ตอนที่ 61 เลี้ยงผี
หลังจากได้ยินท่านผู้อาวุโสหวางพูดอย่างกระทันหัน ทุกคนก็ต่างทำหน้าสงสัย
ไม่เข้าใจว่า “ของ” ที่ท่านผู้อาวุโสหวางพูดคืออะไร ผมจึงพูดกับท่านอาวุโสหวางตรงๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้างในนี้ยังมีสิ่งชั่วร้ายอยู่เหรอครับ”
ท่านอาวุโสหวางพยักหน้าเล็กน้อย “พลังหยินในวัดยังไม่แตกสลายหายไป ดังนั้นข้างในจะต้องมีของชั่วร้ายอยู่แน่!”
เสียงพึ่งจางหาย เหล่าฉินก็พูดขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็เข้าไปดูกันเถอะ!”
ขณะที่พูด ทุกคนก็หมุนตัวเดินเข้าไปในวัดทันที
วัดร้างแห่งนี้ไม่มีอะไรแตกต่าง จากการมาครั้งก่อนเลยสักนิด มันยังคงทรุดโทรมเหมือนเดิม
นอกจากพลังหยินในนี้จะมากเป็นพิเศษ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างแล้วละ
ยังไงผมก็ไม่เห็นความแตกต่างเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เห็นสิ่งชั่วร้ายที่ท่านอาวุโสหวางพูดไว้เลยสักชิ้น
นอกจากผมแล้ว แม้แต่ท่านนักพรตตู๋และอาจารย์ ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติด้วย
หลังจากนั้นผมก็ได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดกับผู้อาวุโสหวางว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยโง่เขลา มองไม่เห็นจริงๆว่าในวัดแห่งนี้มีของชั่วร้ายอยู่!”
ท่านอาวุโสหวางไม่รอช้า ใช้มือชี้ไปที่เทวรูปไร้หัวซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จากนั้นก็พูดว่า “พวกนายขุดใต้ฐานเทวรูป ก็จะรู้เอง!”
เมื่อทุกคนได้ยิน ก็ทำหน้ามึนงง
ผมไม่รอช้ารีบพูดทันที “ผมทำเอง!”
ขณะที่พูด ผมก็หยิบมีดหั่นศพออกมาจากกระเป๋า
ตอนนี้ไม่มีอุปกรณ์อื่น จึงเริ่มใช้มีดหั่นศพขุดดินทันที
เนื่องจากวัดแห่งนี้ทรุดโทรมอยู่แล้ว ดังนั้นดินที่อยู่ใต้ฐานเทวรูปจึงชื้นมาก ซึ่งส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ก็ขุดง่าย
ส่วนคนอื่นๆ ก็เข้ามาอยู่รอบๆตัวผม พวกเขาเองก็อยากเห็นว่าใต้เทวรูปองค์นี้ มีอะไรอยู่กันแน่
ผมขุดลงไปได้ไม่ถึงครึ่งเมตร ทันใดนั้นมีดก็กระแทกเข้ากับโถดิน
ผมขมวดคิ้วลงเล็กน้อย แต่ยังไม่หยุดขุด ผมรีบขุดรอบๆตัวโถดินทันที
ผ่านไปแค่แป๊บเดียว ผมก็สามารถขุดโถดินใบนั้นออกมาได้
มันเล็กมากๆ เหมือนกับขวดเหล้าเล็กๆใบหนึ่ง
ด้านข้างได้ใช้ขี้ผึ้งสีขาวปิดผนึกเอาไว้ ด้านนอกขวด มีอักษรคำว่า “ผนึก” สลักไว้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าของข้างในนี้คืออะไร
ดังนั้นหลังจากผมขุดโถดินใบนี้ออกมาจากโคลนได้ ก็พูดกับท่านอาวุโสหวางด้วยท่าทางสงสัย “ท่านผู้อาวุโส เป็นเจ้าโถดินใบนี้เหรอครับ”
“ไม่ใช่ทั้งหมด ขุดต่อไป ข้างในน่าจะมีอีก!” ท่านผู้อาวุโสหวางพูด
ผมก็ไม่ลังเล หลังจากวางโถดินไว้ข้างๆเรียบร้อย ก็เริ่มขุดต่อทันที
ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
อาจารย์จะนำโถดินไปเปิดดู แต่ถูกท่านผู้อาวุโสหวางห้ามเอาไว้ก่อน เขาบอกว่ารออีกหน่อย
จากนั้นไม่นาน ผมก็พบข้างในยังมีโถดินรูปร่างเหมือนกันอีก
เมื่อเห็นแบบนั้น ผมก็ขุดอย่างต่อเนื่อง ในเวลาต่อมาผมก็ขุดเจอโถดินรูปร่างเหมือนกันถึง 11 ใบ
ใต้ฐานเทวรูป ได้ถูกขุดจนเกือบเป็นหลุมลึก
ผมตรวบสอบด้านซ้ายและขวาอย่างรอบคอบ หลังจากเห็นว่าไม่มีโถใบอื่นแล้ว ก็วางมีดหั่นศพลง
จากนั้นก็หันไปพูดกับท่านผู้อาวุโสหวางว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้างในไม่มีอะไรแล้วครับ มีแค่โถพวกนี้ครับ!”
ผู้อาวุโสหวางพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าเด็กน้อย ลำบากเธอแล้ว!”
“แฮะแฮะ” ผมหัวเราะออกมา ในเวลาเดียวกันก็ถามต่อ “ท่านผู้อาวุโส ข้างในโถนี้ใส่อะไรไว้กันแน่”
ผู้อาวุโสหวางก้มลง หยิบโถดินขึ้นมาช้าๆ จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ในแต่ละใบใส่ วิญญาณที่ยังไม่เป็นผีชั่วเอาไว้หนึ่งตน ส่วนใบนั้น ก็คือวิญญาณผีชั่วที่พวกเธอฆ่าไม่ตาย!”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายในเข้าลึกๆ
ต่างจับจ้องมาที่ท่านผู้อาวุโสหวางด้วยท่าทางตกตะลึง หรือว่านี้จะเป็น “โถชีวิต” ที่อาจารย์ปู่พูดถึง มันมีอยู่จริงงั้นเหรอ
วิญญาณของผีชั่วถูกเก็บไว้ในโถนี้เหรอ มันถึงได้ฆ่าไม่ได้ซะที
“ถ้าพูดแบบนี้ งั้นในนี้ก็คือที่เลี้ยงผีเหรอครับ เจ้าปีศาจนั้นใช้เจ้านี้เป็นที่เลี้ยงผี” นักพรตตู๋พูดด้วยความแปลกใจ
ผู้อาวุโสหวางพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ โถ 11 ใบ ก็คือผี 11 ตัว! ”
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสหวางก็แกว่งโถในมือ จากนั้นก็โยนมันลงกับพื้นทันที
“เพล้ง” เสียงโถดินแตกกระจาย
ในเวลาเดียวกัน พวกเถ้ากระดูกสีขาว ก็ไหลลงมากองบนพื้น
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
พวกเราพบว่าในซากโถใบนี้ มีหุ่นฟางหนึ่งตัวและยันต์ดำอีกหนึ่งแผ่น ปนอยู่ข้างในเศษเถ้ากระดูก
เมื่ออาจารย์เห็นสิ่งนี้ ก็ค่อยๆหยิบยันต์ดำและหุ่นฟางออกจากเศษโถอย่างระมัดระวัง
หุ่นฟางทำมาจากฟางไม่กี้เส้น มันทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ
แต่ยันต์ดำแผ่นนั้น กลับมีคำว่า “ชีวิต” เขียนไว้ด้วยหมึกสีแดง
เมื่ออาจารย์เห็นยันต์แผ่นนี้ ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที “ยันต์ชีวิตผี!”
ผู้อาวุโสหวางพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่แล้ว เพราะมีเจ้ายันต์แผ่นนี้อยู่ วิญญาณพวกนี้ถึงไปจากที่นี่ไม่ได้ พวกมันจึงต้องทนรับพลังชั่วร้ายของที่นี่อยู่ทุกวันทุกคืน จนกระทั่งความโกรธแค้นซึมลึก และวันนั้นวิญญาณของพวกมันก็จะกลายเป็นผีชั่วอย่างสมบูรณ์!”
ผู้อาวุโสหวางพูดอย่างสบายอกสบายใจ ราวกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ทำให้ใจเขารู้สึกตื่นกลัวเลยสักนิด
“ท่านผู้อาวุโส ทำยังไงถึงจะทำลายยันต์แผ่นนี้ได้ครับ” จู่ๆนักพรตตู๋ก็พูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ยาก ทำลายยันต์ชีวิตกับหุ่นฟางก็จบแล้ว!” ท่านผู้อาวุโสหวางพูดต่อ
เมื่ออาจารย์ได้ยิน ก็ไม่ลังเล รีบฉีกกระฉากยันต์ดำและหุ่นฟางออกทันที
วินาทีที่ยันต์ดำและหุ่นฟางถูกฉีกออก ฉากแปลกๆก็ปรากฎขึ้น
ตรงหน้าของพวกเรา มีลมหนาวพัดเข้ามา ทันใดนั้นเถ้ากระดูกที่อยู่บนพื้น ก็กลายเป็นควันสีขาว
ควันสีขาวลอยขึ้นไปตามลม เรียวและโค้ง ขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งนี้ ก็ถอยไปข้างหลังอย่างช่วยไม่ได้
จนกระทั่งถึงตอนที่ควันสีขาวนั้นลอยสูงมากๆแล้ว ทันใดนั้นมันก็จางหายไปทันที
จากนั้น พวกเราก็เห็นวิญญาณหญิงสาวใส่ชุดสีขาวอายุราวๆ 17-18 ปีปรากฎขึ้นตรงหน้าของพวกเรา
ขณะมองผีชุดขาว ม่านตาของผมก็ขยายตัวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมจ้องมองผีตนนี้ด้วยความกลัวเล็กน้อย
แต่หลังจากที่ผีตนนี้ปรากฎตัว เธอกลับมองพวกเราด้วยความสงสัย
จากนั้นก็เผยท่าทางหวาดกลัวออกมา เธอถอยหลังตามสัญชาตญาณ “อย่า อย่าเข้ามา ฉัน ฉันไม่หนี ฉันไม่หนีไปไหนแน่นอน……”
ดูจากท่าทางเธอคงกลัวจนเสียสติ เวลาที่เธอพูด ยังทรุดตัวนั่งยองๆกับพื้น ไม่กล้าหันมามองหน้าพวกเราอีก แถมเธอตัวยังสั่นไปทั้งตัว
แต่ผู้อาวุโสหวางกลับพูดกับผีตนนี้ด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พวกเราไม่ใช่คนเลว พวกเรามาเพื่อช่วยเหลือพวกคุณ ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว!”
หลังจากผีตนนั้นได้ยิน ก็นิ่งอึ้งไปทันที เธอยังเผยท่าทางหวาดกลัวออกมา
“พวกคุณ พวกคุณเป็น เป็นคนดี เป็นคนดีจริงๆเหรอ”
“พวกเราล้วนเป็นนักพรตฝ่ายธรรมะ เจ้านักพรตชั่วนั้นถูกพวกเราไล่ไปแล้ว ไปเกิดใหม่ซะนะ!” นักพรตโปพูดเพิ่ม
ดูเหมือนผีตนนั้นจะจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ๆก็ได้ยินแบบนี้ เธอจึงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ค่อยๆหันมามองพวกเรา เผยท่าทางมีความสุขออกมา “จริง จริงเหรอ”
“จริงซิ! ถ้าเธอยังไม่ไปตอนนี้ อีกเดี๋ยวถ้าเจ้าหมอผีนั้นกลับมา เธอจะไม่มีโอกาสไปแล้วนะ!” นักพรตโปพูดออกมาอีกครั้ง
ผลลัพธ์หลังจากผีตนนั้นได้ยิน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
เธอรีบหันมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คุกเข่าก้มหัวให้กับพวกเรา “ขอบคุณ ขอบคุณท่านนักพรตทุกท่าน ขอบคุณท่านนักพรตทุกท่าน!”
หลังจากพูดจบ ผีตนนี้ก็ลุกขึ้น ไม่กล้าอยู่ตรงนี้ต่อไป
เธอหมุนตัว และรีบวิ่งออกไปจากวัดทันที
เพียงชั่วพริบตา ร่างของเธอก็เลือนหายไปกับความมืดมิด……