ทุกคนต่างยกระดับการระวังตัวเพิ่มมากขึ้น แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
ทว่าหลังจากเดินมาได้สักพัก บรรยากาศเบาบางในบริเวณนั้นก็ดูเหมือนจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น พื้นดินไม่คับแคบ ขรุขระ และเปียกชื้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ดูเหมือนจะเป็นทางเดินที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะพื้นปูด้วยอิฐหินที่สะอาดเป็นระเบียบ และมีตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่บนผนัง
หากซูจิ่นซีไม่ได้คาดการณ์ผิดละก็ ที่นี่คงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ซิ่งหลิวหลีใช้ในการชุมนุมลับกับพวกของนาง
หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ซิ่งหลิวหลีและพรรคพวกได้ลักพาตัวฮองเฮาไป ผู้อื่นคงไม่โชคดีพบเข้ากับสถานที่ลึกลับถึงเพียงนี้
“ทุกคนระวังตัว”
สถานที่นี้คือรังพิษแห่งหนึ่ง ระบบถอนพิษส่งเสียงเตือนซูจิ่นซีอยู่ตลอดเวลา หูของนางสั่นสะเทือนจนใกล้จะหนวกอยู่แล้ว
“พระชายา ท่านฟังสิพ่ะย่ะค่ะ นี่มันเสียงอันใดกัน? ”
ยอดฝีมือข้างกายผู้หนึ่งกล่าวกับซูจิ่นซี
เมื่อซูจิ่นซีเงี่ยหูฟังก็พบว่ามีเสียง “ซื่อซื่อซื่อ” ดังอยู่ใกล้ๆ เดิมทีในเวลาปกติ ความสามารถทางการได้ยินของซูจิ่นซีก็เพียงพอที่จะทำให้นางได้ยินเสียงนั้น ทว่าระบบถอนพิษที่คอยส่งสัญญาณเตือนอยู่ตลอดเวลาได้ขัดขวางการได้ยินของนาง ทำให้การได้ยินของซูจิ่นซีช้ากว่าผู้อื่น
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ยินเสียง ซูจิ่นซีก็สามารถแยกแยะประเภทของสารพิษได้ว่าวัตถุอันตรายที่อยู่ใกล้นั้นเป็นสิ่งใด
“อาจเป็นงูพิษ ทุกคนระวัง”
งูพิษ?
คงจะไม่มาเป็นกลุ่มเหมือนแมงมุมพิษใช่หรือไม่?
ซูจิ่นซีดูเหมือนจะมองเห็นการแสดงออกที่ค่อนข้างตื่นตกใจของทุกคน
“ไม่เยอะหรอก มีเพียงตัวเดียว น่าจะเป็นงูยักษ์”
ยังดี!
ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วมองตากัน ใบหน้าของพวกเขากลับมาเป็นปกติ ทว่ายังมีความระมัดระวังในระดับสูง ไม่กล้าลดการป้องกันลงแม้แต่น้อย
สิ่งที่แปลกก็คือ ในสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ตั้งแต่ที่ทุกคนเข้ามา อย่างน้อยเวลาก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว ทว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ตามหาซิ่งหลิวหลีและพวกของนางไม่พบเท่านั้น แม้แต่คนเพียงคนเดียวก็ยังไม่พบด้วยซ้ำ
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในประตูหินที่แกะสลักเป็นรูปหัวงูอย่างวิจิตรบรรจง ก็พบว่าด้านในเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่กว้างมาก ตรงกลางของพื้นที่เป็นสระน้ำ ทว่าของเหลวในสระไม่ใช่น้ำแต่เป็นโลหิต
บ่อโลหิต!!
“เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดเสียจริง” มีคนกล่าวขึ้น
ซูจิ่นซีไม่ได้สังเกตอันใดเลย เพราะเมื่อก้าวเข้ามาในประตูหิน สายตาและความสนใจทั้งหมดของนางก็ถูกดึงดูดด้วยดอกปี่อั้นสีโลหิตที่ลอยอยู่เหนือบ่อโลหิตนั้นแล้ว
ไม่รู้ว่าเหตุใด สร้อยข้อมือปี่อั้นบนข้อมือขวาของซูจิ่นซี ที่ก่อนหน้านี้นางได้รับมาโดยบังเอิญจากตลาดมืดนั้น ราวกับมีแรงดึงดูดกับดอกปี่อั้นสีโลหิต มันดึงดูดซูจิ่นซีอยู่ตลอดเวลา คอยให้นางก้าวไปยังบ่อโลหิตอย่างเชื่องช้า
ดวงตาของซูจิ่นซีว่างเปล่า ราวกับถูกดึงสามจิตเจ็ดวิญญาณ [1] ออกมา ซูจิ่นซีเดินอย่างไม่พูดไม่จาตรงไปยังบ่อโลหิต สายตาจับจ้องไปที่ดอกปี่อั้นสีเลือดที่อยู่เหนือบ่อโลหิต
“พระชายา ระวัง! ”
ทันใดนั้นตามมาด้วยเสียงตะโกนเรียก องครักษ์นายหนึ่งชนเข้าที่ด้านหลังของซูจิ่นซีจนนางล้มลงกับพื้น ในเวลาเดียวกันบ่อโลหิตฝั่งที่มีรูปปั้นหน้างูยักษ์ ‘ที่กลายเป็นหิน’ พลันมีชีวิตขึ้นมาในทันที ปากของสัตว์ร้ายอ้าออก จู่โจมเข้าใส่ซูจิ่นซี
“พระชายา รีบไป… เร็วเข้า! ”
เป็นเวลาชั่วพริบตาดั่งสายฟ้าแลบ องครักษ์พลิกตัวซูจิ่นซีเข้าหาก่อนจะล้มลงไปกับพื้น ในเวลาเดียวกันก็แทงดาบยาวในมือไปที่ปากเปื้อนเลือดของงูยักษ์
อันตรายมาก!
อันตรายมากจริงๆ !!!
หากไม่ใช่เพราะการตอบสนองอย่างรวดเร็วขององครักษ์ผู้นั้น ตอนนี้ซูจิ่นซีอาจถูกเจ้างูยักษ์กลืนลงท้องไปเสียแล้ว
ใบหน้าของซูจิ่นซีซีดเผือดด้วยความตกใจ นางไม่ทันตอบสนอง ขาทั้งสองก็พลันอ่อนแรงลงไปเล็กน้อย อย่าพูดถึงวิ่งหนีเลย แค่ลุกขึ้นยังไม่ไหว
“พระชายา! รีบหนีเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยใกล้รับมือไม่ไหวแล้ว! ”
ซูจิ่นซีทั้งตกใจทั้งตกตะลึง พยายามลุกขึ้นอย่างเต็มความสามารถ
นางพึ่งจะลุกขึ้นมาได้ ยังไม่ทันวิ่งถึงสองก้าว เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองและเสียงแยกเนื้อหนังมังสาก็ดังขึ้น โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วตัวของนาง
ส่วนลึกในใจ ซูจิ่นซีกลัวจนไม่กล้าหันกลับไปมอง ทว่านางก็หันกลับไปอย่างรวดเร็ว เห็นว่าองครักษ์ที่ช่วยชีวิตนางเมื่อครู่นี้ถูกงูยักษ์กลืนกินเข้าไปในปาก หัวของงูยักษ์ที่เปื้อนโลหิตพาดมาถึงตรงที่ซูจิ่นซีพึ่งลุกขึ้นมา
เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียว เพียงเสียวเวลาเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะซูจิ่นซีวิ่งเร็ว ผู้ที่ถูกงูยักษ์กลืนลงไปนั้นคงเป็นนาง
ซูจิ่นซีหายใจไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่ารู้สึกขยะแขยงกับฉากนองเลือดตรงหน้าหรือเป็นเพราะภาพน่าสลดใจที่ทำให้นางตื่นกลัวกันแน่ ดวงตาของซูจิ่นซีสับสนแฝงความเจ็บปวดเล็กน้อย
นางจับหน้าอกที่หายใจไม่ออกแล้วค่อยๆ เดินถอยหลังทีละก้าว ไม่รู้เพราะเหตุใด ทันใดนั้นในใจก็นึกถึงชื่อของคนผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป… เยี่ยโยวเหยา
ในสายตาของนาง เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้เดียวในโลกแห่งนี้ที่นางพึ่งพาได้
ตอนนี้หากมีเขาอยู่ด้วยคงจะดีไม่น้อย
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ! ”
ซูจิ่นซีถูกใครบางคนดึงตัวไว้อีกครั้ง จากนั้นก็เห็นยอดฝีมือทั้งหมดที่ติดตามนางมา ต่างก็ถือดาบของพวกเขาเข้าต่อสู้กับงูยักษ์ที่เริ่มอ้าปากใหญ่โจมตีอีกครั้ง
แม้จะมีงูยักษ์เพียงตัวเดียว ทว่าการเคลื่อนไหวร่างกายของมันเป็นไปอย่างว่องไว ทรงพลังและมีพิษทั่วตัว เพียงสัมผัสเข้ากับของเหลวในร่างกายของมัน ก็จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีเขียว และเน่าเปื่อยตาย
“พระชายา นี่มันงูยักษ์ที่มีพิษร้ายแรง ท่านรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า! ”
มีคนกล่าวเตือนซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีตื่นจากความตกใจกลับมามีสติอีกครั้ง
ระบบถอนพิษส่งเสียงเตือนถึงพิษของงูยักษ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากรู้ว่าเป็นพิษชนิดใดก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย ทว่าระบบถอนพิษไม่ทันสมัย และมีวัสดุยาไม่มากนัก มียาไม่เพียงพอสำหรับถอนพิษและจัดการกับงูพิษยักษ์!
ซูจิ่นซีใช้โอกาสที่ผู้อื่นไม่สนใจ รีบนำวัตถุดิบยาที่จำเป็นออกมาจากระบบถอนพิษอย่างรวดเร็ว ทว่ายังขาดวัตถุดิบยาอีกสามอย่าง
ยาชนิดที่หนึ่งคือเลือดในบ่อโลหิต ภายในสถานที่อยู่ของสิ่งมีพิษมักจะมียาถอนพิษรวมอยู่ในเจ็ดขั้นตอน โลหิตจากบ่อโลหิตนี้รองรับงูยักษ์ตลอดทั้งปีนับเป็นยาถอนพิษชั้นดี
อีกอย่างหนึ่งคือผิวหนังของงูยักษ์ สิ่งนี้ก็สามารถเก็บได้
ทว่ายังมีวัสดุยาอีกอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างห่วย นั่นก็คือหวาสือเฝิ่น เป็นวัสดุยาที่พบได้บ่อยมาก ทว่าที่ระบบถอนพิษของซูจิ่นซีเก็บไว้นั้นได้ใช้จนหมดแล้ว
“พระชายา ท่านรีบหน่อย! พวกเราแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว! ”
“พระชายา เร็วหน่อยพ่ะย่ะค่ะ! ”
“พระชายา รับมือไม่ไหวแล้วจริงๆ ท่านรีบหน่อยเถิด! ”
เสียงกระตุ้นดังขึ้น เมื่อมองดูเพื่อนร่วมทีมที่ล้มลงทีละคน ซูจิ่นซีก็เกลียดตนเองจนอยากตบตัวเองสักสองครั้ง
ก่อนหน้านี้ที่วัดพุทธฝ่า ในคืนนั้นซูจิ่นซีว่างจนไม่มีอันใดทำ นางคิดว่าหวาสือเฝิ่นนั้นเป็นยาที่มีฤทธิ์ค่อนข้างเย็นและไม่ค่อยได้นำออกมาใช้ ดังนั้นนางจึงนำมันออกมาทำเป็นธูปหอมและใช้ไปจนหมดแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะต้องได้ใช้เร็วถึงเพียงนี้
ในช่วงเวลาวิกฤติ นางได้ปล่อยโซ่รั้งขาหลัง
“พระชายา ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่พ่ะย่ะค่ะ? ”
“พระชายา ท่านยังกลัวอยู่ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
“พระชายา ท่านรีบหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ”
พวกเขาจะควบคุมไม่ได้แล้วนะ!
ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือต้องรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น [2] แล้ว ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีในช่วงที่ผ่านมา หวังว่าพระเจ้าจะทรงอวยพรให้ครั้งนี้นางสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกครั้งเช่นกัน
หลังจากที่ซูจิ่นซีสวดมนต์ขอพรพระพุทธสามครั้งในใจแล้ว นางก็ดึงกริชที่พกไว้ออกมาและกรีดนิ้วของตนเอง
ไม่ผิดหรอก นางใช้โลหิตของตัวเองแทนหวาสือเฝิ่นชั่วคราว
แม้จะไม่ทราบสาเหตุ ทว่าหลังจากที่เลือดของนางทำให้อาการพิษดูดเลือดของเยี่ยโยวเหยาดีขึ้นมาหลายครั้ง นอกจากนั้นมันยังช่วยชีวิตของฮองเฮาเอาไว้ได้ ซูจิ่นซีก็ค้นพบว่าเลือดของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ธรรมดา
ในเมื่อก่อนหน้านี้สองสามครั้งต่างก็ใช้ได้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้ก็อาจใช้ได้เช่นกัน!
ซูจิ่นซีไม่ลังเล นางหยดโลหิตของตนลงในยาที่เตรียมไว้ หลังจากคนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้ว ซูจิ่นซีก็รีบส่งยาให้ทหารองครักษ์ที่ถูกพิษดื่มลงไป
เกินไปแล้ว!
คาดไม่ถึงว่าจะใช้ได้ผลจริงๆ
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผิวหนังเปื่อยเน่าจะหายได้ในทันที ทว่าบาดแผลที่กลายเป็นสีเขียวกลับกลายเป็นสีผิวปกติ
รอยยิ้มพึงพอใจและมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูจิ่นซี นางหยดโลหิตของตนลงในยาอีกตัวหนึ่งซึ่งได้ผสมอย่างเท่าเทียมกัน แล้วโยนให้เพื่อนร่วมทีมผู้อื่นที่กำลังต่อสู้กับงูยักษ์
“รับไป! หาทางให้งูยักษ์นั่นกินมันลงไป! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! พระชายา! ”
ทหารองครักษ์รับยาของซูจิ่นซีได้อย่างแม่นยำ
เพียงแต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า เมื่อซูจิ่นซีโยนยาที่เตรียมไว้ให้กับทหารองครักษ์นั้น โลหิตหยดหนึ่งที่ไหลออกมาจากบาดแผลบนมือของนางก็ถูกสะบัดออกไปด้วย มันตกลงไปในบ่อโลหิตที่มีดอกปี่อั้นสีโลหิตอยู่
……