แก้มของฮั่วอวี้เจียวแดงก่ำขึ้นมาในทันใด “ซูจิ่นซี ท่านอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าให้คนพนันการสืบสวนคดีของท่านที่ใดกัน? ข้าขี้โกงที่ใดกันเล่า? ”
“อย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นหรือ? ในเมื่อไม่ได้ทำ แล้วท่านยืนทำอันใดบนโรงน้ำชาด้านนอกประตูของจวนโยวอ๋อง? โต๊ะน้ำชาที่นี่เต็มหมดแล้ว คุณหนูฮั่ว ดูเหมือนว่าท่านจะยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว ท่านคงไม่ได้จะมาดื่มชากระมัง? หากต้องการดื่มชา เหตุใดท่านไม่ไปโรงน้ำชาซือเฟิงที่อยู่ข้างจวนฮั่วของพวกท่านเล่า? ชาที่นั่นไม่สามารถเทียบได้กับโรงชาที่ชำรุดนี้สินะ”
ฮั่วอวี้เจียวรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากที่ทำเรื่องไม่ดีแล้วถูกผู้อื่นเปิดโปง นางรู้สึกราวกับไม่ได้สวมใส่สิ่งใดเลย แล้วยังถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน
ทว่าฮั่วอวี้เจียวพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่หยิ่งยโสของตนไว้เช่นเดิม
“ข้าโปรดปรานการดื่มที่ใดก็ดื่มที่นั่น ซูจิ่นซี ท่านก้าวก่ายมากเกินไปแล้วกระมัง? ”
“คุณหนูฮั่วปรารถนาจะดื่มชาที่ใด ข้าล้วนควบคุมท่านไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าหากคุณหนูฮั่วอ้างว่ามาดื่มชา ทว่ากลับวางแผนอันใดไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ก็อย่ามาโทษว่าข้า…พระชายาโยวอ๋องผู้นี้ไม่เกรงใจท่าน!”
น้ำเสียงและสายตาของซูจิ่นซีเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาในทันที นางมองไปทางจวนโยวอ๋องด้วยแววตาครุ่นคิด
แม้ว่าซูจิ่นซีจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน ทว่านางจงใจบอกเป็นนัย อีกทั้งยังชักนำทุกคนให้เข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่างได้ในทันที
“คุณหนูใหญ่ฮั่วชอบโยวอ๋อง! หรือว่าที่นางวิ่งมายังประตูทางเข้าจวนโยวอ๋องก็เพราะต้องการเห็นโยวอ๋องกัน? ”
“มาดูโยวอ๋องอันใดกัน! ไม่แน่ว่านางอาจจะมาทำเสน่ห์ใส่โยวอ๋องก็เป็นได้ พวกท่านดูพระชายาโยวอ๋องสิ นางโกรธจนเป็นอันใดไปแล้ว”
“แม้จะบอกว่าฮั่วอวี้เจียวเกิดในตระกูลนักรบ ทว่าข้าก็ได้ยินมาว่าแม่ทัพฮั่วต่างอบรมสั่งสอนบุตรชายและบุตรสาวของตนด้วยความเข้มงวดเป็นอย่างมาก แล้วเหตุใดฮั่วอวี้เจียวจึงหน้าไม่อายถึงเพียงนี้? ”
“หากนางต้องการรักษาหน้าตาตนเอง ก็คงไม่ไปพนันกับพระชายาโยวอ๋องไว้หรอก! ”
“อ้า!… ข้าคิดออกแล้ว สตรีผู้นั้นที่เมื่อครู่พูดว่าพระชายาโยวอ๋องวางยาพิษฮองเฮา นางก็เป็นคนของสกุลฮั่ว”
“ไม่ใช่แค่คนของสกุลฮั่วเท่านั้น! นางก็คือฉิงสั่ว สาวรับใช้ข้างกายของฮั่วอวี้เจียว! ”
“อะไรนะ? หรือฮั่วอวี้เจียวจะส่งคนข้างกายของตนมาใส่ความพระชายาโยวอ๋อง! ”
“นางไม่เพียงแต่ใส่ความพระชายาโยวอ๋อง นางยังวางแผนทำให้พวกเราทุกคนเข้าใจผิดอีกด้วย! ”
“ถุย! ทำเหมือนพวกข้าโง่อย่างนั้นหรือ? ”
“ถุย! ฮั่วอวี้เจียวช่างหน้าไม่อายเสียจริง! ”
“ฮั่วอวี้เจียวหน้าไม่อาย… ”
“ฮั่วอวี้เจียวหน้าไม่อาย… ”
“ฮั่วอวี้เจียว เจ้าลงมา… ”
“ลงมา… ”
“ลงมา… ”
“ฮั่วอวี้เจียวหน้าไม่อาย ลงมา! ”
……
บนทางเดินชั้นล่าง ฉิงสั่วจมูกเปื้อนเลือด ใบหน้าบวมช้ำจากการถูกเหล่าฮูหยินทุบตี ผมเผ้าก็ถูกดึงทึ้ง บนศีรษะและใบหน้ามีคราบเลือดเนื้อปรากฏอยู่ นางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่ขยับ
ไม่ว่าฮั่วอวี้เจียวจะแข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงคุณหนูที่อยู่แต่ในห้อง นางเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ที่ไหนกัน นางเคยถูกบังคับ ถูกผู้คนพูดจาดูหมิ่นอย่างรุนแรงเช่นนี้เสียที่ไหน
ทันใดนั้นฮั่วอวี้เจียวก็ตกใจจนใบหน้าขาวซีด น้ำตาพร่างพราวไหลพลูลงมา นางก้าวถอยหลังออกไปพร้อมทั้งส่ายศีรษะ ถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว
เริ่มมีผู้อวดดีคิดจะขึ้นบันไดมาหาฮั่วอวี้เจียวเพื่อเอาคืนที่ถูกนางทำให้เข้าใจผิด ทว่าซูจิ่นซีสั่งให้องครักษ์โยวอ๋องมาขวางไว้
ซูจิ่นซีมองดูฝูงชนบีบบังคับฮั่วอวี้เจียวอย่างไม่สนใจใยดี นางไม่พูดอันใดสักคำ
“ซูจิ่นซี ท่านต้องการจะกระทำสิ่งใดกันแน่? ”
ฮั่วอวี้เจียวทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงตะโกนออกมา
ซูจิ่นซีเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้า “เพียงเท่านี้ก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ? ” นางเดินไปทางฮั่วอวี้เจียวทีละก้าวๆ ก้าวประชิดฮั่วอวี้เจียวให้จนมุม แล้วจึงก้มหน้าลง พูดข้างหูของฮั่วอวี้เจียวอย่างแผ่วเบาว่า “จำความรู้สึกในวันนี้เอาไว้ ทว่านี่เปรียบเพียงขนหงส์เขากวาง [1] ข้าเคยรับมือกับมันได้ น่ากลัวกว่านี้เป็นสิบเท่า แม้กระทั่งหลายร้อยเท่า”
ซูจิ่นซีเคยถูกฝูงชนหัวเราะเยาะมาก่อน นางเคยโดนผู้คนพูดจาถากถาง ไม่สนใจใยดี ปฏิบัติต่อนางอย่างไร้ความปราณี กดขี่ข่มเหงนาง และดูถูกนาง เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในวันนี้ นี่นับว่าเป็นอันใดกันเล่า?
“ซูจิ่นซี ท่านฆ่าข้าทิ้งเสียเลยเถิด! ”
แทนที่จะให้คนมาดูหมิ่นนาง ทำให้นางขายหน้าเช่นนี้ ไม่เท่านางยอมตายเสียดีกว่า คนของสกุลฮั่วต่างไม่กลัวตาย เป็นผู้ที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์
ซูจิ่นซียิ้มเย้ยหยัน “ตายหรือ? ท่านตายแล้วก็ไม่สนุกนะสิ? เดิมพันของเรายังไม่จบ! ลองนึกถึงภาพอันแสนงดงามที่คุณหนูใหญ่ฮั่วผู้เย่อหยิ่งยืนเมาอยู่หน้าประตูหอนางโลมสามวันดูสิว่าเป็นอย่างไร ข้าเฝ้ารอเป็นอย่างยิ่ง! คงจะมีคนอีกจำนวนมากที่ต่างเฝ้ารอเช่นเดียวกับข้า ใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีกล่าว นางได้เรียนรู้แล้วว่าศิษย์พี่เห็นใจศิษย์น้องหญิงมันเป็นเช่นใด เหล่าบรรดาผู้ชายอวดดีล้วนกล่าววาจายั่วยุฮั่วอวี้เจียว ซูจิ่นซีเห็นแล้วยังมีความสงสาร
“รอข้ากลับมา! ”
ซูจิ่นซีพูดอีกครั้งอย่างแผ่วเบา หลังจากที่ปล่อยฮั่วอวี้เจียวไป ซูจิ่นซีก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มของผู้ที่เต็มไปด้วยเล่ห์อุบาย
จากนั้นซูจิ่นซีก็หันหลังเดินลงโรงน้ำชาไป
ทันใดนั้น ฮั่วอวี้เจียวก็รู้สึกเสียใจที่หลงเดิมพันกับซูจิ่นซี
นางไม่ควรโอ้อวด ไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริงๆ …
แม้ว่าตอนนี้ซูจิ่นซีจะยังไม่ได้พูดอันใดเกี่ยวกับเรื่องการสืบสวน ทว่าฮั่วอวี้เจียวกลับรู้สึกว่าต่อหน้าซูจิ่นซี นางไม่สามารถเอาชนะได้เลย
ซูจิ่นซีช่างน่ากลัวเสียจริง
น่ากลัวพอๆ กับโยวอ๋อง
หลังจากร่างของซูจิ่นซีหายไปจากสายตา ทั้งร่างของฮั่วอวี้เจียวก็ราวกับสูญเสียการประคับประคองทั้งหมดอย่างไรอย่างนั้น นางพิงเข้ากับผนังแล้วล้มลงกับพื้นอย่างช้าๆ
แน่นอนว่าบทสนทนาและสิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ซูจิ่นซีทำ ฝูงชนที่อยู่ข้างล่างล้วนมองไม่เห็นและไม่ได้ยินอันใดเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากปัญหาของระยะห่างและมุมมองที่จำกัด
ลวี่หลีที่ยืนอยู่ด้านหลังซูจิ่นซี รีบเดินตามหลังนางมาอย่างรวดเร็ว
สวรรค์!
มีแต่นางเพียงผู้เดียวหรือไม่ที่รู้สึกว่าท่าทางของพระชายาเมื่อครู่เป็นการลวนลามฮั่วอวี้เจียว?
วิธีการนั้น แววตานั้น การกระทำนั้น มืออาชีพเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่บนหอนางโลมเสียอีก
ซูจิ่นซีเห็นท่าทางเหมือนจะพูดอันใดของลวี่หลี “มีอันใดก็พูดมาสิ! ”
ทันใดนั้นดวงตาของลวี่หลีก็เปร่งประกาย นางมองซูจิ่นซีอย่างศรัทธาเป็นอย่างมาก
“คุณหนู ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ท่านช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างยิ่งเพคะ! แม้แต่วิธีแมวไล่จับหนูนี้ ท่านยังสามารถคิดออกมาได้ ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง ”
“แมวไล่จับหนูหรือ? ”
“ก็คือวิธีการที่ท่านใช้รับมือกับคุณหนูฮั่วอย่างไรเล่าเพคะ! ชัดเจนแล้วว่าท่านสามารถควบคุมคุณหนูฮั่วได้ ทว่ากลับปล่อยนางไปครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าทุกครั้งจะดูเหมือนว่าคุณหนูฮั่วเป็นฝ่ายชนะ ทว่าความจริงแล้วนางอยู่ในกำมือของท่าน นางไม่สามารถเอาเปรียบท่านได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันนางยิ่งเสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า วิธีการนี้ก็เหมือนที่แมวไล่จับหนู เดิมทีแมวสามารถกินหนูได้เลยทันทีหลังจากที่มันไล่จับหนูได้ ทว่าแมวกลับชอบเล่นสนุกให้หนูตายก่อน แล้วค่อยกิน ทุกครั้งหนูก็คิดว่าหนีรอดจากเงื้อมมือของแมวได้แล้ว และยังคิดว่ามันได้เปรียบแมวอีกด้วย ทว่าที่จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเลย”
เป็นเช่นนี้หรือ?
ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ
ทว่าซูจิ่นซีรับประกันว่า วิธีที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้นางไม่ใช่ผู้คิดอย่างแน่นอน
นางเป็นเด็กดีที่ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเอง
การที่ฮั่วอวี้เจียวโผล่มาด้วยในครั้งนี้ ทำให้ฝูงชนต่างก็ลืมไปชั่วคราวแล้วว่าที่มาหาซูจิ่นซีก็เพื่อมาเจรจาเรื่องการเดิมพัน ดังนั้นเมื่อซูจิ่นซีเดินลงมาจากโรงน้ำชาจึงไม่มีผู้ใดเข้ามาขัดขวาง ซูจิ่นซีจึงขึ้นรถม้าไปได้อย่างราบรื่นยิ่ง
เมื่อรถม้าออกเดินทาง ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงตีกลองดัง “ตูม” จากนั้นก็มีคนเริ่มประกาศข่าวด้วยเสียงอันดังราวกับฟ้าลั่นสนั่นหวั่นไหว
“ทุกท่าน ข่าวดี ข่าวดีมาก ทุกท่านจะต้องยืนให้นิ่ง อย่าตื่นตระหนกตกใจ ข้าจะประกาศข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง”
“ข่าวกระไร รีบพูดมาสิ! ”
“มีคนวางเดิมพันอีกแล้ว! ”
“โอ๊ย! นึกว่าเป็นข่าวดีอันใด”
“มีการวางเดิมพันเช่นนี้อยู่ทุกวัน หรือว่าจะมีลูกไม้ใหม่อันใดกันเล่า? ”
ทุกคนต่างไม่ให้ความสนใจ
หนุ่มน้อยผู้ประกาศข่าวสารจึงตีกลองอย่างฮึกเหิม พร้อมกับพูดต่อด้วยเสียงที่ทำให้ดูลึกลับว่า
“คนผู้นี้วางเดิมพันเรื่องฮั่วอวี้เจียวกับพระชายาโยวอ๋อง เดิมพันคือพระชายาโยวอ๋องชนะ”
“โอ๊ย! ไปทางโน้น อย่ามาขวางทางพวกข้า” ฝูงชนยิ่งไม่ให้ความสนใจ
คนผู้นี้หากไม่เป็นคนโง่ก็สมองมีปัญหา การวางเดิมพันยุติไปแล้ว ยังจะไปวางเดิมพันอีก คงจะมีการยื่นใต้โต๊ะแลกผลประโยชน์กับเถ้าแก่สนามบ่อนอยู่ไม่น้อยเลยกระมัง?
ในเมื่อเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการถึงเพียงนี้ เหตุใดยังเดิมพันข้างซูจิ่นซีอีก?
ตอนนี้แม้จะยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้ายในการเปิดผลการเดิมพัน ทว่าผลลัพธ์คืออะไร ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?
พระชายาโยวอ๋องไม่อาจสืบสวนอันใดได้เลย อีกไม่กี่ชั่วยามยังต้องพาฮองเฮาไปวัดทำพิธีจุดธูปบูชา นางไม่มีเวลาที่จะไปสืบสวนคดีแล้ว
นางแพ้แน่!
มีพวกคนดวงซวยจำนวนมากที่พากันลงเดิมพันข้างซูจิ่นซี ตอนนี้ก็แค่เพิ่มมาอีกหนึ่งคนเท่านั้นเอง มีประกาศข่าวดีอันใดกัน
“ช้าก่อน ทุกท่านอย่าพึ่งไป! ข้ายังพูดไม่จบ! อย่าพึ่งไป! ”
“ผู้นั้นไม่เพียงแต่เดิมพันข้างพระชายาเท่านั้น ทว่ายังวางเงินเดิมพันถึงสองล้านตำลึงเชียว! ”
กระไรนะ?
เงินสองล้านตำลึงอย่างนั้นหรือ???
ผู้ใดกัน?
ร่ำรวยเสียจริง!