ปห
“ซูเซียนฮุ่ย จำเอาไว้ ว่าท่านพูดคำนี้! ” ซูจิ่นซีกล่าว
“เป็นข้าที่พูด! ” ซูเซียนฮุ่ยไม่แสดงท่าทีอ่อนข้อแม้แต่น้อย นางเงยหน้าขึ้นมองซูจิ่นซีอย่างทะนงตน
ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด เพียงมองไปยังที่นั่งของกรรมการด้วยแววตาเรียบเฉย
กรรมการทั้งสามท่านที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรวจดูยาที่ปรุงเสร็จของซูอวี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากอวิ๋นจิ่นแล้ว ใบหน้าของอีกสองท่านก็ซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ไม่อยู่
ซูเซียนฮุ่ยรู้สึกถึงความผิดปกติ และเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “เป็นเช่นไรเล่า? กรรมการทั้งสามท่าน พวกท่านพูดสิ! ”
ตามกฎแล้ว ซูเซียนฮุ่ยเป็นเพียงผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่มีคุณสมบัติและไม่อนุญาตให้พูดคุยหรือสนทนากับคณะกรรมการโดยตรง
“นายน้อยอวี้ช่างมีปรีชาสามารถ! ไม่คิดว่าจะสามารถปรุงยานี้ออกมาได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องชั่ง นายน้อยอวี้ ท่านทำได้อย่างไรกัน? ” หมอหลวงหวังมองไปทางซูอวี้ด้วยแววตาเป็นประกาย
ซูอวี้ทาบมือที่หน้าอกของตน เขาไออย่างรุนแรงสองครั้งและไม่ได้พูดอันใด
“กระไรนะ? ”
ซูเซียนฮุ่ยและซูจวิ้นพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หมองหลวงหวัง ท่านไม่ได้พูดผิดแน่นะ? การปรุงยาของซูอวี้จะแม่นยำได้อย่างไร? ”
ความจริงแล้วซูเซียนฮุ่ยดูกังวลมากกว่าซูจวิ้น นางคุยโวโอ้อวดต่อหน้าซูจิ่นซีเอาไว้
“หึ หรือว่าท่านสงสัยในตัวผู้เฒ่าอย่างข้า? แม้คนอย่างข้าจะอายุมากแล้ว ทว่าไม่พูดจาเหลวไหลไม่รู้ว่าจุดใดควรมิควร” หมอหลวงหวังกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“มันเป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นไรได้อย่างไร? ” ซูเซียนฮุ่ยพึมพำกับตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ที่หมอหลวงหวังพูดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ยาที่นายน้อยอวี้ปรุงนั้นแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง”
อวิ๋นจิ่นยิ้มอย่างอ่อนโยน แม้ดูเหมือนว่าเขากำลังรายงานผลให้ซูจิ่นซี ทว่าความจริงแล้วเป็นการแจ้งให้ซูจิ่นซีทราบ เพื่อแสดงให้ซูจิ่นซีรู้ว่าไม่ต้องกังวลกับซูอวี้จนเกินไป
ความจริงแล้วผลการแข่งขันของซูอวี้ ซูจิ่นซีรู้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ซูอวี้ปรุงยานั่นสำเร็จ
ระบบถอนพิษได้ตรวจเครื่องปรุงยาของซูอวี้ รวมทั้งส่วนประกอบและปริมาณของเครื่องปรุงยาทั้งหมด
หากไม่มีระบบถอนพิษ ซูจิ่นซีคงไม่มีความชํานาญที่ล้ำเลิศเช่นนี้อย่างแน่นอน ซูอวี้เป็นเด็กที่มีอายุเพียงแปดปี ทว่าเขากลับทำมันได้อย่างไรกัน?
หรือเขาจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ ?
ซูจิ่นซีประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ผลเป็นเช่นไร? ” ซูจิ่นซีถามขึ้น
“การแข่งขันในรอบนี้ นายน้อยจวิ้นและนายน้อยอวี้ได้รับชัยชนะ! ” อวิ๋นจิ่นตอบ
“หมอหลวงอวิ๋น พวกท่านไม่ได้ทำพลาดแน่หรือ? นี่… นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? ”
ซูเซียนฮุ่ยคิดไม่ถึงว่าตนจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันรอบนี้ นางเชี่ยวชาญเรื่องการปรุงยาพวกนี้มากที่สุด และหัวข้อที่นางจับได้ก็ง่ายยิ่งนัก นางมีความมั่นใจในตนเองสูงมาก เหตุใดถึงพ่ายแพ้ได้เล่า?
“หึ! ซูเซียนฮุ่ย ท่านอย่าทำตัวมากความจนเกินไปนัก! ท่านซักถามคณะกรรมการครั้งแล้วครั้งเล่า หมายความว่าอย่างไรกันแน่? ”
อวิ๋นจิ่นมีนิสัยและอารมณ์สุภาพอ่อนโยน ทว่าอารมณ์ของหมอหลวงหวังกลับใช่ว่าจะดีเสมอไป
ซูเซียนฮุ่ยกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ทว่าไม่นานดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าเชื่อพวกท่านไม่ลง! ”
เหตุใด?
เชื่อกรรมการไม่ลง?
นี่คือแพ้ไม่ลงจึงเริ่มกัดผู้อื่นหรือไม่?
“ไม่เจียมตัว! ข้าเป็นหมอหลวงมาหลายปีไม่เคยถูกผู้ใดสงสัยมาก่อน หมอสวี่เป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองตี้จิง ทักษะทางการแพทย์เป็นที่ยอมรับของทุกคน แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งใดแล้ว ส่วนหมอหลวงอวิ๋น แม้ยังหนุ่มแน่น ทว่ากลับเป็นหมอหลวงอัจฉริยะ กระทั่งฮ่องเต้ยังทรงให้การยอมรับด้วยพระองค์เอง เจ้ามันก็แค่เด็กน้อยที่ไร้ประสบการณ์ มีสิทธิ์กระไรไม่เชื่อใจพวกข้า? ” หมอหลวงหวังใบหน้ามืดมนขึ้นมาในทันที
ซูเซียนฮุ่ยเชิดหน้ายืดอกตรง ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อในทักษทางการแพทย์ของท่าน ทว่าไม่เชื่อใจศีลธรรมในตัวท่าน”
นางชี้ไปทางอวิ๋นจิ่น “หมอหลวงอวิ๋น ผู้ใดบ้างไม่รู้ถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างท่านกับซูจิ่นซี ไม่เช่นนั้น หมอหลวงจากสำนักหมอหลวงที่ถวายการตรวจชีพจรให้ฝ่าบาทและฮองเฮาจะยอมมาเป็นกรรมการให้การแข่งขันเล็กๆ ในสกุลซูของพวกข้าได้อย่างไร? ซูอวี้เป็นคนของซูจิ่นซี หากท่านเข้าข้างซูอวี้ แล้วพวกข้าจะพูดกระไรได้? หมอหลวงหวัง ท่านและหมอหลวงอวิ๋นต่างก็มาเพื่อซูจิ่นซี ข้าคงไม่ต้องพูดอันใดให้มากความกระมัง? ส่วนท่าน หมอสวี่! แม้ท่านจะเป็นหมอประจำหอโอสถของสกุลซู ทว่าอย่างไรก็ตาม ไม่นานนี้สมุดบัญชีของหอโอสถสกุลซูในเมืองตี้จิงได้ถูกซูจิ่นซีโกงเอาไป ไม่แน่ท่านอาจถูกนางซื้อตัวไว้”
“คุณหนูเซียนฮุ่ย ท่าน… ท่านมาใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน! คนแก่อย่างข้าซื่อตรงกับวิชาชีพมาโดยตลอด จะถูกผู้อื่นซื้อตัวได้อย่างไร? ” หมอหลวงสวี่แสดงใบหน้าลำบากใจ
“ซูเซียนฮุ่ย ท่านกล้าดียิ่งนัก ท่านไม่เกรงกลัวว่าข้าจะลงโทษ ฐานที่ท่านใส่ร้ายขุนนางราชสำนักหรืออย่างไร? ” หมอหลวงหวังกล่าวขึ้น
ซูเซียนฮุ่ยเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มเย้ย “เหอะๆ ช่างน่าขันเสียจริง! หมองหลวงหวัง หากท่านใช้อำนาจมาแก้แค้น ถือเอาตำแหน่งขุนนางราชสำนักของท่านมากดขี่สตรีผู้อ่อนแออย่างข้า แล้วสามัญชนคนธรรมดาอย่างข้ายังจะพูดกระไรได้เล่า? ”
“ท่าน… ท่าน… ท่านทำให้ข้าโมโหยิ่งนัก… ”
เมื่อเผชิญหน้ากับคนพาลหาเรื่องอย่างซูเซียนฮุ่ย แม้หมอหลวงหวังจะโกรธมาก ทว่าไม่มีหนทางให้ทำอันใดได้แม้แต่น้อย เขาโกรธจนใบหน้าอึมครึม หมอหลวงหวังทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างโกรธเคือง พลางลูบอกของตนอย่างรุนแรง
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านเล่า? ท่านไม่พูดกระไรหน่อยหรือ? เป็นเพราะถูกข้าเปิดโปงความจริงใช่หรือไม่ จึงพูดไม่ออกเหมือนเป็นคนใบ้ อับอายเกินกว่าจะพูดหรือ? ” ซูเซียนฮุ่ยพูดกับอวิ๋นจิ่นอย่างอวดดี
การแสดงออกของอวิ๋นจิ่นสงบนิ่ง
แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่นมักปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอ ทว่ารอยยิ้มนั้นเป็นของซูจิ่นซีเพียงผู้เดียว สำหรับผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่ยุ่งวุ่นวายอย่างซูเซียนฮุ่ย เขาไม่แสดงใบหน้าอันดีด้วยอย่างแน่นอน
“หากคุณหนูซูเซียนฮุ่ยสงสัยในคำตัดสินของคณะกรรมการ ก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง ทว่าหากตรวจสอบไม่พบ จะถือเป็นการใส่ร้ายข้าและหมอหลวงหวัง ทั้งยังล่วงเกินพระชายา ราชสำนักไม่มีทางอภัยให้ท่านโดยเด็ดขาด”
อวิ๋นจิ่นพูดถึงขั้นนี้แล้ว ซูเซียนฮุ่ยยังตระหนักไม่ได้ถึงการกระทำอันโง่เขลาของตนเอง นางหัวเราะเยาะอย่างโง่งม “หึ! พวกท่านพูดทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองแล้ว ผลการตัดสินก็ประกาศแล้ว ข้ามันหัวเดียวกระเทียมลีบ หากตรวจสอบแล้วจะมีประโยชน์อันใด? แม้จะมีประโยชน์ ทว่าจะให้ข้าตรวจสอบอย่างไร? ข้าสามารถตรวจสอบได้หรือ? ”
อวิ๋นจิ่นกวาดสายตามองซูเซียนฮุ่ยอย่างเย็นชา เขานั่งหันกายไปทางซูจิ่นซีและพูดว่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยแนะนำว่าให้เปิดเผยคำถามการทดสอบและผลทุกอย่างในรอบนี้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์คนของพวกเรา”
“อ้อ? จะพิสูจน์อย่างไร? ”
“ในเมื่อคุณหนูซูเซียนฮุ่ยสงสัยในการตัดสิน สงสัยพวกเราสามคนและพระชายา เหตุใดจึงไม่ให้นางเลือกคนจากฝูงชนสักสองสามคนมาตรวจสอบผลการแข่งขันครั้งนี้เล่า หม่อมฉันไม่เคยรู้สึกละอายใจในการตรวจสอบของตนเอง”
“ซูเซียนฮุ่ย ท่านพอใจกับคำแนะนำของอวิ๋นจิ่นหรือไม่? ” ซูจิ่นซีถามซูเซียนฮุ่ย
“ตรวจสอบก็ตรวจสอบ! เช่นนี้ดีที่สุด! หมอหลวงอวิ๋น ท่านคิดว่าท่านไม่รู้สึกละอายใจในการตรวจสอบของตนเอง แล้วข้าจะกลัวท่านหรือ? ” ซูจิ่นซีไม่เข้าใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งยังเผชิญหน้ากับบุคคลสาธารณะแห่งวงการแพทย์ทั้งสามท่าน หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงขี้ขลาดหรือไม่ก็คงถอนตัวไปแล้ว ซูเซียนฮุ่ยไปเอาความมั่นใจและความกล้าหาญนี้มาจากที่ใด
“ซูเซียนฮุ่ย! ท่านกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่? ” ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ถามขึ้นมา
“เดิมพันกระไร? ” ซูเซียนฮุ่ยยังคงกล้าหาญไม่กลัวตาย
“เดิมพันผลการแข่งขัน หากผลการแข่งขันมีปัญหา นับว่าข้าแพ้แล้ว ท่านจะลงโทษอย่างไรก็ย่อมได้ ทว่าหากตรวจสอบผลการแข่งขันแล้วไม่มีปัญหา ก็ถือว่าเป็นท่านที่แพ้ ข้าต้องการให้ท่านคุกเข่าขอโทษกรรมการทั้งสามท่านและอวี้เอ๋อร์ ทั้งยังต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมดและวิ่งรอบถนนฉางอันสามรอบด้วย! ”