปเขาเขี้ยวหมาป่าครั้งนี้ จะทําให้ภาพผมในใจของเธอเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
ผมดีใจมาก คิดว่าระยะห่างระหว่างผมกับเธอ เริ่มน้อยลงเรื่อยๆแล้ว
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย ก็ได้ยินผมพูดว่า “เอ่อ ฉันพักที่โรงพยาบาลมาสองสามวันแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว เอ่อฉันไปหาเธอดีไหมคืนนี้”