“มีคนออกมาแล้ว”
“เป็นพระพระชายาโยวอ๋อง”
“มาดูเร็ว พระชายาโยวอ๋องออกมาแล้ว”
“พระชายาโยวอ๋อง คดีเกี่ยวกับฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮา ท่านสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง? บอกผลลัพธ์กับทุกคนหน่อยเถิด! ที่บ่อนพนันทุกคนได้วางเดิมพันไปแล้ว ท่านอย่าทำให้ทุกคนผิดหวังนะ! ”
“ใช่! สรุปสืบความได้ว่าอย่างไรบ้าง ท่านรีบพูดเถิด! ”
เดิมพัน?
เรื่องนี้ซูจิ่นซีไม่เคยได้ยินมาก่อน!
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง คนในยุคโบราณก็เล่นการพนัน
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านพูดอันใดสักหน่อยเถิด! ”
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านเป็นใบ้แล้วหรืออย่างไร? พูดสิ! มีผลแล้วก็คือมีผลแล้ว ไม่มีผลก็บอกไม่มีผล ท่านเงียบเช่นนี้ต้องการปล่อยให้ทุกคนกังวลอย่างนั้นหรือ! ”
“ใช่! พระชายาโยวอ๋อง ทุกคนต่างก็รออยู่นะ! ”
ทันใดนั้นฝูงชนก็ส่งเสียงเห็นพ้องดังลั่น ทว่าไม่ว่าจะบีบบังคับอย่างไร ซูจิ่นซีก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่พูดอันใดแม้แต่ประโยคเดียว
ด้านบนโรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม มีร่างผู้ที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากยืนอยู่ ‘ฮั่วอวี้เจียว’
ฮั่วอวี้เจียวยืนมองสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนโยวอ๋องอย่างเย็นชา ใบหน้าเล็กที่งดงามเต็มไปด้วยคำถาม
ทว่าการแสดงออกของฉิงสั่ว สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“คุณหนู รอดูว่าข้าน้อยจะจัดการกับนางอย่างไรนะเจ้าคะ! ”
ฉิงสั่วพูดแล้วเดินลงไปด้านล่างโรงน้ำชา
ฮั่วอวี้เจียวขวางนางไว้
“ฉิงสั่ว พวกเรามาเพื่อสังเกตดูว่าทางซูจิ่นซีสืบความอันใดได้หรือไม่ เจ้าอย่าก่อเรื่อง”
“คุณหนู! รอจนซูจิ่นซีสืบเรื่องราวได้ก็คงสายไปเสียแล้วนะเจ้าคะ! หากใจสตรีไม่เด็ดเดี่ยว ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนะเจ้าคะ หรือว่าหลังจากนี้ ท่านเต็มใจที่จะเห็นท่านอ๋องกับซูจิ่นซีอยู่ด้วยกันหรือเจ้าคะ? ”
ฉิงสั่วทุกข์ใจกับเรื่องนี้มากกว่าฮั่วอวี้เจียวเสียอีก
“นี่มิใช่ว่าไม่มีผลลัพธ์หรือ? แล้วอีกอย่าง เรื่องที่ท่านพี่และฮองเฮาถูกพิษนั้น… ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าไปไม่ได้”
ฮั่วอวี้เจียวดึงฉิงสั่วไว้ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
“คุณหนู เพราะว่าเรื่องที่คุณชายใหญ่กับฮองเฮงถูกพิษนั้นเกี่ยวข้องกับพวกเรา ดังนั้นข้าน้อยจึงยิ่งต้องไปเจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านกับข้าน้อยต่างรู้อยู่แก่ใจ ไม่มีที่ว่างให้หนีอีกแล้ว หากซูจิ่นซีประกาศทุกอย่างต่อสาธารณชน ก็สายเกินไปเสียแล้วนะเจ้าคะ”
ฮั่วอวี้เจียวขมวดคิ้วแน่น สภาพจิตใจของนางตอนนี้ไม่มั่นคง ฉิงสั่วใช้โอกาสนี้สะบัดตัวหลุดจากมือของฮั่วอวี้เจียว แล้วรีบลงไปด้านล่าง
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านต้องการสิ่งใด หากพูดออกมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดแล้ว เพียงสารภาพผิดกับคุณหนูใหญ่ฮั่วก็พอ ทุกคนจะไม่กล่าวโทษอันใดท่าน ทว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วขอให้ท่านรักษาสัญญา ออกไปจากจวนโยวอ๋องด้วยตนเอง”
ทันใดนั้นก็มีเสียงประหลาดท่ามกลางฝูงชนดังขึ้นดึงดูดความสนใจของซูจิ่นซี เมื่อครู่ทุกคนต่างกดดันซักถาม ทว่าไม่มีผู้ใดที่กล้าหาญและยั่วยุอย่างเปิดเผย
ชาวบ้านอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน พวกเขาต่างมองหาทิศทางว่าเสียงนั้นมาจากที่ใด อีกทั้งยังหลีกทางออกเป็นสองฝั่งจนเหลือเพียงพื้นที่ตรงกลาง ฉิงสั่ว…เจ้าของเสียงเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีทีละก้าวๆ
“อ้อ? เจ้ามาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคุณหนูฮั่วหรือ? ”
ฉิงสั่วคิดไม่ถึงว่าสายตาของซูจิ่นซีจะเฉียบแหลมเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าเพียงแวบเดียวก็สามารถมองเห็นถึงความตั้งใจของนางได้อย่างรวดเร็ว ฉิงสั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพียงแต่ไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจนบนใบหน้า ถึงอย่างไรเสีย ที่จวนสกุลฮั่ว นางก็ไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา
“ข้าเพียงต้องการรู้ความจริงเท่านั้น เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อย่างไรเล่า ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ่อนพนันที่ลงเดิมพัน”
“ในเมื่อวางเดิมพัน เช่นนั้นก็รอดู เมื่อสิ้นสุดการเดิมพัน ผลการแข่งขันจะประกาศอย่างเป็นทางการเอง”
ซูจิ่นซีกล่าว
ฉิงสั่วถูกตอกกลับจนหน้าหงาย
ในสมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว “เมื่อลงเดิมพันแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องรอจนกว่าจะประกาศผลแล้วค่อยพูด เพียงแต่พระชายาโยวอ๋อง ทุกคนต่างก็ได้ยินข่าวลือ เรื่องที่ฮองเฮาต้องพิษนั้นเป็นท่านที่วางยา ยอดฝีมือแห่งการถอนพิษก็คือยอดฝีมือในการวางยาพิษ มิเช่นนั้นฮองเฮาจะทรงประชวรมานานถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน แม้แต่หมอหลวงแห่งสำนักหมอหลวงก็ไม่มีวิธีรักษา เหตุใดพระชายาโยวอ๋องจึงรักษาให้หายได้? ”
น่าขัน ฮองเฮาได้รับพิษเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นซูจิ่นซียังไม่ทันได้ข้ามภพมาเลย! เจ้าของร่างเดิมยังเป็นเพียงคนโง่เขลาผู้หนึ่ง แม้แต่โอกาสที่จะเข้าวังยังไม่มี นางจะวางยาพิษฮองเฮาได้อย่างไร?
“อะไรนะ? คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกกระมัง? เจ้าไปฟังมาจากผู้ใดกัน? มีข่าวลือพวกนี้ด้วยหรือ? ”
“นั่นนะสิ? ผู้ใดที่พูดกัน? ”
“เป็นเรื่องจริงหรือไม่? หากพิษบนร่างกายของฮองเฮาเป็นพระชายาโยวอ๋องที่เป็นผู้วางยา เช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ไม่แน่ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะ! ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยถูกพิษ พวกเจ้าลองคิดดูสิ ท่านอ๋องเก่งกาจถึงเพียงนั้น ผู้ใดกันที่มีความสามารถวางยาพิษท่านอ๋องได้? ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนข้างกายของท่านอ๋องที่ทำ อาจเป็นพระชายาโยวอ๋อง”
หึๆ ตอนที่เยี่ยโยวเหยาถูกพิษ ซูจิ่นซียังไม่รู้จักเขาเลย นางยังไม่ได้แต่งเข้าจวนเขาเลยด้วยซ้ำ!
คนพวกนี้มีความสามารถแพร่ข่าวลือได้กว้างขวางเสียจริง
ฝูงชนมองไปยังทิศทางของซูจิ่นซี ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกกลัวเสียยิ่งกว่าพบเทพเฮยไป๋อู่ฉาง [1] เสียอีก ต่างพากันออกห่างจากซูจิ่นซีให้ไกลขึ้นอีกหน่อย พวกเขากลัวว่าในวินาทีต่อมาจะถูกซูจิ่นซีลอบวางยาพิษ
ฉิงสั่วเห็นว่าฝูงชนที่โง่เขลาถูกนางยั่วยุได้สำเร็จ รอยยิ้มพอใจก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“แม่นางผู้นี้ แม้แต่เจ้าเองยังพูดว่าเป็นข่าวลือ เพียงข่าวลือเจ้าก็เชื่อแล้วเช่นนั้นหรือ? ”
รอยยิ้มที่มุมปากของฉิงสั่วเลือนหายไป ทว่าคำพูดของซูจิ่นซีไม่ได้ระงับความหยิ่งยโสของฉิงสั่วได้ทั้งหมด
“ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น หากไม่ใช่เพราะพระชายาโยวอ๋องกระทำสิ่งใดจริง ข่าวลือนั้นคงไม่สามารถแพร่สะพัดไปยังท่านได้โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุหรอก! มิเช่นนั้น พระชายาโยวอ๋อง ท่านพูดอธิบายให้ทุกคนฟังเสียหน่อยเถิด! ฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮานั้น ท่านสืบได้ความว่าอย่างไรเล่า? ”
ฉิงสั่วกล่าวเสียงดัง
“ทุกคนต่างก็พูดกัน จะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือไม่! ”
ฉิงสั่วตะโกนอีกครั้ง
“เช่นนั้นพระชายาโยวอ๋องผู้มีมือสะอาดจนไม่จำเป็นต้องล้างเช่นท่าน ก็ควรอธิบายเสียหน่อย! ”
“พูดเถิด! พระชายาโยวอ๋อง ในเมื่อทุกคนต่างก็วางเดิมพันข้างท่านแล้ว ต่างยืนยันว่าเชื่อในฝีมือของท่าน ท่านก็อย่าได้ปล่อยให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องเป็นกังวลกับการรอคอยเลย! ใช่หรือไม่? ”
“พระชายาโยวอ๋อง หากท่านยังไม่ยอมพูดอีก ทุกคนก็คงสงสัยว่าคำพูดของแม่นางผู้นี้เป็นความจริง หรือว่าพิษของฮองเฮา หัวหน้าขุนพลฮั่ว รวมถึงพิษบนร่างกายของท่านอ๋องต่างก็เป็นท่านที่เป็นผู้ลงมือ? ”
ภายนอกซูจิ่นซีดูราวกับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วภายในใจแม้แต่แผนการก็ยังไม่มี คดีวางยาพิษนี้ความจริงยังไม่ปรากฎเลย แล้วจะให้นางพูดอันใด?
คนพวกนี้ช่างโง่เขล่าเสียจริง ถูกคนพูดจายุยงเพียงประโยคสองประโยคก็เชื่อเสียทุกอย่าง และยังมาขวางทางไม่ยอมปล่อยนางไปอีก
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้นางน่าจะเชื่อฟังแม่นมฮวา ยอมออกไปทางประตูหลัง คนในวังได้เร่งรัดนางมาหลายครั้งว่าทุกคนต่างมาถึงแล้ว ขาดเพียงนางผู้เดียว หากนางยังไม่ไปปรากฏตัวอีก ฮองเฮาอาจมีโทษะก็เป็นได้
เช่นนี้… จะทำอย่างไรดี?
ซูจิ่นซีกำลังรีบร้อน ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของคนในโรงน้ำชาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
แม้ว่าคนผู้นั้นจะซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทว่ายังถูกซูจิ่นซีเห็นเข้าจนได้
ฮั่วอวี้เจียว?
ที่แท้ทั้งหมดนี้ ฮั่วอวี้เจียวเป็นผู้บงการนี่เอง!
ซูจิ่นซียิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ทันใดนั้นก็เกิดความคิดร้ายกาจแวบเข้ามาในหัว
นางยกกระโปรงที่รุ่มร่ามทว่าหรูหราเป็นอย่างมาก เดินข้ามฝูงชนไปยังโรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม
ฉิงสั่วเห็นทิศทางที่ซูจิ่นซีกำลังเดินไปก็ให้รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง นางร้อนรนขึ้นมาในทันที “พระชายาโยวอ๋อง นี่ท่านต้องการจะทำสิ่งใด? หรือว่าท่านขลาดกลัว หดหัวอยู่แต่ในกระดองใช่หรือไม่? ”
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านช่างขี้ขลาด พวกเราเหยียดหยามท่าน! ”
ปากของฉิงสั่วช่างไม่น่าให้อภัย ทว่าเมื่อซูจิ่นซีก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองทีละก้าวๆ อย่างสง่างาม ใจของฉิงสั่วก็เต้น “ตึกตึกตึก” ระรัวไม่เป็นจังหวะจนแทบจะทะลุออกทางหน้าอกอยู่รอมร่อ
แม้ฉิงสั่วจะตื่นตระหนกเพียงใด ก็ไม่เท่ากับฮั่วอวี้เจียวที่อยู่ชั้นบน
โรงน้ำชาแห่งนี้มีบันไดขึ้นลงชั้นสองเพียงทางเดียว ซูจิ่นซีเพิ่งเดินขึ้นมาบนขั้นบันได ฮั่วอวี้เจียวก็รีบซ่อนตัวข้างริมหน้าต่าง เดิมทีก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้อยู่แล้ว หากคิดจะหลบหนียิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
ท้ายที่สุด ท่ามกลางสายตาของผู้คน ซูจิ่นซีก็จับฮั่วอวี้เจียวได้ตัวเป็นๆ
“คุณหนูใหญ่ฮั่ว นี่เจ้ากำลังทำอันใดหรือ? แม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการนัดหมายเรื่องเดิมพันระหว่างเจ้ากับข้า ทว่ายังเหลือเวลาอีกหลายชั่วยามก่อนจะถึงเส้นตายนี่! เจ้าจงใจให้คนมาขวางทางข้า ไม่ให้ข้าออกไปสืบคดี นี่มันเรื่องอันใดกัน? เจ้าคงไม่ได้โกงหรอกกระมัง? ”
แมวตัวผู้ตัวเมีย ถูกจับได้แล้วก็เป็นแมวตาย
ก่อความวุ่นวายอันใดไร้เหตุผล เรื่องใส่ร้ายป้ายสีผู้คน เหตุใดจะทำไม่ได้เล่า?
เพียงคำพูดหนึ่งประโยคของซูจิ่นซีก็ราวกับเทน้ำสกปรกทั้งหมดลงบนร่างของฮั่วอวี้เจียวแล้ว