ตอนที่ 498 ศาสตร์ฉีเหมินตันเจี้ย
จู่ๆก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดถึง “ฉีเหมินตันเจีย” สี่คํานี้ ผมเลยอดไม่ได้ที่จะตกใจพอสมควร
สี่คํานี้ผมเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเรียน แม้แต่ผิวเผินผมยังไม่เคยแตะ
หรือแม้แต่คนที่เข้าใจศาสตร์ฉีเหมินตันเจี่ย ก็ยังมีน้อยยิ่งกว่าน้อย หรือจะพูดในหมื่นคน ไม่มีใครสักคนที่สามารถฝึกไปถึงขั้นสูงได้
สําหรับเราทุกคน ศาสตร์ฉีเหมินตันเจี้ย ต้องเป็นคําที่เคยได้ยินมาแล้ว เพียงแต่จะแตกต่างกันที่น้อยหรือมากเท่านั้น
เนื่องจากศาสตร์ฉีเหมินตันเจี้ย มีผลต่อชีวิตมนุษย์เยอะมาก มันกระจายอยู่ในทุกด้าน
หนึ่งในศาสตร์ที่สําคัญที่สุด ก็คือฮวงจัย เข็มทิศ โหราศาสตร์
เพราะฮวงจุ้ย เข็มทิศและศาสตร์อื่นๆ ก็คือผลพวงที่สืบต่อมาจากฉีเหมินตันเจี้ย
หากพูดถึงฉีเหมินตันเจี้ย มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะไม่รู้จัก
แต่ถ้าหากให้ใครบางคนเล่าถึงมัน ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร
เพราะเนื้อหาในศาสตร์ฉีเหมินตันเจียยากมากและเยอะมาก ในวิชาต้นกําเนิดสรรพชีวิต มันเป็นอะไรที่ยากมาก เป็นตัวที่มีเนื้อหาซับซ้อนที่สุด
และศาสตร์ฉีเหมินตันเจี้ยที่จริงเป็นชื่อรวมของสามบทความ แยกเป็น ฉีเหมิน และตุ้นเจีย
ในสามบทความนี่ควบคุมทุกอย่าง หนึ่งในนั้นก็มีฮวงจัย งานสร้าง ค่ายกลการหลบหนีและอื่นๆ
ศาสตร์ที่ร้ายกาจที่สุด น่าจะเป็นค่ายกล ได้ยินมาว่าหากเรียนศาสตร์ฉีเหมินตันเจียไปจนถึงระดับลึกแล้ว
จะสามารถใช้ลมปราณในร่างกาย หรือแม้แต่ภูเขาแม่น้ํามาทําเป็นค่ายกลได้ จากนั้นก็จะสามารถใช้ค่ายกลพวกนี้ มาซ่อนตัวตน หรือใช้พลังจากขุนเขา แม่น้ํา ดวงดาวได้อย่างอัศจรรย์สุดๆ
คนประเภทนี้ มีแต่ในตํานานเท่านั้น เพราะยังไม่เคยมีใครเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน
ส่วนปีศาจที่หนีไปตนนั้น ก็อาจเป็นปีศาจที่เคยฝึกศาสตร์ฉีเหมินตันเจี้ยมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหมอนี่เลยใช้วิชาพิเศษของฉีเหมินตันเจี้ย ใช้หมอกดําอําพรางกาย แล้วสุดท้ายถึงได้หนีรอดไปจากเงื้อมมือพวกเราได้
หรือสามารถเข้าใจได้ง่ายๆว่า เจ้าหมอนี่ใช่วิชาพรางตากับพวกเรา วิชาพรางตาแบบนี้เป็นวิชาที่ค่อนข้างล้ําเลิศพอสมควร
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจรู้สึกเสียใจไม่น้อย
หากเป็นแบบนี้ เราก็จะมีศัตรูตัวฉกาจเพิ่มอีกคน
เพิ่งคิดถึงตรงนี้ เหล่าเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “ก่อนหน้านี้ท่านหลิงอะไรนั่นก็หนีไปได้ ตอนนี้ยังมีท่านเทพอีกคน บ้านเราทุกวันนี้ ยิ่งวุ่นวายขึ้นทุกวัน !”
พอได้ยินเหล่าเฟิงพูดถึงขนาดนี้ ผมก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เหล่าเฟิงพูดถูก ที่นี่มีการต่อสู้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้ยังมีท่านเทพสํานักสื่อเย่เฉินโผล่มาอีกคน และยังแข็งแกร่งมาก รู้จักการใช้ศาสตร์ฉีเหมินตันเจียด้วย
วันนี้ไม่อาจกําจัดเขาได้ วันข้างหน้าหากเจอกัน ผลที่ตามมาคงพูดยาก
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วจะคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดกับเหล่าเฟิงว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา พวกเราไปดูเหล่าฉันกับท่านนักพรตทั้งสองก่อนเถอะ !”
หลังได้ยินผมพูดแบบนั้น เหล่าเฟิงก็พยักหน้ารับเบาๆ
หลังคนอื่นกวาดสายตามองรอบๆเสร็จ และไม่เห็นร่องรอยของปีศาจเสือดาวแล้ว ก็ทยอยเดินกลับมาทีละคน
ต่อจากนั้น พวกเราก็หมุนตัวสายตาจับจ้องไปทางเหล่าฉินและท่านนักพรตทั้งสอง
ผมพบว่าเหล่าฉันนอนสลบอยู่บนพื้น การกลายร่างของเขาได้หยุดลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าควบคุมพลังปีศาจพวกนั้นได้แล้ว
ส่วนท่านนักพรตทั้งสอง ภายใต้ความช่วยเหลือของยายโม่และอู่ซึ่งหลง การกลายร่างของพวกเขาก็ค่อยๆชะลอลงแล้ว จัดว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเหล่าฉัน
มู่หลงเหยียนเองก็ไม่ได้ทําตัวว่างงาน เธอเดินตรงเข้าไปแทนที่อู่ซึ่งหลง เริ่มช่วยขจัดพิษให้นักพรต
หวังเฉิงกาน ควบคุมพลังปีศาจในร่าง
ทุกคนต่างจับตามองกันอย่างใกล้ชิด หลังผ่านไปได้ประมาณหนึ่งนาที ยายโม่ก็ประทับฝ่ามือลงไปแรงๆหนึ่งครั้ง
นักพรตเฉินจื่ออี้ตัวสั่น แล้ว “อั่ก” กระอักเลือดออกมาทันที เพราะนักพรตเฉินจื่ออี้มีพื้นฐานที่
หลังกระอักเลือดออกมาแล้ว จึงไม่ได้สลบเป็นตายเหมือนเหล่าฉัน เขาค่อยๆฟื้นขึ้นมา
ตอนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าสองสามครั้ง จากนั้นก็ทํามือคารวะยายโม่
“ขอบคุณสหายที่ช่วยชีวิต !”
ยายโม่ยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรๆ”
“อาจารย์ลุง ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ?” นุ่ยเฉิงจังและซ่งซานเหอพูดด้วยความเป็นห่วง
นักพรตเฉินจื่ออี้โบกมือ บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว จากนั้นก็สั่งให้ฉัยเฉิงจังและซงซานเหอ
นําเรื่องราวในวันนี้ และเรื่องที่เกิดกับเขาไปบอกทางสํานักให้เร็วที่สุด
จุ่ยเฉิงจังและซ่งซานเหอเองก็ไม่รอช้า พยักหน้ารับทันที
ในเวลาเดียวกัน เพราะหวังเฉิงกานมาช่วยรักษานักพรตหวังเฉิงกานแทนอู่ซึ่งหลง อู่ซึ่งหลง จึงได้ออกมาพัก ส่วนพวกเราในเวลานี้ก็ได้แนะนําตัวสั้นๆ
เจ้าอู่ซึ่งหลงคนนี้ ดูท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เมื่อเทียบกับซงซานเหอแล้ว เขาพูดจาหนักแน่น
และดูไม่ได้เป็นคนเหลาะแหละขนาดนั้น
ต่อจากนั้น พวกเราก็รอกันอยู่ที่นี่
ท้ายที่สุด หลังได้ม่หลงเหยียนช่วย พลังปีศาจในตัวนักพรตหวังเฉิงกาน ก็ได้ถูกขับออกมาจำนวนมาก
มันเปลี่ยนเป็นการกระเลือดออกมาหนึ่งครั้ง ทุกอย่างกระเซ็นเต็มพื้น
ตอนนี้อาการของนักพรตเฉินจื่ออี๋และนักพรตหวังเฉิงกานคงที่แล้ว ใจของผมเลยเริ่มเป็นห่วงอาจารย์และท่านนักพรตต์
เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้ข่าวจากพวกเขาเลย จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาว่าเป็นยังไงบ้าง
แต่ในขณะที่ผมกําลังเป็นห่วง จู่ๆโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
ทุกคนหันมามองผมทันที ผมไม่ลังเลเลยสักนิด รีบหยิบขึ้นมาดูทันที
ทันใดนั้นผมก็พบว่าคนโทรไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คืออาจารย์
เมื่อเห็นอาจารย์โทรมา ผมก็ดูดีใจพอสมควร นี่น่าจะเป็นการโทรบอกให้สบายใจของอาจารย์
เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมได้บอกอาจารย์ไปแล้ว ถ้าสถานการณ์ของเขาคงที่แล้ว ก็ให้โทรศัพท์
มาหาผม
ดังนั้น ผมเลยรีบกดรับสายทันที
แต่เพิ่มรับสาย ผมก็ได้ยินเสียงที่เร่งรีบ “เสี่ยวฝาน แย่แล้ว เหล่ากลายร่างแล้ว…..”
เพราะรอบๆเงียบมาก และทุกคนยังคอยจับจ้องมาที่โทรศัพท์ของผม
ดังนั้นเมื่อทุกคนเลยได้ยินเสียงของอาจารย์
และเพิ่งได้ยินถึงตรงนี้ ทุกคนก็รู้สึกชาวาบขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะเหล่าเพิ่งและพี่เฟิง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
เหล่าเพิ่งรีบพูดขึ้นว่า “อา อาจารย์ ลุงติง อาจารย์ผมเป็นอะไรไป ?”
ขณะพูด เหล่าเฟิงก็แย่งโทรศัพท์ไปจากมือผมแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากังวลและกลัวมาก
ต่อจากนั้น อาจารย์ก็ตอบกลับด้วยน้ําเสียงท้อใจ “ เสี่ยวเฟิง อา อาจารย์ของเธอกลายร่างแล้ว ตอนนี้เสีย
เสียสติไปแล้ว ฉันกําลังวิ่งตามเขาอยู่……
“ลงติง อาจารย์ผม อาจารย์ผมอยู่ที่ไหน ? ตอนนี้พวกเราอยู่ในสวนสาธารณะ” เหล่าเพิ่งรีบพูด
อาจารย์เองก็ไม่รอช้า รีบพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เหล่าอยู่ อยู่ที่ริมแม่น้ํา พวกนายอยู่ใกล้แม่น้ําไหม รีบมาหยุดเขาเอาไว้เร็ว……”
เสียงของอาจารย์เพิ่งเงียบลง ทุกคนยังไม่ได้ตอบสนองใดๆ พี่เฟิงในฐานะวิญญาณ ก็เคลื่อนตัวออกไปจากสวนสาธารณะอย่างรวดเร็ว และเริ่มลอยตัวไปที่แม่น้ํา
เหล่าเฟิงเองก็ไม่ชักช้าเลยสักนิด เขาตะโกนออกมาหนึ่งครั้ง “อาจารย์” จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่แม่น้ําทันที
ท่านนักพรตตู๋กลายร่าง สําหรับเหล่าเฟิงแล้วมันเป็นระเบิดลูกใหญ่
หากเป็นแบบนี้ เมื่อท่านนักพรตต์ได้กลายร่างเป็นปีศาจขั้นแรก แล้วพลังปีศาจที่มีเปลี่ยนร่างกายเขาอย่างสมบูรณ์ หากคิดจะขจัดออกไป คงยากน่าดู
แม้ตอนนี้ จะยังไม่มีวิธี แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้น เราก็ไม่มีทางปล่อยท่านนักพรตตูไปอย่างงั้น เราไม่มีทางให้ท่านนักพรตต์กลายเป็นปีศาจไปกว่านี้ เสียสติ เปลี่ยนเป็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งคน และปีศาจอย่างแน่นอน
ดูเหมือนเหล่าเพิ่งจะเป็นบ้าไปแล้ว เขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
สําหรับผม ท่านนักพรตตู๋ก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต ผมย่อมไม่ทําตัวชักช้าแน่นอน
ผมพูดกับหยางเจ่ว นุ่ยเฉิงจังและคนอื่นๆสั้นๆ “หยางเจ่ว นุ่ยเฉิงจัง พวกเธอพาท่านผู้อาวุโสกลับไปพักผ่อนก่อน พวกเราไปเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็กลับ……”
หลังจากพูดจบ ผมก็หันไปมองมู่หลงเหยียนและยายโม่ “น้องศพ ยายโม่ พวกเราไป……”
ต่อจากนั้น ผม มู่หลงเหยียน ยายโม่ก็เริ่มวิ่งตามเหล่าเฟิงไปติดๆ แต่ละคนต่างรีบวิ่งไปทางแม่น้ํา……