ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 79 จ่ายค่ารักษา

อวิ๋นเจี่ยวให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดวิชาข่ายพลังในครั้งนี้ เพราะว่าเรื่องของการศึกษาไม่ใช่เรื่องเล็ก อีกทั้งหากสอนได้ดี ต่อไปปัญหาปากท้องของสำนักชิงหยางคงจะได้รับการแก้ไข  

 

 

แต่ว่าตัวนางนั้นมีความรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้น้อยเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าข่ายพลังสูญหายที่เจ้าสำนัก  

 

 

สวีพูดหมายถึงอะไรกันแน่ คนที่รู้เรื่องเพียงหนึ่งเดียวก็คือไป๋อวี้ แต่เขาไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับข่ายพลังเลย ส่วนอาจารย์ปู่…ช่างเถอะ!  

 

 

ดังนั้นนางจึงให้สำนักเทียนซือรวบรวมรายชื่อข่ายพลังออกมา นางจะสอนตามรายชื่อนั้น  

 

 

พวกเจ้าสำนักสวีก็ทำงานอย่างรวดเร็ว เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ก็รวบรวมรายชื่อข่ายพลังออกมาได้   

 

 

อวิ๋นเจี่ยวรับมาดู พบว่าในรายชื่อนั้นมีข่ายพลังมากกว่าร้อยอันขึ้นไป  

 

 

นางคำนวณดูแล้ว สำนักเทียนซือกว่าจะส่งยันต์ส่งสารออกไปคงต้องใช้เวลาสักพัก ดังนั้นนางจึงพลางเตรียมบทเรียนพลางรอเงินค่าเล่าเรียน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญของการทำให้สำนักชิงหยางหลุดพ้นจากความยากจน  

 

 

ใครจะไปรู้ว่าเงินที่รอนั้นยังมาไม่ถึง สิ่งที่มาถึงก่อนกลับเป็นคน  

 

 

“จิ๊…จิ๊…หมออวิ๋น…หมออวิ๋น…ทางนี้ๆ !” เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังสัตว์ที่โผล่ออกมาจากหลุม พร้อมทั้งยังพยายามกดเสียงของตัวเองให้เบาแล้วโบกมือให้นาง มันมองไปรอบด้านอย่างลุกลี้ลุกลน ตั้งท่าราวกับพร้อมจะวิ่งหนีทุกเมื่อ นางสูดลมหายใจเข้าก่อนจะถาม “พูดมา คราวนี้เพื่อนคนไหนป่วย” คนที่มาคือจิ้งจอกน้อย “หลบอยู่ในหลุมทำไมกัน ออกมา”  

 

 

“ไม่มีๆ ไม่กล้าๆ !” จิ้งจอกน้อยเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าของมันร้อนรน ก่อนจะส่ายหัวไปมา แต่ก็ไม่กล้าปีนออกมาจากในหลุม  

 

 

“ทำไมวิ่งมาที่นี่” ยังทำท่าลับๆ ล่อๆ อีก  

 

 

“ข้าได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องให้มา” จิ้งจอกน้อยเสียงเบาลงกว่าเดิม  

 

 

“ราชามาร?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ก่อนจะถาม “เขาออกมาจากก้อนหินแล้ว?”  

 

 

“อืมๆๆ” จิ้งจอกน้อยพยักหน้า “เพิ่งออกมาเมื่อวาน” เหล่ามารสิบกว่าตัวลงมือช่วยกันดึงออกมา คนที่บุกรุกเข้าโลกมารวันนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง!  

 

 

“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวคิดไปคิดมา นางออกมาจากโลกมารเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ตอนนี้เพิ่งรอดออกมาได้ อาจารย์ปู่ลงมือหนักแค่ไหนกัน  

 

 

“จริงสิ!” นางนึกบางอย่างขึ้นได้ “แมว…องค์หญิงของพวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง”  

 

 

“ฟื้นน่ะฟื้นแล้ว” จิ้งจอกน้อยตัวห่อเหี่ยวลงไป “แต่ว่า…”  

 

 

“เป็นอะไรอีก” อวิ๋นเจี่ยวถาม อย่างไรแล้วก็เป็นคนป่วย…เอ่อไม่ มารป่วยของตัวเอง  

 

 

หูบนหัวของเขาลู่ลงทันที พูดด้วยสีหน้ากังวล “หลังจากที่องค์หญิงตื่นมาแล้ว นางเหมือนกับจะทำให้ท่านอ๋องโกรธ จากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกัน องค์หญิงก็หายตัวไปอีกรอบ องค์ชายจี้เฉินออกไปตามหาลูกแก้วพลังของนาง ส่วนท่านอ๋องกำลังโกรธอยู่ จึงยังไม่ได้ส่งคนออกไปตามหา”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก บ้านไหนจะไม่มีลูกดื้อกัน คิดแล้วก็พูดกำชับว่า “เมื่อหาลูกแก้วพลังกลับมาได้ อย่าลืมพานางมารักษาที่นี่ ข้าจะเปลี่ยนคืนกลับไปให้นาง”  

 

 

จิ้งจอกน้อยมองไปยังเจดีย์สูงด้วยสายตาหวาดกลัว ก่อนจะพยักหน้า  

 

 

“ไหนบอกมาสิว่าราชามารส่งเจ้ามาทำไม” คงไม่ได้มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบหรอกนะ  

 

 

จิ้งจอกน้อยถึงนึกเรื่องที่มาในวันนี้ได้ ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านอ๋องให้ข้ามาส่งค่ารักษา”  

 

 

“ค่ารักษา?” นางนึกถึงหนังสือแต่งงานนั้นขึ้นมาในทันที คราวนี้คงไม่ได้ส่งให้อาจารย์ปู่นะ “เขายังอยากถูกยัดกลับเข้าไปอีกรอบเหรอ” ใจกล้าดี?  

 

 

“ไม่ใช่” จิ้งจอกน้อยรีบอธิบาย “ท่านอ๋องบอกว่า ในเมื่อหมออวิ๋นไม่ต้องการตำแหน่งราชินี เพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตองค์หญิง ท่านจึงให้ข้าส่งค่ารักษาอีกชิ้นมาให้”  

 

 

“อีกชิ้น?” อวิ๋นเจี่ยวที่เพิ่งได้รับเงินค่าเล่าเรียนกว่าหลายแสนตำลึงมานั้น สีหน้าไร้อารมณ์ เหลือบมองเขาทีหนึ่ง “ไม่ใช่หนังสือสัญญาอะไรทำนองนั้นใช่ไหม”  

 

 

“ไม่ใช่ๆ” จิ้งจอกน้อยถึงได้เปิดก้อนหินบนหัวออก มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง ถึงได้พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ค่ารักษาชิ้นนี้ หมออวิ๋นต้องชอบแน่”  

 

 

“จริง?” ดวงตาของอวิ๋นเจี่ยวลุกวาว หรือว่าช่วงนี้นางจะมีโชคทางการเงินนะ เงินทองไหลมาเทมา!  

 

 

“จริง!” เขาพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ “ท่านอ๋องบอกว่า ก่อนหน้านี้ทำให้ท่านตกใจ ดังนั้นจึงถามข้าว่าท่านชอบอะไร แล้วให้ข้าส่งมา!”  

 

 

“ถามเจ้า?” อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ไม่ใช่ไก่ป่าอีกใช่ไหม”  

 

 

“ไม่ใช่แน่นอน!” จิ้งจอกน้อยส่ายหัว “ข้ารู้ว่าหมออวิ๋นชอบกินไก่ แต่คราวนี้ท่านช่วยชีวิตองค์หญิงเอาไว้ ข้าจะไปเทียบกับองค์หญิงได้อย่างไร ดังนั้นค่ารักษาจึงไม่ใช่ไก่ป่าธรรมดาเพียงไม่กี่ตัวแน่นอน”  

 

 

“ดังนั้น?”  

 

 

“ดังนั้น…” จิ้งจอกน้อยปีนออกมาจากหลุม ก่อนจะออกแรงดึงทั้งสามร่างปรากฏต่อหน้า มันพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านอ๋องให้ข้าส่งปีศาจไก่มาสามตัว!”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” นี่มันแตกต่างจากไก่ตรงไหน  

 

 

-_-|||  

 

 

จะว่าไป ปีศาจไก่ก็เป็นมารไหม โลกมารปฏิบัติต่อเผ่าเดียวกันได้โหดร้ายเช่นนี้เหรอ ทำไมถึงส่งให้คนอื่นต้มกินเช่นนี้  

 

 

ปีศาจไก่สามตัวนั้น ทำสีหน้าหวาดกลัวแต่ไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งหนี ทั้งสามตัวกอดกันตัวสั่นเทา น้ำตาไหลเต็มใบหน้า พลางร้องไห้พลางพูด  

 

 

“ฮือๆๆ …ข้าไม่อยากถูกกิน!”  

 

 

“ท่าน…ท่านเซียน…อย่า…กินพวกเราเลย”  

 

 

“ข้า…ข้าอยากกลับบ้าน!”  

 

 

จิ้งจอกน้อยขมวดคิ้วมุ่น มองไปยังทั้งสามตัวด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะพูดขึ้น “ห้ามร้อง นี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง!”  

 

 

“แต่ว่า…แต่ว่าในบ้านของพวกข้ายังมีลูกที่ยังไม่โต”  

 

 

“ก็เพราะเช่นนี้ถึงได้เลือกพวกเจ้าไง หมออวิ๋นชอบกินแม่ไก่แก่ที่สุดแล้ว!” จิ้งจอกน้อยตอบด้วยความจริงจัง “อีกทั้งพวกเจ้าเสนอตัวเองไม่ใช่หรือ”  

 

 

เมื่อสิ้นเสียง แม่ไก่ทั้งสามก็ยิ่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ  

 

 

จิ้งจอกน้อยถอนหายใจ ทำได้เพียงปลอบพวกมันว่า “อย่าร้องเลย ตายเพื่อโลกมาร เป็นโชคอันใหญ่หลวงของพวกเจ้า ท่านอ๋องจะชดเชยให้ลูกของพวกเจ้าอย่างดี”  

 

 

เหล่าปีศาจไก่ถึงได้ก้มหน้าลงราวกับยอมรับโชคชะตา เพียงแต่สีหน้ายิ่งเศร้าสลด  

 

 

จิ้งจอกน้อยยังไม่ลืมหันมาบอกอวิ๋นเจี่ยวว่า “หมออวิ๋น สามตัวพอหรือไม่ ท่านอ๋องบอกว่าหากไม่พอสามารถไปจับที่เผ่าปีศาจได้ ไม่ต้องเกรงใจ”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” ใครจะกินลงกัน  

 

 

นางสูดลมหายใจเข้า กำลังจะปฏิเสธ ทันใดนั้นมีลมเย็นพัดผ่านข้างตัว เสียงเย็นชาอันคุ้นเคยดังขึ้น  

 

 

“เจ้าพูดอยู่กับใคร”  

 

 

จิ้งจอกน้อยที่เมื่อกี้ยังพูดด้วยสีหน้าจริงจังตาเบิกโตในทันที แม้แต่คำบอกลายังไม่ทันพูด ทิ้งปีศาจไก่สามตัวเอาไว้ ก่อนจะมุดกลับเข้าหลุม และหายไปในทันที  

 

 

ทันใดนั้นมีร่างสีขาวราวหิมะมาปรากฏตัวในสวน จ้องมองอวิ๋นเจี่ยว “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าไก่?”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” ท่านได้ยินเพียงแค่คำนี้หรือไง  

 

 

นางกำลังจะอธิบาย เสียงร้องไห้ในสวนนั้นเงียบลงไปทันที ปีศาจไก่สามตัวที่ร้องไห้เอาเป็นเอาตายอยู่เมื่อกี้เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน มองไปยังเยี่ยยวนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ความโศกเศร้าหายไปทันที สายตาของพวกเขาจ้องเขม็ง รีบเปลี่ยนคำพูดในทันที  

 

 

“ข้าไม่กลับไปแล้ว ท่านเซียนกินข้าเถอะ! ข้าเนื้อเยอะ!”  

 

 

“ข้าก็ไม่กลับไปแล้ว กินข้าดีกว่า! ข้ากระดูกเยอะ!”  

 

 

“ข้าก็ด้วย กินข้า! ข้า…ข้าเลือดเยอะ!”  

 

 

เยี่ยยวน “…”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

MMP!  

Related

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset