อนุปี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานอนุปี้ยังคงกล่าวขึ้นว่า “พระชายาเพคะ หม่อมฉันได้ตัดสินใจแล้ว ขอพระชายาโปรดอนุญาต”
ยังจะต้องอนุญาต?
ซูจิ่นซียิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าวว่า “เอาล่ะ ในเมื่ออนุปี้ตัดสินใจแล้ว ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะพูด ทว่าอนุปี้ ท่านจะต้องคิดให้กระจ่าง หากท่านยังอยู่ในจวนต่อไป วันหลังหากจวนสกุลซูตกอยู่ในมือของซูจวิ้นจริงๆ ยังจะมีที่สำหรับน้องชายซูอวี้ผู้นี้อีกหรือ? แม้ท่านจะพาซูอวี้หนีไป ทว่าท่านต้องการให้ซูอวี้แบกรับความอับอายที่ไม่มีพ่อและปล่อยให้ผู้อื่นกล่าวถึงข้อบกพร่องนี้ไปตลอดชีวิตเช่นนั้นหรือ? ”
พอคิดไปแล้ว ซูจ้งมีซูจวิ้นกับซูอวี้ที่เป็นบุตรชายเพียงสองคนเท่านั้น หากจวนสกุลซูตกอยู่ในมือของซูจวิ้นจริง ตามนิสัยการกระทำของฮั่วซื่อก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะยอมให้ซูอวี้มีชีวิตอยู่ในจวนต่อไป แม้ว่าอนุปี้สองแม่ลูกจะนิ่งเฉยอยู่อย่างสงบเสงี่ยม
ประการนี้อนุปี้ทราบดีที่สุด
อนุปี้ไม่กล่าวสิ่งใดอยู่ครู่หนึ่ง
ซูจิ่นซียกยิ้มแผ่วเบา “ในเมื่ออนุปี้ยังดื้อดึงไม่เปลี่ยนใจ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวแล้ว ส่งแขกเถิด! ”
“อนุปี้ เชิญ! ” แม่นมฮวากล่าวขึ้น
อนุปี้ยืนขึ้นจูงซูอวี้เดินออกไปด้านนอก ทว่าเมื่อครู่ซูจิ่นซีมองออกว่าการแสดงออกบนใบหน้าของอนุปี้ขณะนี้ไม่มั่นคงเหมือนตอนแรกแล้ว
ยิ่งกว่านั้นซูอวี้ยังหันศีรษะกลับมามองซูจิ่นซี สายตาเต็มไปด้วยการรอคอยความช่วยเหลือ
แท้จริงแล้วอนุปี้นั้นดื้อรั้นและเข้มแข็งกว่าที่ซูจิ่นซีคิดไว้มาก สตรีเช่นนี้มีความแน่วแน่ในการกระทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นซูจิ่นซีทราบดีว่าแม้จะโน้มน้าวใจมากมายเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
ในตอนนี้นางกำลังพนันกับอนุปี้ พนันว่าอนุปี้ยังคงมีความทะเยอทะยานเพื่ออำนาจสูงสุดของสกุลซูอยู่ พนันว่าในใจของอนุปี้ยังคงต้องการต่อสู้เพื่ออนาคตที่สวยงามของซูอวี้
ทว่านางกลับจูงซูอวี้ออกไปอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ซูจิ่นซีประหม่าเป็นอย่างยิ่ง หัวใจเต้น “ตุบตุบตุบ” อย่างรุนแรง เงาร่างของทั้งสองคนแทบจะหายไปจากสายตาของซูจิ่นซีแล้ว ทว่าอนุปี้ยังคงไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ
สุดท้ายทั้งสองคนก็จากไปในที่สุด
ซูจิ่นซีอารมณ์ไม่ดีและความคิดสับสนยิ่งนัก
อนุปี้ผู้นี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่คนธรรมดา
การเดินทางมาจวนสกุลซูครั้งนี้ เรื่องจัดการกับฮั่วซื่อยังไม่ยากเท่าจัดการกับอนุปี้เลย
ดูเหมือนว่าความต้องการให้อนุปี้เห็นด้วยที่จะให้ซูอวี้เข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกครั้งนี้ยากกว่าการจัดการกับฮั่วซื่อมาก
“พระชายาเพคะ อันที่จริงหากท่านต้องการให้นายน้อยอวี้เข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกครั้งนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้นะเพคะ”
แม่นมฮวาเห็นใบหน้าโศกเศร้าของซูจิ่นซี จึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านเป็นถึงพระชายาขั้นสี่ เพียงท่านออกคำสั่งให้นายน้อยอวี้เข้าร่วม เช่นนั้นอนุปี้จะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของท่านโดยไม่คำนึงถึงชีวิตและความตายอย่างนั้นหรือ? ท่านใจดีเกินไปแล้วเพคะ”
หากเรื่องเป็นเหมือนที่แม่นมฮวากล่าวเช่นนั้น ซูจิ่นซียังจะคิดไม่ได้หรือ?
หากจะจัดการผู้อื่น วิธีการของแม่นมฮวาอาจเป็นไปได้ ทว่าบุคคลในตอนนี้คืออนุปี้
ตั้งแต่พบกับอนุปี้ครั้งแรก ซูจิ่นซีก็รู้ว่าอนุปี้เป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา หากบังคับนาง อนุปี้อาจเห็นด้วยจริง ทว่าซูอวี้ยังเป็นเด็กที่เชื่อฟังคำพูดของอนุปี้เป็นอย่างมาก หากในระหว่างการแข่งขันอนุปี้บอกให้ซูอวี้ไม่ต้องทำอย่างเต็มที่ที่สุด ถึงเวลานั้นจะยิ่งลำบากขึ้นไปอีก
ซูจิ่นซีอารมณ์ไม่ดี ความคิดสับสนยิ่งนัก นางไม่อยากพูดจาอันใดจึงให้ลวี่หลียกน้ำล้างหน้าเข้ามา หลังจากรู้สึกสดชื่นขึ้น ซูจิ่นซีจึงต้องการพักผ่อน
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่า ขณะที่นางต้องการปิดประตูเพื่อพักผ่อนนั้น นางกลับมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งยืนอยู่ในห้อง
คนผู้นั้นสวมเสื้อสีคราม ในมือจูงเด็กคนหนึ่งไว้ ไม่ใช่อนุปี้กับซูอวี้แล้วจะยังเป็นผู้ใดได้อีก?
“พระชายาเพคะ หากว่าอวี้เอ๋อร์เต็มใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ท่านสามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเราสองแม่ลูกได้หรือไม่? ”
อนุปี้มอบซูอวี้ให้กับแม่นมฮวา ให้แม่นมฮวาพาซูอวี้ไปที่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นจึงพูดกับซูจิ่นซี
อนุปี้ยอมให้ซูอวี้เข้าร่วมแล้ว?
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าอนุปี้คิดอันใดอยู่กันแน่ นางจึงไม่พูดอันใด
อนุปี้กล่าวต่อว่า “ควมจริงที่หม่อมฉันไม่เห็นด้วยกับพระชายาเมื่อครู่นั้น ด้านหนึ่งเพราะหม่อมฉันไม่ต้องการพูดถึงข้อโต้เถียงในจวนต่อหน้าลูก อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กอายุแปดขวบ อีกด้านหนึ่ง… ”
อนุปี้เหลือบมองซูจิ่นซี มีความลังเลไม่ต้องการพูดเล็กน้อย
ทว่าซูจิ่นซีคาดเดาได้อยู่แล้วว่าอนุปี้ต้องการจะกล่าวอันใด จึงกล่าวต่อจากนางว่า “อีกด้านหนึ่งเจ้าต้องการจะทดสอบข้า? อนุปี้ เจ้ากล้ามากนะ”
อนุปี้รีบก้มศีรษะลงต่ำ “พระชายาโปรดอภัย หม่อมฉันไม่มีเจตนาร้ายเพคะ ขอพระชายาโปรดพิจารณาด้วย”
“อนุปี้ หากเมื่อครู่ข้าใช้อำนาจกดดันให้บุตรชายของท่านเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ท่านจะทำอย่างไร” ขณะที่พูดอยู่ ซูจิ่นซีก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้อนุปี้ “ตอนนี้ท่านต้องพูดมาตามตรง”
อนุปี้เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สวยงามจ้องมองไปที่ซูจิ่นซีอย่างจริงใจ “หม่อมฉันมิบังอาจปิดบังพระชายา อย่างไรก็ตามขอพระชายาอภัยโทษ หม่อมฉันจึงจะกล้ากล่าวเพคะ”
“ได้! ”
“หากเมื่อครู่พระชายาใช้อำนาจบังคับจริง หม่อมฉันก็จะทำตามแล้วปล่อยให้อวี้เอ๋อร์เข้าร่วม ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่พระชายาคงเข้าใจเป็นอย่างดีว่า หากคืนนี้พวกเราสองแม่ลูกเดินออกจากประตูฮั่นเซียงหยวนอาจจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้อีก อาจต้องตายด้วยน้ำมือของฮั่วซื่ออย่างแน่นอน ทว่าแม้ไม่ตายในมือของฮั่วซื่อ ตอนที่อวี้เอ๋อร์แข่งขันก็จะไม่พยายามทำให้ดีอย่างถึงที่สุดแน่นอนเพคะ”
ดีนี่อนุปี้!
ซูจิ่นซีจ้องมองนางอย่างเย็นชาเป็นเวลานาน “เอาล่ะ! ตราบใดที่ซูอวี้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันนี้ได้ ข้าก็จะรับประกันความปลอดภัยของพวกท่านแม่ลูก ทว่าซูอวี้จะต้องได้รับตำแหน่งที่สูงที่สุดในการแข่งขัน”
สายตาของอนุปี้พลันห่อเหี่ยวเศร้าหมองใจในทันที
ซูจิ่นซีกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “อนุปี้ แท้จริงแล้วในใจของท่านเข้าใจดีว่าท่านไม่มีทางเลือก ตราบใดที่ซูอวี้อยู่ในรายชื่อการแข่งขัน พวกท่านสองแม่ลูกทำได้เพียงก้าวเข้าไปเท่านั้น ไม่มีทางเลือกให้ย้อนกลับ ท่านรู้ดีว่าหญิงสาวสกุลซูเหล่านี้มีความสามารถเพียงใด ซูอวี้กับซูจวิ้นก็อยู่ระหว่างความเป็นพี่เป็นน้อง หากซูอวี้ไม่สามารถรับตำแหน่งผู้สืบทอดสกุลซูในอนาคตได้ เช่นนั้นพวกท่านสองแม่ลูกก็คงเหลือเพียงเส้นทางแห่งความตายเท่านั้น”
แม้คำพูดนี้จะดูโหดร้ายเป็นอย่างมาก ทว่าเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นคนฉลาดดังเช่นอนุปี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับคนฉลาดมากจนเกินไป
“เพคะ! หม่อมฉันขอบพระทัยพระชายา”
“หากข้าคาดการณ์ไม่ผิด ตามนิสัยของฮั่วซื่อ เพื่อป้องกันอันตรายที่ซ่อนอยู่ เกรงว่าคืนนี้นางจะกระทำสิ่งใดบางอย่างกับพวกเจ้าสองแม่ลูก คืนนี้เจ้ากับซูอวี้ไม่ต้องกลับไปแล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าข้าจะเตรียมการให้พวกเจ้า”
ดังนั้น คืนนี้อนุปี้สองแม่ลูกจึงได้พักอยู่ที่เรือนฮั่นเซียง
เช้าวันรุ่งขึ้นมีข่าวว่าเรือนของอนุปี้และซูอวี้ถูกคนบุกรุกเข้าไป ทว่าคนสารเลวนั้นกลับคว้าได้เพียงอากาศ เดิมทีอนุปี้กับซูอวี้ไม่ได้อยู่ในเรือน
ผู้อยู่เบื้องหลังของฮั่วซื่อยิ่งใหญ่มาก ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ ดังนั้นไม่ว่าอนุปี้สองแม่ลูกจะอยู่ที่ใด ตราบใดที่ต้องการปลิดชีพพวกเขา ไม่ว่าซูจิ่นซีจะซ่อนพวกเขาแม่ลูกไว้ที่ใด มือของฮั่วซื่อล้วนสามารถเอื้อมคว้าได้ แม้กระทั่งวังหลวงก็ปกป้องพวกเขาสองแม่ลูกไม่ได้
ทว่ามีสถานที่แห่งเดียวในแผ่นฟ้าผืนนี้ อย่านับประสาฮั่วซื่อเลย แม้แต่พระหัตถ์ของฮ่องเต้ก็ไม่สามารถยื่นเข้ามาถึงได้
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงพาอนุปี้กับซูอวี้กลับมาที่จวนโยวอ๋องในทันที
พอมาถึงจวนโยวอ๋องก็วางแผนให้อนุปี้กับซูอวี้พักอยู่ในจวน และซูจิ่นซีก็ขอให้พ่อบ้านหาคนผู้หนึ่ง…
ในเวลานี้ ผู้ที่ซูจิ่นซีต้องการหานั้นเป็นผู้ใดกันเล่า?