เยี่ยโยวเหยาที่เดินอยู่ด้านหน้า หยุดเดินแล้วหันหลังมามองซูจิ่นซีทันที
ความโกรธในร่างกายของซูจิ่นซีลดลงในชั่วพริบตา นางยิ้มเหมือนลูกแมวเชื่องๆ แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ไม่… ไม่มีอันใดเพคะ เรื่องอันใดก็ไม่มีเพคะ”
แม่นมฮวายกมือปิดปากแอบหัวเราะ
ซูจิ่นซีมองไปที่แม่นมฮวาด้วยความโกรธ
ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็หันศีรษะมาอีกครั้ง
“ซูจิ่นซี ครั้งก่อนเรื่องที่ถูกลักพาตัวไป เจ้าควรอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือไม่? ”
อธิบาย?
ซูจิ่นซีรู้สึกมืดมนอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ซูจิ่นซีที่พึ่งจะกลับคืนสู่สภาพเดิม นางยังไม่ทันได้กลับไปที่เรือนอวิ๋นไคก็ถูกเยี่ยโยวเหยาดึงไปที่ตำหนักฝูอวิ๋นเสียแล้ว
เมื่อถึงตำหนักฝูอวิ๋น เยี่ยโยวเหยาก็ไม่รีบร้อนฟังซูจิ่นซีอธิบาย คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะให้คนไปตักน้ำใส่ในอ่างที่ตำหนักทางตะวันตก แล้วเริ่มอาบน้ำ
โชคดีที่ไม่ได้สั่งให้ซูจิ่นซีไปอาบให้ เพียงให้ซูจิ่นซีรออยู่ด้านนอก
ทว่าความรู้สึกที่ต้องรอคอยนี้ทรมานมากกว่าการอาบน้ำให้เยี่ยโยวเหยาเสียอีก
ห้องอาบน้ำของเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ตำหนักฝูอวิ๋นได้สร้างที่อาบน้ำกลางแจ้งขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งใช้พื้นที่ทั้งห้อง ยิ่งกว่านั้นยังสร้างได้หรูหรามาก
สระน้ำยิ่งมีขนาดใหญ่ เวลาอาบน้ำก็ยิ่งเคลื่อนไหวได้มาก
ไอน้ำปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนักฝูอวิ๋น ปลายจมูกได้กลิ่นน้ำหอมหลงเสียนจางๆ ซูจิ่นซีที่กำลังดมกลิ่นน้ำหอมอยู่ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แก้มของนางแดงระเรื่ออย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้จะมีผ้าม่านผืนใหญ่และหนาทึบกั้นอยู่ ทว่าซูจิ่นซีกลับอดจินตนาการถึงท่วงท่าการอาบน้ำของเยี่ยโยวเหยาไม่ได้
ในน้ำกระจ่างใส ผิวสีน้ำผึ้งเปล่งประกายเป็นเงามัน การผสมผสานระหว่างรูปร่างที่คล่องแคล่วแข็งแรงและกล้ามเนื้อได้รูปที่สมบูรณ์แบบนั้นน่าดึงดูดมากขึ้นเมื่ออยู่ใต้น้ำ ผมยาวสีเข้มเปล่งประกายพลิ้วไหวไปตามผิวน้ำ บดบังทัศนียภาพข้างใต้ ทว่าสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่เหมือนผู้ใดในโลกนี้
ท่ามกลางไอน้ำหนาทึบจนทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนนั้น มีร่างหนึ่งค่อยๆ หันมา ทำให้ผู้คนที่พบเห็นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เจ้ากำลังทำอันใด? ”
เสียงที่โกรธเกรี้ยวเล็กน้อยลากความคิดของซูจิ่นซีที่ล่องลอยอยู่ในเมฆกลับมาสู่ความเป็นจริง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองพึ่งคิดเมื่อครู่ ทั้งร่างของซูจิ่นซีก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาในทันที ร่างกายของนางร้อนไหม้จนแทบจะระเหยกลายเป็นไอขึ้นไปบนฟ้า
เหมือนกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น ซูจิ่นซีรีบหันกลับมา นางวางมือทาบไว้ที่หน้าอกตนเองด้วยความรู้สึกผิด
สวรรค์!
เมื่อครู่นางทำสิ่งใดลงไป?
เยี่ยโยวเหยาพึ่งเดินออกมาจากอ่างอาบน้ำ เขานุ่งผ้าผืนใหญ่สีขาวราวหิมะ เมื่อมองดูซูจิ่นซีที่มีท่าทางประหม่าเช่นนั้น มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นรอยยิ้มที่สวยงามตรงมุมปากของเยี่ยโยวเหยา เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ใช่ผู้ที่ชอบยิ้ม เขามักทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้เพียงความเย็นชาอยู่เสมอ
“ยืนทำสิ่งใดอยู่? ยังไม่มาปรนนิบัติข้าอีก? ”
ปรน… ปรนนิบัติ?
ซูจิ่นซีหันศีรษะมามองด้วยความประหลาดใจ นางยกนิ้วชี้มาที่ใบหน้าของตนเอง “ท่านอ๋อง ท่านหมายถึงหม่อมฉันหรือเพคะ? ”
“หรือว่าที่นี่ยังมีผู้อื่นอยู่อีกหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยากล่าวเสียงเย็นชา
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีส่งเสียงตอบรับแห้งๆ นางเดินไปยืนอยู่ด้านข้างของเยี่ยโยวเหยา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามือเท้าของตนช่างเกะกะเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรทำอันใด
“ช่วยข้าเช็ดน้ำบนร่างกายให้สะอาด! ”
เยี่ยโยวเหยากางแขนแล้วพูดอย่างเย็นชา
มือของซูจิ่นซีแข็งทื่ออีกครั้ง
บนร่างกายของเยี่ยโยวเหยามีเพียงผ้าผืนใหญ่ที่นุ่งอยู่เท่านั้น หากช่วยเขาเช็ดน้ำก็ต้องเปิดผ้า เช่นนั้นแล้วทิวทัศน์ด้านล่างนั้นก็จะปรากฎออกมา?
จะต้องให้นางทำตัวไม่ถูกถึงเพียงใดกัน!
“ท่านอ๋อง! คือว่า… ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว น้ำเสียงอู้อี้
“มีเรื่องอันใด? ”
“คือว่า… สามารถ… สามารถให้ผู้อื่นช่วยท่านได้หรือไม่เพคะ? หม่อมฉัน… หม่อมฉัน… ”
เยี่ยโยวเหยาโน้มตัวลงมาทันที ส่งเสียงเย้ายวนกระซิบข้างหูของซูจิ่นซี “พระชายาที่รัก ต้องการให้ผู้ใดมาเล่า? ”
ซูจิ่นซีมือไม้อ่อนจนทำสิ่งใดไม่ถูก นางรีบเดินไปที่โต๊ะด้านข้าง และหยิบผ้าเช็ดตัวผืนแห้งมา ซูจิ่นซีไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าชื่อที่เยี่ยโยวเหยาเรียกนางเปลี่ยนเป็น ‘พระชายาที่รัก’
และไม่รู้ด้วยว่าเยี่ยโยวเหยาคิดอะไรอยู่ในใจ หางคิ้วของเขาปรากฏความเย็นชา เยี่ยโยวเหยาเงยหน้า หลับตาลงอย่างแผ่วเบา พึงพอใจกับการปรนนิบัติของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีทำตัวราวกับลูกแมวที่เชื่อฟังอย่างไรอย่างนั้น นางถือผ้าเช็ดไปตามร่างกายของเยี่ยโยวเหยาทีละนิด ผ้าผืนใหญ่นั้นยังไม่ได้ปลดออกไป แค่เพียงแขนทั้งสองข้างของเยี่ยโยวเหยากับร่างกายครึ่งหนึ่งที่เปลือยเปล่า ซูจิ่นซีก็ใช้เวลาเช็ดนานถึงครึ่งชั่วยาม
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้เอ่ยเร่งรัดเช่นกัน เขายังคงรักษาไว้ซึ่งท่าทีของชายผู้มั่งคั่งและเย็นชาอยู่เสมอ
ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะถ่วงเวลาเท่าไร เรื่องที่ต้องเผชิญก็ต้องเผชิญจนได้
ซูจิ่นซีวางผ้าเช็ดตัวที่ถืออยู่ไว้บนโต๊ะ นางหันหลังกลับไป สูดหายใจเข้าลึกๆ นางช่างซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรเช่นนี้ เมื่อหันกลับมาก็ส่งยิ้มให้เยี่ยโยวเหยาอย่าง ‘มืออาชีพ’ แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านเตรียมตัวดีแล้วใช่หรือไม่เพคะ! ข้าจะดึงผ้าบนร่างกายของท่านแล้วเช็ดส่วนที่เหลือนะเพคะ! ”
“อืม! ”
เสียงของเยี่ยโยวเหยายังคงเย็นชาเป็นอย่างมาก ต่างจากซูจิ่นซีที่ยิ้มอย่างใจเย็น ทว่าในใจกลับยิ่งกังวลมากขึ้น
นางถือผ้าแห้งไว้ในมือข้างหนึ่ง และยื่นมืออีกข้างออกไปปลดผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ของเยี่ยโยวเหยาอย่างระมัดระวัง
ทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด…
ซูจิ่นซียืนอยู่ด้านหลังของเยี่ยโยวเหยา แผ่นหลังกว้างและเต็มไปด้วยแผลเป็นค่อยๆ เปิดเผยออกมา ปรากฏพื้นที่ราบไปจนสุดทาง นางเห็นเอวที่เว้าโค้งอย่างสมบูรณ์ หัวใจของซูจิ่นซีเต้น ‘ตึกตึกตึก’ อย่างบ้าคลั่งทว่าไร้ร่องรอย นางตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะทะลุมาถึงคอหอยแล้ว
ลงไปอีก… จะเห็นสิ่งที่ไม่ต้องการเห็นที่สุดแล้ว ซูจิ่นซียอมรับว่าตนเองไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะต้านทานความหล่อระดับพระเจ้าของเยี่ยโยวเหยา ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่านางบ้าผู้ชาย
นางยังมีขอบเขต นางไม่เคยแต่งงานมาก่อน และยังเป็นสตรีที่ไม่มีประสบการณ์ทางโลก
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็หลับตาแน่น อารมณ์ที่แสดงออกมาไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น นางดึงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ของเยี่ยโยวเหยาออก ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างถือผ้าแห้งเช็ดมั่วไปหมด
“อ่ะอ่ะอ่ะอ่ะ! ”
ซูจิ่นซีเช็ดเช็ดเช็ดเช็ด เช็ดอยู่อย่างนั้นสักพักอย่างมั่วซั่วทั้งบนล่าง อย่างไรก็ตามดวงตาของนางปิดอยู่จึงไม่รู้ว่ามือของตนเช็ดที่ใดไปบ้าง หลังจากเช็ดด้านหลังเสร็จแล้ว ซูจิ่นซีก็กะองศาหามุมย้ายมาเช็ดทางด้านหน้าของเยี่ยโยวเหยาต่อ
“อืม…ส์… ”
ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีเช็ดโดนส่วนใดของเยี่ยโยวเหยาเช่นกัน ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็ส่งเสียงต่ำคลุมเคลือที่ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขออกมา
“ให้ตายเถิด!”
เยี่ยโยวเหยาจับมือของซูจิ่นซี
พระเจ้า ฆ่าข้าเลยเถิด!
ดวงตาทั้งสองข้างของซูจิ่นซียังคงปิดสนิท ไม่กล้าลืมตาขึ้นมาแม้แต่น้อย ท่าทางแสดงออกถึงการขอความเมตตาจากท่านอ๋อง
“ท่านอ๋อง… เป็นท่าน… เป็นท่านที่สั่งให้ข้าเช็ดนะ! ”
“ข้าให้เจ้าเช็ดน้ำให้ข้า ไม่ใช่ให้คนตาบอดมานวด”
ซูจิ่นซีตกใจร่างกายสั่นสะท้านทันที นางมีความคิดอยากเอาหัวโหม่งให้ตาย
“ท่านอ๋อง… หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ หม่อมฉันสาบาน! ”
“ออกไป! ”
เยี่ยโยวเหยาสะบัดซูจิ่นซีออกไป
ซูจิ่นซีกลิ้งสองสามครั้งแล้วล้มลงบนเตียงนุ่ม พอลืมตาขึ้น ก็ไม่กล้ามองสถานการณ์รอบๆ ซูจิ่นซีรีบลุกขึ้นและเดินออกจากตำหนักฝูอวิ๋นไป
ไม่ ช้าก่อน!
เหมือนว่านางจะมองเห็นสิ่งใดบางอย่าง
ซูจิ่นซีรีบ ‘เบรก’ หยุดเท้าอย่างกะทันหันแล้วหันหลังกลับไป
ที่แท้เยี่ยโยวเหยาก็ใส่กางเกงไว้ข้างใน
หากนางรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางคงไม่กังวลถึงเพียงนั้น เหตุใดนางต้องรีบหลับตาด้วย?
“หืม? ”
เยี่ยโยวเหยาหันศีรษะกลับมาทันทีด้วยสายตาที่เย็นชา
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ราวกับลูกแมวที่ถูกเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น นางรีบพาตนเองอันตรธานหายไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาในชั่วพริบตา
กังวลเกินไป กลัวเกินไป ผิดปกติเกินไป… ซูจิ่นซีเอาแต่เดิน จนลืมไปเสียสิ้นถึงจุดประสงค์เดิมของเยี่ยโยวเหยาที่ลากนางมายังตำหนักฝูอวิ๋น เพื่อฟังนางอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกลักพาตัวไป