ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบ ก่อนหน้านี้หม่อมฉันโง่เขลา หลังจากฟื้นขึ้นมาก็มีความสามารถเช่นนี้แล้วเพคะ”
ซูจิ่นซีอธิบายรูปแบบการใช้งานของระบบถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยาฟังอีกครั้ง
“ซูจิ่นซี เจ้าไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีพูดด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก “หม่อมฉันไม่ได้กล่าวเท็จจริงๆ เพคะ”
เยี่ยโยวเหยายังไม่เชื่อนัก เขาจ้องไปที่ดวงตาของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีถูกเยี่ยโยวเหยาจ้องมอง ภายในใจรู้สึกสั่นไหว จู่ๆ นางก็พูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “ท่านอ๋องมีเรื่องตั้งมากมายที่ไม่ยอมบอกให้หม่อมฉันทราบมิใช่หรือ? ท่านอ๋องเองก็อาจมีเรื่องที่เคยโกหกหม่อมฉันใช่หรือไม่? ”
ทันใดนั้น แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกกดดันรอบตัวและบรรยากาศเยือกเย็นยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้น
จู่ๆ ซูจิ่นซีก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับตอนที่นางเพิ่งเข้ามาในจวนโยวอ๋องครั้งแรก เหมือนว่านางไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกและบรรยากาศเช่นนี้จากตัวของเยี่ยโยวเหยามานานมากแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน ซูจิ่นซีคงก้มศีรษะลงด้วยความตกใจ และหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอันใด
ทว่าในเวลานี้ซูจิ่นซีกลับเงยหน้าขึ้น นางสบสายตาเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่สะทกสะท้าน
เยี่ยโยวเหยาบีบปลายคางของซูจิ่นซีด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขายื่นใบหน้าเข้าใกล้ซูจิ่นซีแล้วพูดว่า “ซูจิ่นซี ข้ารู้สึกว่านับวันเจ้ายิ่งกล้ามากขึ้นทุกที ว่าอย่างไร? ข้าคงโปรดปรานเจ้ามากเกินไปจนทำให้เจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงใช่หรือไม่? ”
โปรดปราน?
เยี่ยโยวเหยาโปรดปรานซูจิ่นซีหรือ?
แม้เยี่ยโยวเหยาจะให้ข้อยกเว้นหลายอย่างแก่ซูจิ่นซี ทว่าเขากลับไม่เคยพูดคำพูดเช่นนี้ออกจากปากเลยสักครั้งและนี่คือครั้งแรก
เช่นนี้ นับได้ว่าเยี่ยโยวเหยายอมรับเป็นนัยว่าในใจของเขามีซูจิ่นซีแล้วใช่หรือไม่?
ซูจิ่นซีรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ ฝีปากจึงกล้ามากยิ่งขึ้น
“เป็นท่านอ๋องที่ยอมโปรดปราน ในเมื่อหม่อมฉันเป็นพระชายาที่ท่านอ๋องโปรดปราน หม่อมฉันก็จะร่วมมือด้วย ดีหรือไม่? ”
ในแววตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา จู่ๆ ก็ส่องประกายแปลกประหลาด ใบหน้าที่เคร่งขรึมและเย็นชาค่อยๆ เลือนหายไป บรรยากาศที่กดดันอยู่โดยรอบก็สลายหายไปเช่นกัน
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” เสียงดัง เขาใช้มือเดียวโอบซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมกอดอย่างสุขใจ
ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นเยี่ยโยวเหยาหัวเราะอย่างร่าเริงเช่นนี้มาก่อน นางไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ทว่าอาศัยความสามารถของอาคมกำไลปี่อั้น เรื่องที่เยี่ยโยวเหยาหัวเราะเสียงดังอยู่ข้างหูของนางนั้นเป็นความจริง เสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างต่อเนื่องของเขานั้นก็เป็นความจริง อ้อมกอดที่บึกบึนกว้างใหญ่ก็เป็นความจริง ผู้ที่อยู่ข้างกายนางราวกับเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์เคร่งขรึมยิ่งเป็นความจริง
ซูจิ่นซีเผยรอยยิ้มงดงามสดใส นางค่อยๆ ยื่นมือทั้งคู่โอบเอวเยี่ยโยวเหยาไว้อย่างกล้าหาญ
ภายในหุบเขาร้อยบุปผา หลังจากที่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาพาถังเสวี่ยจากไป ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งโกรธเป็นอย่างมาก นางรีบออกคำสั่งให้กลุ่มองครักษ์มือสังหารส่งคนไปนำตัวถังเสวี่ยกลับมาให้ได้
เฒ่าลวี่พาหมอหญิงที่มีทักษะทางการแพทย์เก่งกาจที่สุดจากหุบเขามาปรุงยาถอนพิษให้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง
ซูจิ่นซีวางยาพิษจักจั่นทอง มันไม่ใช่ยาพิษที่ร้ายแรงอันใด เพียงให้หมอหญิงในหุบเขาร้อยบุปผาที่มีทักษะทางการแพทย์มาปรุงยาถอนพิษให้ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแล้ว ไม่นานก็ถอนพิษให้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งได้สำเร็จ
“ฮึ กล้าก่อความวุ่นวายที่หุบเขาร้อยบุปผาของข้า ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่! ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งทุบที่วางแขนบนเก้าอี้อย่างรุนแรง แววตาเย็นชายิ่งนัก
หญิงรับใช้ข้างกายฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเดินเข้าประตูมาพอดี เมื่อเห็นท่าทางของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา แทบจะคุกเข่ากับพื้น
“มีเรื่องอันใด? ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของหญิงรับใช้ตน
หญิงรับใช้รีบรายงาน “รายงานฮูหยิน นอกจากคุณหนูจะพาโยวอ๋องกับพระชายาโยวอ๋องออกไปพร้อมกับใบชีเย่ ซงหมา และหญ้าเถาเซียน สมุนไพรทั้งสามชนิดแล้ว คุณหนูยังนำสมุนไพรล้ำค่าหายากจำนวนมากจากห้องลับไปอีกด้วย บ่าว… บ่าวได้ทำรายการสิ่งที่สูญหายออกมาแล้วเจ้าค่ะ”
ขณะที่พูดรายงาน หญิงรับใช้ก็ยื่นรายการใบหนึ่งให้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งด้วยมือที่ยังคงสั่นเทา
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งมองเพียงรายการเดียว ดวงตาพลันเบิกกว้างทันที นางลุกขึ้นจากเก้าอี้
“อันใดกัน? พวกนี้… สมุนไพรทั้งหมดนี้ เจ้าลูกนอกคอกเอาไปทั้งหมดเลยหรือ? ”
ในจำนวนสมุนไพรเหล่านั้น ส่วนมากต้องใช้เวลานับสิบปีหรืออาจหนึ่งร้อยปีจึงจะสามารถเพาะออกมาได้สักต้นหนึ่ง อีกทั้งขั้นตอนการปรุงยังยากมาก นึกไม่ถึงว่าจะถูกบุตรสาวของตนขโมยไปทั้งหมด
นางต้องการนำสมุนไพรเหล่านั้นไปทำอันใด?
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่ถังเสวี่ยจะไป นางได้แบกห่อสัมภาระเพียงใบเดียว นางคงไม่คิดจะนำสมุนไพรทั้งหมดนั้นมอบให้กับเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีหรอกกระมัง?
ลูกคนนี้ช่างเนรคุณจริงๆ
“ไป… รีบไปขัดขวางพวกเขา! ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็จะต้องขัดขวางพวกเขาให้ได้! นำยาสมุนไพรและคนทั้งหมดกลับมาให้ข้า” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งโกรธจนหน้ามืดตามัว แทบจะเป็นลม
หญิงรับใช้ข้างกายรีบเข้าไปพยุงนาง
“ฮูหยิน ท่านต้องรักษาสุขภาพของท่านนะเจ้าคะ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งจับไปที่หน้าอกของตนเอง “เหตุใดข้า… ข้าถึงมีบุตรสาวที่ไม่ได้ความเช่นนี้ หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ในตอนนั้นข้าไม่ควรเมินเฉยต่อคำคัดค้านของผู้คนมากมายและคลอดนางออกมา จริงๆ เลย… น่าโมโหจริงๆ ! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพูดพลางเดินโซเซนั่งลงบนเก้าอี้
เฒ่าลวี่มีความลังเลอยู่บ้าง ทว่ายังคงหยิบป้ายหยกชิ้นหนึ่งออกมามอบให้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง “ฮูหยิน พวกข้าน้อยเก็บสิ่งนี้ได้ที่ลานด้านนอก บ่าวได้ตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่สิ่งของในหุบเขาร้อยบุปผาพวกเรา คงเป็นขณะที่กำลังต่อสู้ โยวอ๋องหรือพระชายาโยวอ๋องอาจทำหล่นไว้ขอรับ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งมองเพียงครั้งเดียว นางเผยแววตาประหลาดใจและสะดุ้งตัวออกจากเก้าอี้ทันที สองมือที่ถือป้ายหยกสั่นเทา ใบหน้าตกตะลึง “ป้ายหยกชิ้นนี้… ป้ายหยกชิ้นนี้ เหตุใดถึงอยู่กับพวกเขาได้? ”
สิ่งที่เฒ่าลวี่ยื่นให้นั้น แน่นอนว่าเป็นป้ายหยกที่มีอักษร ‘จง’ สลักไว้ เป็นของที่ซูจิ่นซีเก็บได้จากหอโอสถสกุลซู
“ฮูหยิน! ”
เฒ่าลวี่มองฮูหยินเตี๋ยเมิ่งด้วยใบหน้าสงสัย
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งจับมือเฒ่าลวี่ด้วยความตื่นเต้น น้ำตาไหลซึมจากดวงตาด้วยความดีใจ “เป็นซีจือ นี่เป็นป้ายหยกของซีจือ! ”
“เป็นคุณหนูซีจือ? ฮูหยินมิได้ดูผิดนะขอรับ? ” ใบหน้าเฒ่าลวี่รู้สึกตื่นเต้นอยู่เช่นกัน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ
“ในปีนั้นข้ากับซีจือเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันจนสามารถตายแทนกันได้ นี่คือป้ายหยกติดตัวของซีจือ ข้าไม่มีทางจำผิดแน่? เฒ่าลวี่ ไป! เจ้ารีบไปตามเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีกลับมา พวกเขาจะต้องรู้ที่อยู่ของซีจือแน่ๆ ”
“ขอรับ ฮูหยิน! บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เฒ่าลวี่พูดจบก็หันหลังเดินออกไป เมื่อเขาแน่ใจว่าป้ายหยกที่สลักตัวอักษร ‘จง’ นั้นเป็นสิ่งของติดตัวของคุณหนูซีจือ ภายในใจพลันรู้สึกตื่นเต้นและกระวนกระวายใจไม่น้อยไปกว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง
หลังจากที่เฒ่าลวี่ออกไปแล้ว ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็สั่งให้คนทั้งหมดออกไป นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความสับสนราวกับตกอยู่ในภวังค์ น้ำตาคลอเบ้า
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งลูบป้ายหยกที่อยู่ในมือชิ้นนั้นอย่างแผ่วเบา พลางพูดว่า “ซีจือ ในตอนนั้นเจ้าไปที่ใดกันแน่? เหตุใดตอนที่เจ้าจากไปจึงไม่ได้บอกกล่าวอันใดไว้เลย? หลายปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใด? เจ้าสบายดีหรือไม่? ”
ภายในเมืองตี้จิงเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของผู้คนนับหมื่น หรืออาจถึงเรือนแสน ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับบังคับให้ซูจิ่นซีมอบเรื่องนี้ให้อวิ๋นจิ่นกับซูอวี้ที่มีอายุเพียงแปดขวบและเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้นำสกุลซูคอยจัดการ
ในเวลานั้นพวกเขาไม่ได้ออกจากหนานหลี ทว่ามุ่งลงไปทางใต้ พวกเขาเดินทางได้สามวันสามคืนแล้ว
“เยี่ยโยวเหยา พวกเราจะไปที่ใดกัน? ”
ซูจิ่นซีถามเป็นรอบที่สิบแปดแล้ว ทว่าทุกครั้งที่ซูจิ่นซีถาม เยี่ยโยวเหยาก็มีวิธีหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามเสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมพูดกับซูจิ่นซี
เขาคิดจะพาซูจิ่นซีไปที่ใดกัน?