ตอนที่ 484 กังวลเรื่องการแต่งงานต้องห้าม
ภายใต้การนําของสาวใช้ผมมาถึงเรือนด้านหลังที่มู่หลงเหยียนอยู่อย่างรวดเร็ว
เพิ่งมาถึงหน้าประตูผมก็เห็นมู่หลงเหยียนและยายโม่กาลังดวลดาบกันอยู่
ทั้งสองคนสู้กันได้ดุเดือดมาก สายลมพาดพัดอย่างรุนแรง รู้สึกได้เพียงพลังหยินที่กลายเป็นสายลมอันเยือกเย็นพวกมันพัดไปรอบๆอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่พวกเธอปะทะกันจะมีเสียงลม “ฮๆๆ” ดังขึ้นตลอด
เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็อดเคลิ้มไม่ได้ ร้ายกาจสุดๆไปเลย
รู้สึกแค่ระหว่างตัวเองกับพวกเธอ มีช่องว่างที่ใหญ่โครตๆกันอยู่
เพลงดาบของมู่หลงเหยียนทรงพลังมากดาบในมือเปลี่ยนเป็นพันท่าดูเฉียบขาดมาก
ไม้เท้าหัวมังกรในมือยายโม่ ก็ดูน่าเกรงขามทุกครั้ง ยายโม่ดูไม่เหมือนคนแก่เลยสักนิด
สาวใช้เพิ่งพาผมมาถึงตรงนี้ เธอก็พูดกับมู่หลงเหยียนที่กําลังดวลดาบอยู่ว่า “คุณหนู คุณผู้ชายมาเจ้าค่ะ !”
มู่หลงเหยียนไม่ได้หยุดทันที เธอตอบกลับในขณะสู้กับยายโม่ “ไปหยิบของที่อยู่ในห้องฉันออกมา !”
“เจ้าค่ะคุณหนู !” สาวใช้ตอบกลับได้แข็งมาก จากนั้นเธอก็คารวะ แล้วโค้งตัวถอยออกไป
สาวใช้เพิ่งออกไป ผมก็เห็นไม้เท้าหัวมังกรของยายโม่และดาบของมู่หลงเหยียนปะทะกันอีกรอบ
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ทันใดนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงสายลมที่รุนแรง ยายโม่โดนผลักให้ถอยออกไปทันที
หลังยืนได้ที่แล้ว ยายโม่ก็หยุดเคลื่อนพลัง จากนั้นก็ยิ้มให้มู่หลงเหยียน “ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ในที่สุดคุณหนูก็ทะลุคอขวด เลื่อนไปอีกขั้นแล้ว !”
พอได้ยินคําพูดนี้ ใจผมก็อดมีเสียงดัง “บิ๊ก” ไม่ได้พร้อมกันนั้นม่านตาก็ขยายใหญ่ทันที
แม่เจ้า มู่หลงเหยียนพัฒนาขึ้นอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าล้มเหลวเวลาสั้นๆแค่นี้ก็ทะลุคอขวดได้แล้วงั้นเหรอ
ผมตกใจอย่างแรงแต่ก็ดีใจมากเช่นกัน
มู่หลงเหยียนยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ความมั่นหน้าของผมก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดูซิต่อไปใครจะกล้ามาหาเรื่องผม
ถ้ากล้าหาเรื่องผมผมก็จะเรียกเมียผีสุดแกร่งของผมออกมา อัดเจ้าหมอนั้นให้สิ้นเรื่อง
ผมยังไม่ทันได้สติ มู่หลงเหยียนก็เผยรอยยิ้มออกมา “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการไปสู้ที่เขาเขี้ยวหมาป่าจะทําให้หาจุดทะลุคอขวดได้ !”
พอยายโม่ได้ยินถึงตรงนี้ เธอก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆ” ออกมา แล้วหันมาทางผม “คารวะคุณผู้ชายเจ้าค่ะ !”
ส่วนผมก็ได้สติกลับมาเช่นกัน ผมเดิมเข้าไปอย่างมีความสุข “คารวะยายโม่ น้องศพ ดีใจด้วย !”
ผมพูดไปทํามือคารวะยายโม่ไป
เห็นได้ชัดว่ามู่หลงเหยียนอารมณ์ดีมาก พอเห็นผมเดินเข้ามา เธอก็พูดพร้อมรอยยิ้ม “เจ้ากาก มาเร็วจริงนะ !”
“ฮ่าๆๆ ก็ไม่ได้คิดถึงเธอแล้วมาหาหรือไง ?” ผมทําหน้าด้าน
พอมู่หลงเหยียนได้ยินถึงตรงนี้ เธอกลับทําปากมุ่ย แล้วกลอกตาตามที่จิตใต้สํานักบอก
แต่คราวนี้ มันกลับไม่เหมือนครั้งก่อนๆ แม้จะทําหน้าดใส่ผม แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร
ส่วนยายโม่ที่อยู่ข้างๆ กลับทําตาที่ ส่งเสียงหัวเราะอันแหบแห้งออกมา
หลังมาถึงตรงหน้ามู่หลงเหยียนแล้ว มู่หลงเหยียนพึ่งยอมพูดกับผม “เจ้ากาก ช่วงนี้ไม่ได้ไปสั่งสอนนายกล้าขึ้นทุกวันแล้วนะยะกล้าพูดเล่นกับฉันแล้วใช่ไหมฮะ ?”
พอพูดมาถึงตรงนี้ มู่หลงเหยียนก็แกล้งทําตัวเป็นแม่เสือร้าย
ผมกลับเกาหัวไปมา “ก็ ก็ฉันพูดจริงนิ”
“จะจริงขนาดไหนกันยะ” มู่หลงเหยียนถามต่อ น้ําเสียงฟังดูขี้เล่นหน่อยๆ
“ฟ้าดินเป็นพยานจันทราและสริยันพิสูจน์ได้ !” ผมพูดต่อ แม้แต่ยิมออกมาด้วย
ถึงจะดูหน้าด้านไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมพูดเป็นสิ่งที่มาจากใจจริงทั้งหมด ผมคิดถึงมู่หลงเหยียนจริงๆ
มู่หลงเหยียนกลับไม่สบอารมณ์ “ พอเถอะ ! อย่าคิดว่าช่วงที่ฉันเก็บตัวฉันจะไม่รู้ว่านายไปทําอะไรมาบ้างนะยะ ! รอบตัวนายมีสาวสวยวนเวียนอยู่ไม่น้อย รอให้ถึงเวลาที่ฉันหาวิธีแก้การแต่งงานนี่ได้ก่อนเถอะ
นายจะได้เป็นอิสระอยากจะคิดถึงใครก็คิดไปเถอะย่ะ ! ”
มู่หลงเหยียนกอดอกขณะพูดค่าพูดพวกนี้
แต่พอผมได้ยินแบบนั้นกลับรู้สึกเศร้าไม่มากก็น้อย
ความรู้สึกแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ หรือแม้แต่แอบคิดอย่างไม่รู้ตัวว่าอย่ายุติการแต่งงานของพวกเราสองคนหรือไม่ต้องแก้หาทางยุติมันตลอดกาล……
แน่นอน มันต้องมีเหตุอยู่แล้วว่าทําไมการแต่งงานกับผีถึงเป็นเรื่องต้องห้าม
หากไม่ยุติ คนที่ต้องทรมานก็คือผม
อาจารย์เคยบอกว่า ตอนที่จัดงานแต่งผีให้ผม เป็นแค่แผนชั่วคราว และอยากรักษาชีวิตของผมเท่านั้น
แม้การแต่งงานผีจะมีดี แต่มันก็มีข้อเสียเช่นกัน
และข้อเสียก็คือจะส่งผลต่ออายุขัย
คนและผีมีเส้นทางที่แตกต่างในฐานะที่ผมเป็นคน หลังแต่งงานกับผีแล้ว อายุขัยของตัวเองก็จะค่อยๆเดินเร็วขึ้นกว่าสองเท่าของคนปกติ
เช่นผมอยู่ได้ 60 ปี ถึงผมจะไม่เข้าใกล้คู่ครอง รักษาระยะห่างระหว่างมู่หลงเหยียนตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ หรือเจอสถานการณ์ที่แตะต้องตัวกัน
ผมก็อาจจะมีชีวิตได้ถึงอายุ 40 หรือไม่ก็น้อยกว่านั้นหน่อย
ตอนผันมาเอาชีวิต อาจารย์เองก็ไม่มีทางเลือก ด้วยความอับจนหนทาง เลยคิดจะรักษาชีวิตของผมเอาไว้ด้วยวิธีนี้
เพราะมู่หลงเหยียนบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นวิญญาณเกือบแตกสลาย
ด้วยความบังเอิญ เธอเลยมาแต่งงานกับผม
เพราะเงื่อนไขพิเศษของการแต่งงาน ทําให้มู่หลงเหยียนไม่เพียงรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ เธอยังใช้งานแต่งงานนี้ใช้พลังชีวิตของผมมารักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง
ถึงการแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นง่าย แต่หากคิดจะยุติ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นอย่างน้อยอาจารย์ของผมก็จนปัญญา
ในช่วงเวลาระหว่างนั้น ผมเลยมีชีวิตผูกติดกับเธอ
ในสมองมีเรื่องที่ไม่อยากนึกถึงผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน
มู่หลงเหยียนและยายโม่เห็นผมทําท่าครุ่นคิด หรือแม้แต่หน้าตายังดูเคร่งขรึมขึ้น สีหน้าของพวกเธอเลยอดเปลี่ยนไปไม่ได้
ยายโม่ที่ไม่พูดมาโดยตลอดกลับพูดขึ้นมาในเวลานี้ “ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะคุณผู้ชาย หากมีวิธีผูกก็ต้องมีวิธีแก้เจ้าค่ะ แม้การแต่งงานของคนเป็นกับคนตายจะเป็นเรื่องต้องห้าม แต่มันก็ต้องมีวิธียุติแน่เจ้าค่ะ”
“คุณผู้ชายยังหนุ่มแน่นแข็งแรง ยังมีอายุอยู่ได้อีก 30-50 ปี พวกเรายังมีเวลาหาทางยุติเรื่องนี้อีกเยอะเจ้าค่ะ”
จู่ๆก็ได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น เธอคิดว่าผมกังวลว่าจะยุติการแต่งงานนี้ไม่ได้ แล้วตัวผมจะตายตาม
แต่กลับไม่คิดว่า ที่จริงแล้วสิ่งที่ผมคิดถึงมากกว่านั้นคือ การรักษาความสัมพันธ์นี้กับมู่หลงเหยียน
ผมไม่อยากสูญเสียความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราสองคนไป
เพราะผมรู้ตัวแล้วจริงๆ ว่าผมชอบมู่หลงเหยียน
บางครั้งก็คิดถึงเธอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แม้เธอจะดุมาก และเจ้าอารมณ์สุดๆ…
…
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ฉีกยิ้มให้ยายโม่ “ยายโม่ ผมไม่ได้คิดมากเรื่องนั้น ถ้าไม่ได้น้องศพผมคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตายในมือเจ้าผีตนนั้น”
“ที่ผมมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็นท่าไรชีวิตทั้งนั้น ถึงสุดท้ายจะยุติเรื่องนี้ไม่ได้ แม้จะตายเพราะมันหรือวิญญาณแตกสลายผมก็ไม่กลัว”
ผมพูดอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ ที่จริงนี่คือความในใจของผม
มู่หลงเหยียนกลับกลอกตาให้ผม “พูดบ้าอะไร ? นายอยากตาย แต่ฉันไม่อยากตายนะยะ ! จากความเข้าใจของพวกเรานายกับฉันยังอยู่บนเส้นขนานเดียวกัน มีชีวิตร่วมกัน หากอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมาอีกฝ่ายก็จะเจอหายนะตามไปด้วย”
“ถ้าเทียบกันแล้ว นายจะเจอปัญหาน้อยหน่อย แต่ถ้าฉันตายในการแต่งงานนี้ ฉันจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นยังไงก็ต้องหาทางยุติการแต่งงานนี้ไม่ว่าจะเป็นนายหรือฉัน มันก็ดีด้วยกันทั้งนั้น…..”
มู่หลงเหยียนพูดออกมาที่ละค่าๆ แต่จากแววตาของเธอมันบ่งบอกว่าเป็นห่วงผมอย่างชัดเจน