ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 151 ความสามารถพิเศษ

เดิมทีทุกคนคิดว่าชวีฉิวหมิงคงต้องใช้เวลาคิดอย่างน้อยวันสองวัน ถึงจะพูดความจริงออกมาได้ แต่ไม่คิดว่าเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ลูกศิษย์ที่รับผิดชอบจับตาดูเขาไว้ก็เดินมาส่งข่าวอย่างรีบร้อน บอกว่าชวีฉิวหมิงไม่ไหวแล้ว

ทุกคนที่กำลังยุ่งอยู่กับการทดสอบขึ้นทะเบียนต่างฉงน ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวที่ตรวจข้อสอบอยู่ด้านข้าง ไม่ได้บอกว่าหลอกเขา อันที่จริงไม่เป็นอะไรหรือ ทำไมถึงไม่ไหวแล้ว

อวิ๋นเจี่ยวก็ผงะไปเช่นกัน นางถามขึ้น “เขาเป็นอะไร”

“เมื่อครู่เขาบอกว่าเจ็บตัว อีกทั้งยังเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเจ็บจนสลบไปครั้งหนึ่งแล้ว” ลูกศิษย์ตอบ

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตาฉงนซึ่งกันและกัน “แสร้งทำหรือ” ชายแก่สงสัยเล็กน้อย เพราะว่าคนแซ่ชวีคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร

“ไปดู!” อวิ๋นเจี่ยวไม่รีรอ เดินออกจากประตูไปพร้อมกับลูกศิษย์ที่มาส่งข่าว คนอื่นก็เดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว

ยังไม่รอพวกเขาเดินไปถึงห้องของชวีฉิวหมิง ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเขาดังมาแต่ไกล เสียงร้องแสนเจ็บปวดนั้นดังก้องไปทั่วห้องพักแขกในตำหนักด้านหลัง

เมื่อเดินเข้าไปดู เห็นเพียงเขากำลังกอดท้อง กลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดอยู่ บริเวณรอบด้านล้วนเป็นสิ่งของที่เขาชนล้ม สีหน้าของเขาเจ็บปวด เหงื่อแตกทั้งตัว อีกทั้งยังชนเข้ากับกำแพงราวกับทนความเจ็บไม่ได้ ท่าทางไม่เหมือนแสร้งทำ

ทุกคนต่างผงะไปในทันใด ชวีฉิวหมิงรับรู้ถึงการมาถึงของพวกเขา ปีนป่ายจากพื้นขึ้นมา เงยหน้าที่อาบไปด้วยเลือดของตนอ้อนวอน “ช่วยข้าที! ขอร้องพวกท่านช่วยข้าด้วย ข้า…ข้าจะพูดทุกอย่าง พวกท่าน…อ๊าก!” เขาพูดได้เพียงสองประโยคก็ถูกความเจ็บปวดเข้าครอบงำ อดไม่ได้ที่จะใช้หัวชนกำแพงขึ้นมาอีกครั้ง

อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังคนที่อยู่ด้านข้าง พร้อมพูด “จับเขาไว้ อย่าให้เขาทำร้ายตัวเอง”

ชางผิงที่เป็นหมอรักษาพลังลมปราณเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไป กำลังคิดจะลากชวีฉิวหมิงที่กำลังกระแทกหัวออกมา แต่กลับถูกอีกฝ่ายผลักออกมา โชคดีที่ไป๋อวี้อยู่ใกล้รีบคว้ายันต์สะกดร่างออกมาหยุดการกระทำของอีกฝ่ายเอาไว้

“ช่วย…ช่วยข้าด้วย! เจ็บ…เจ็บเหลือเกิน! อ๊าก!” ชวีฉิวหมิงขยับไม่ได้ ทำได้เพียงร้องเสียงดังขึ้น สีหน้าเจ็บปวดอย่างยิ่ง

ชางผิงหยิบเข็มเงินออกมายับยั้งการรับรู้ความเจ็บของอีกฝ่ายไว้ชั่วคราว สีหน้าเจ็บปวดของเขาถึงได้ดีขึ้นมาเล็กน้อย อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้าตรวจดูเส้นชีพจรของอีกฝ่าย สักพักดวงตาปรากฏความแปลกใจ อาการนี้…

“สหายอวิ๋น เขา…” เจ้าสำนักสวีถาม

อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิดก่อนจะตอบ “อืม มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเล็กน้อย”

เจ้าสำนักสวีผงะไป ตระหนักถึงแผนการของอวิ๋นเจี่ยว จึงไม่ได้ถามต่อ ชางผิงที่อยู่ด้านข้างก็จับดูเส้นชีพจรของอีกฝ่าย ทันใดนั้นผงะไป

“เอ๊ะ?” มองไปยังชวีฉิวหมิงด้วยความประหลาดใจ ทำไมถึง…

ร่างของชวีฉิวหมิงห่อเหี่ยวลงไป โรคที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ท่าทางหยิ่งยโสและเห็นแก่ตัวของเขาหายไปจนหมดสิ้น ท่าทางหายใจรวยริน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดผวาจับจ้องมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว ราวกับเห็นอีกฝ่ายเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย “ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าที! ข้าไม่อยากตาย!”

“เจ้าบอกว่าตนเองเป็นหมอไม่ใช่หรือ” ไป๋อวี้ตอกกลับไปยังอดไม่ได้

สีหน้าของชวีฉิวหมิงยิ่งซีดลงไป ความหวาดกลัวในดวงตาเพิ่มมากขึ้น เขารีบปฏิเสธขึ้นมา “ไม่! ข้าไม่ใช่ ข้าเป็นชาวนาธรรมดา! ข้าไม่เคยเรียนวิชาการรักษา! ก่อนหน้านั้นข้าหลอกพวกท่าน ล้วนเป็นคำพูดหลอกลวง”

สีหน้าของทุกคนดำลงพร้อมกัน ถึงแม้จะเป็นผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ฟังก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาเล็กน้อย “ก่อนหน้านั้นเจ้ากำจัดพลังวิญญาณและพลังปีศาจบนตัวคนอื่นได้อย่างไร”

“ข้า…ข้าก็ไม่รู้” เขายิ่งร้อนใจมากขึ้น อยากจะส่ายหัวแต่กลับขยับไม่ได้ ทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าเพียงแค่วางมือบนตัวคนพวกนั้น พวกเขาก็หายเอง ข้าไม่รู้เรื่องพลังวิญญาณ พลังปีศาจอะไรเลย จริงๆ นะ! ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ทุกคนตกตะลึง คำตอบนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ เจ้าสำนักสวีเดินขึ้นหน้าถาม “เจ้ามีความสามารถนี้มาตลอด?” เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนสามารถดูดพลังวิญญาณและพลังปีศาจจากบนตัวคนอื่น ถึงแม้จะเป็นวิญญาณหรือปีศาจเอง ก็ไม่อาจดูดพลังวิญญาณหรือพลังปีศาจบนตัวคนกลับมา

“ไม่ ความสามารถนี้เริ่มจากเมื่อสามเดือนก่อน” ความอยากอยู่รอดทำให้ชวีฉิวหมิงเล่าความจริงออกมา “ข้าจำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่ง ข้าตกลงไปในคูน้ำลึกหน้าหมู่บ้าน ตั้งแต่นั้นมาก็มีความสามารถนี้แล้ว ข้า…ข้าเองก็ตกใจ”

“แค่ตกลงไปในคูน้ำ เจ้าก็สามารถดูดพลังปีศาจบนตัวคนอื่นได้?” เจ้าสำนักสวีพูดด้วยความไม่อยากเชื่อ “ไม่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้น?”

“ข้าเหมือนกับ…หล่นทับคนคนหนึ่ง” เขาพูดเสริมอย่างไม่มั่นใจ

“ใคร” ทุกคนผงะ

“ข้าไม่รู้ ตอนนั้นข้าสลบไป” เขาส่ายหัว “แต่เมื่อข้าฟื้นขึ้นมาในวันต่อมา ในคูน้ำนั้นมีเพียงแค่ข้า ข้าอาจจะดูผิด”

ทุกคนกลับไม่คิดเช่นนั้น เจ้าสำนักสวีราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาเดินหน้าขึ้น ก่อนจะเสกคาถาแล้วตบเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่าย นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่หน้าผากของอีกฝ่ายปรากฏผนึกสีทองขึ้นมา

“นี่คือ…” ทุกคนผงะไปเมื่อพบว่าเขาถูกคนลงผนึก แต่เมื่ออยากพินิจดู ผนึกนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ขณะเดียวกัน ชวีฉิวหมิงรู้สึกเพียงมีบางอย่างถูกดึงออกจากร่างกาย เขาพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น”

เห็นพวกเขาไม่ตอบ สีหน้าของเขายิ่งร้อนใจ หันไปพูดกับอวิ๋นเจี่ยว “ข้าพูดทั้งหมดที่รู้แล้ว ท่านช่วยข้าเร็วเข้า…ข้าไม่อยากตาย! ข้าไม่รู้ว่าพลังวิญญาณและพลังปีศาจของคนพวกนั้นจะดูดเข้าร่างข้า ท่านช่วยขับมันออกมาได้ ท่านช่วยข้าได้ใช่หรือไม่”

อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาอีกครั้ง ดูท่าสิ่งที่ชวีฉิวหมิงพูดจะเป็นความจริง แม้แต่เรื่องที่ตนเองถูกลงผนึกยังไม่รู้ เขาคงไม่รู้ว่าความสามารถของตนมาจากไหน ดังนั้นนางจึงหันไปแลกเปลี่ยนสายตากับคนอื่น จากนั้นหันหลังเดินออกจากห้องไป

“เดี๋ยว!” ชวีฉิวหมิงพูดเสียงดังอย่างร้อนใจ “ท่านรับปากว่าจะช่วยข้า ข้าพูดหมดแล้ว ท่านรีบช่วยข้าสิ!”

อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังชางผิงที่กำลังฝังเข็มอยู่ด้านข้าง “เขาช่วยอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“อะไรนะ” ชวีฉิวหมิงผงะ

“อาการของเจ้ายุ่งยากเล็กน้อย ไม่อาจรักษาได้ในเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ รักษา” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย ครุ่นคิดก่อนจะพูดเสริมขึ้น “วางใจได้ ไม่ตายหรอก!” พูดจบก็เดินจากไป เหล่าเจ้าสำนักที่เพิ่งเข้ามาก็เดินตามออกไปเช่นกัน

“…”

จนกระทั่งเดินออกมาสักระยะหนึ่ง เจ้าสำนักสวีถึงได้ถามขึ้น “สหายอวิ๋น พลังวิญญาณและพลังปีศาจเหล่านั้นถูกดูดเข้าไปในร่างเขาจริงหรือ”

อวิ๋นเจี่ยวหันกลับมามองเขาทีหนึ่ง “ข้าบอกแล้วว่าหลอกเขา”

“ท่าทางของเขาเมื่อครู่…” ไม่ใช่หรือ ท่าทางเจ็บปวดขนาดนั้น

“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวพูดอย่างเรียบเฉย “แค่ท้องเสียเท่านั้น”

“…” ฮะ?

“ผีเสื้อน้อยเคยบอกว่าตนเองเก็บสมุนไพรวิเศษมาให้เขาจำนวนมากไม่ใช่เหรอ เขาคงคิดว่าเป็นของดี จึงกินเข้าไปทั้งหมด!” ดังนั้นในร่างกายมียากว่าสิบชนิดที่ยังไม่ย่อยสลาย อีกทั้งถูกพลังปีศาจบนตัวของนายพรานและปีศาจผีเสื้อกระตุ้น ทำให้ยานั้นออกฤทธิ์ทั้งหมด ไม่ปวดสิแปลก

ดังนั้น พูดมั่วได้ แต่กินยามั่วไม่ได้!

ทุกคน “…” ทำแบบนี้ก็ได้ด้วย!

(⊙_⊙)

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset