“ค่ายกลนี้ เดิมเป็นค่ายกลที่ผสมผสานและใช้ประโยชน์จากห้าธาตุ หากคนทั่วไปเผชิญหน้ากับค่ายกลประเภทนี้ต้องตายสถานเดียว ทว่าในตัวเจ้ามีอาคมกำไลปี่อั้น เจ้าสามารถได้ยินในสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้ยิน ดังนั้นกลไกที่มาจากธาตุทั้งห้าจะกลายเป็นจุดอ่อนในทันที”
เยี่ยโยวเหยาเริ่มอธิบาย “ธาตุทั้งห้าแบ่งออกเป็น ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน ห้าธาตุที่สอดรับเกื้อหนุนกันคือ ไม้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง ทองเกิดน้ำ น้ำเกิดไม้ และห้าธาตุที่ขัดกันหรือทำลายล้างกันคือ ไม้ทำลายดิน ดินทำลายน้ำ น้ำดับไฟ ไฟหลอมทอง ทองทำลายไม้”
เยี่ยโยวเหยาอธิบายเช่นนี้ ซูจิ่นซีจึงเข้าใจในทันที เสียงขับเคลื่อนกลไกมาจากห้าตำแหน่งที่แตกต่างกัน เสียงของกลไกที่ดังเบาและสั้นยาวนั้นมาจากธาตุทั้งห้าที่เกื้อหนุนและทำลายล้างกัน ไม่นานนักซูจิ่นซีก็สามารถแยกแยะตำแหน่งแต่ละแห่งของห้าธาตุได้
“ทิศตะวันออกไม้ ทิศใต้ไฟ ตรงกลางดิน ทิศตะวันตกทอง ทิศเหนือน้ำ”
ตำแหน่งนี้เหมือนกับตำแหน่งปกติของธาตุทั้งห้า
“ค่ายกลทุกชนิดล้วนมีดวงตาค่ายกล ดวงตาค่ายกลจะผันแปร หมุนวนรอบธาตุทั้งห้าไม่รู้จบ ในแต่ละตำแหน่ง หากต้องการทำลายค่ายกล จะต้องเข้าไปในดวงตาค่ายกลให้ได้เสียก่อน”
“ข้าหาตำแหน่งดวงตาค่ายกลพบแล้ว”
เยี่ยโยวเหยาเพิ่งอธิบายเสร็จ ซูจิ่นซีก็พูดสวนขึ้นทันที
เมื่อสิ้นเสียงพูด ซูจิ่นซีก็จูงมือเยี่ยโยวเหยา
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีจูงมือเยี่ยโยวเหยาก่อน แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันเปล่งประกาย
ซูจิ่นซีพาเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในดวงตาค่ายกลได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าไปในดวงตาค่ายกลได้แล้ว ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นรอบๆ ลำแสงเจิดจ้าดั่งแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องลงมาจากด้านบน ทำให้บนพื้นดินปรากฏตัวอักษรจำนวนมาก
การทำลายค่ายกล ส่วนที่ยากที่สุดคือต้องหาดวงตาค่ายกลให้พบ ในเวลานี้ พวกเขาหาดวงตาค่ายกลพบแล้ว กอปรกับความเข้าใจในเรื่องธาตุทั้งห้าของเยี่ยโยวเหยา เขาไม่จำเป็นต้องให้ซูจิ่นซีฟังเสียงกลไกอีกแล้ว ทั้งยังสามารถหาตำแหน่งประตูเป็นได้อย่างรวดเร็ว
“ไปทางนี้! ”
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีออกไปทางประตูเป็น
“พวกเราออกมาได้แล้ว! ”
ซูจิ่นซียืนอยู่ตรงข้ามเขาวงกต นางหันกลับไปมองด้วยความดีใจ
ทว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขากลับเลือนหายไปในทันที
เพราะขณะที่พวกเขาทั้งสองหันหลังกลับไป กลไกในเขาวงกตทั้งหมดก็กลับมาทำงานอีกครั้ง
“แย่แล้ว ประตูเป็นกับประตูตายของค่ายกลนี้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน”
ชั่วพริบตา พื้นหินสีเขียวใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาเกิดยุบตัวลง ขณะเดียวกันอาวุธลับทั้งหมดในกลไกเขาวงกตก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
เยี่ยโยวเหยาดึงมือซูจิ่นซีให้ถอยกลับ พื้นด้านหลังของพวกเขาทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว นี่คือช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตาย
“เยี่ยโยวเหยา ด้านหน้ายังมีเสียงของกลไก มันคือแท่นกดทำลายกลไกหรือไม่? ”
“อยู่ตำแหน่งใด? ” เยี่ยโยวเหยาถามเสียงหนักแน่น
“ทิศเหนือ แถวที่สี่ หลังแผ่นหินก้อนที่สาม”
สวรรค์ล่วงรู้ ความเร็วของเยี่ยโยวเหยามีมากเพียงใดในเวลานี้ อาวุธลับจำนวนมากพุ่งเข้ามาหาพวกเขาดั่งห่าฝน หากเยี่ยโยวเหยาหมุนตัวกลับไปป้องกัน ย่อมไม่มีทางขัดขวางได้ พวกเขาต้องถูกอาวุธลับพุ่งเสียบร่างจนพรุนเหมือนรังแตนเป็นแน่
พวกเขาทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้า อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังโล่งกว้าง ไม่มีวัตถุอันใดที่สามารถนำมาเป็นเกราะกำบังได้เลย
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีไปถึงตำแหน่งที่นางบอกไว้อย่างรวดเร็ว เขาตวัดกระบี่ยาวเสียบลงไปบนแผ่นหินสีเขียวก้อนนั้น ทันทีที่ตวัดกระบี่ลงไป แผ่นหินสีเขียวก้อนนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ในขณะเดียวกัน เสียงจากทางด้านหลังพลันเงียบลง
ทั้งสองหันหลังกลับไปมองพร้อมกัน อาวุธลับที่อยู่ด้านหลังทั้งหมด หยุดนิ่งกลางอากาศเหมือนเวทมนตร์ ลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งหยุดอยู่ที่กลางหว่างคิ้วของซูจิ่นซี อีกเพียงนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น ธนูดอกนั้นก็จะเสียบเข้าที่ศีรษะของซูจิ่นซี และนางก็จะตายในทันที
เกิดเสียงครืนดังขึ้น อาวุธทั้งหมดที่ลอยอยู่กลางอากาศตกลงบนพื้น
“เกือบไปแล้ว” ซูจิ่นซีถอนหายใจโล่งอก
หากลูกธนูดอกนี้ค้างเติ่งอยู่กลางหว่างคิ้วของเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาคงไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อครู่เป็นซูจิ่นซีที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ไป! ” เยี่ยโยวเหยาจูงมือซูจิ่นซี
ตามคำแนะนำของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึงพบห้องศิลาที่ใช้คุมขังเหล่ามือสังหาร และอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีก็ทำลายกลไกที่ประตูได้ไม่ยาก
ครู่เดียวพวกเขาก็เปิดประตูห้องศิลาได้
“ท่านอ๋อง พระชายา”
เหล่ามือสังหารต่างมีท่าทีประหลาดใจที่เห็นเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีมาช่วยพวกเขาด้วยตนเอง ทุกคนต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี
“รีบทานยานี้ก่อน”
ซูจิ่นซียื่นยาถอนพิษที่ปรุงเรียบร้อยแล้วให้กับทุกคน
“ยาถอนพิษนี้สามารถระงับพิษในร่างกายได้ชั่วคราวและฟื้นคืนวรยุทธ์ของทุกคน ส่วนพิษที่หลงเหลืออยู่ หลังจากออกไปได้แล้ว ข้าจะหาสมุนไพรมาทำยาถอนพิษให้อีกครั้ง” ซูจิ่นซีพูดขึ้น
“ขอบพระทัยพระชายา”
เหล่ามือสังหารทานยา และแสดงความขอบคุณซูจิ่นซี
“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ กลไกด้านนอกได้ถูกทำลายไปแล้ว กูสือซานกับพวกคงล่วงรู้แล้ว ข้ากับท่านอ๋องจะเป็นด่านหน้าป้องกันเผื่อฝ่ายตรงข้ามใช้พิษ ทุกคนคอยคุมเชิงด้านหลัง พวกเราออกไปได้แล้วค่อยว่ากัน”
“พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนต่างตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
เยี่ยโยวเหยายังคงจูงมือเดินนำซูจิ่นซีอยู่ด้านหน้า
เป็นไปตามคาด ขณะที่พวกเขาเดินออกจากเขาวงกต กูสือซานก็พาพรรคพวกบุกเข้ามาพอดี
“โยวอ๋อง ราชครูอย่างข้า รอต้อนรับท่านอยู่นานแล้ว”
แววตาของเยี่ยโยวเหยาเผยไอสังหาร ใบหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้พูดอันใด ทำเพียงคว้ากระบี่ออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้อย่างเต็มกำลัง
เยี่ยโยวเหยามีบุคลิกเย็นชา พูดน้อยต่อยหนักและไม่ไว้หน้าผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไร เขาจะไม่พูดจาให้มากความในเรื่องที่ต้องใช้กำลังในการแก้ปัญหา
“บุก วันนี้ผู้ใดจัดการโยวอ๋องได้ ข้าจะตกรางวัลเป็นทองหมื่นชั่ง”
กูสือซานออกคำสั่ง ทันใดนั้น องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดต่างพุ่งเข้าโจมตีเยี่ยโยวเหยา
การรับมือกับลูกสมุนพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เยี่ยโยวเหยาที่อยู่ในฐานะท่านอ๋องลงมือด้วยตนเอง เยี่ยโยวเหยาเผยใบหน้าเย็นชา เขาดึงซูจิ่นซีให้ถอยหลังสองก้าว เหล่ามือสังหารที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดต่างพุ่งเข้าโจมตีแทน
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะลอยข้ามไป พุ่งเข้าโจมตีกูสือซาน
“หึ โอบสตรีงามเข้าร่วมรบ โยวอ๋อง เจ้าช่างสุขกายสุขใจ ทั้งยังเจ้าชู้ไม่เบา” กูสือซานกระชากเสียง พร้อมเข้าประมือกับเยี่ยโยวเหยาได้มากกว่าสิบกระบวนท่า
แม้ซูจิ่นซีจะไม่รู้วรยุทธ์ ทว่าหลังจากได้ร่วมต่อสู้มาหลายครั้งหลายครา นางพอจะมองรูปแบบการต่อสู้ภายนอกได้บ้าง
ต้องบอกว่า กูสือซานนับเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ร้ายกาจผู้หนึ่ง อย่างน้อยเขาก็เก่งกว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามากนัก สามารถรับมือกับเยี่ยโยวเหยาได้อย่างทัดเทียม
ทว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป มือสังหารที่ต่อสู้อยู่ด้านหลังคงยืนหยัดได้ไม่นานนัก ทั้งกูสือซานยังมีฝีมือที่ร้ายกาจเช่นนี้ วันนี้พวกเขาคงออกไปจากที่นี่ได้ยาก
ต้องคิดหาหนทางอื่น
ในเวลานี้ หมอพิษสี่คนที่มาพร้อมกับกูสือซาน และคอยยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ได้เริ่มใช้พิษแล้ว
ระบบถอนพิษส่งเสียงแจ้งเตือนอย่างบ้าคลั่ง
หมอพิษใช้พิษอย่างต่อเนื่อง ซูจิ่นซีก็กำจัดพิษอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เป็นเช่นนี้ไปห้าหกกระบวนท่า กูสือซานเริ่มให้ความสนใจกับสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยาบ้างแล้ว
“คิดไม่ถึงว่า สตรีอย่างเจ้าจะเป็นยอดฝีมือในการใช้พิษเช่นกัน มิน่าเล่า เยี่ยโยวเหยาถึงไม่ยอมปล่อยเจ้าออกจากอ้อมกอด ทว่าเยี่ยโยวเหยา อาศัยสตรีเพียงผู้เดียวร่วมรบ นับเป็นยอดฝีมืออันใด เจ้ามีความสามารถเท่านี้เองหรือ? ”