อันที่จริงแม่นมฮวาก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ตอนนั้นนางเห็นด้วยตาของนางเองว่าพระชายาตื่นขึ้นมานั่งอยู่ที่พื้นด้วยเกศาและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง โลหิตนองอยู่ใต้ร่างของนางอย่างมหาศาล
ไม่อาจรู้ได้ว่าซูจิ่นซีตั้งใจหรือไม่ แก้มของนางกระดากอายจนแดงก่ำ และมือขวาของนางค่อยๆ ลูบซี่โครงที่บาดเจ็บบนร่างกายของนาง
เดิมทีเว่ยเหม่ยเจียก็เสียใจมากจนเหมือนมีคนเอามีดมาแทงที่หัวใจอยู่แล้ว จมูกของนางแดงราวกับจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้
ด้วยความที่นางเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถึงอย่างไรนางก็แสร้งอยู่ข้างกายเฉินไท่เฟยมาหลายปี ความรู้สึกเท่านี้ยังพอปกปิดได้ แม้ภายในใจจะกำลังถูกขยี้อย่างขมขื่น ทว่านางก็สามารถแบกไว้ในใจไม่เปิดเผย ดวงหน้าของนางยังคงเหมือนตอนแรกเริ่มที่ยิ้มอย่างสดใสเข้ามา
“พี่สะใภ้ ในเมื่อไม่มีผ้าเปื้อนเลือดพรหมจรรย์ เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด หากกลับไปคุยกับเสร็จป้าดีๆ ข้าเชื่อว่าเสด็จป้าจะต้องเข้าใจแน่ นี่ก็สายมากแล้ว เสด็จป้ายังต้องการข้ากลับไปดูแล เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”
ซูจิ่นซีเสแสร้งทำเป็นขมวดคิ้ว
“ทำไมกลับเร็วนักเล่า? เจ้าดูสิ พี่สะใภ้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ จึงไม่สามารถต้อนรับเจ้าให้ดีได้ เจ้าอย่าเอาเก็บไปคิดมากเล่า! ”
ไม่เก็บไว้ในใจแต่จะเก็บไว้ในสมอง
ซูจิ่นซี เจ้ามันต่ำช้า อย่าได้ใจจนเกินไปนัก หากเสด็จป้ายังอยู่ไม่ช้าก็เร็วเสด็จพี่จะต้องมาสู่ขอข้าเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นดูเอาแล้วกันว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร คอยดูเถิด!
เพียงเสี้ยวนาทีของเวลา เว่ยเหม่ยเจียที่อิจฉาริษยาก็ด่าทอต่อว่าซูจิ่นซีในใจไปหลายคราทีเดียว
“พี่สะใภ้ เช่นนั้นข้ากลับก่อน! ”
“แม่นมฮวา ส่งคุณหนู! ”
ขณะนี้ในใจของเว่ยเหม่ยเจียได้ถูกซูจิ่นซีกับแม่นมฮวากระทำจนสาหัสสากรรจ์ แม้ว่าดวงหน้าของนางภายนอกจะแสดงออกราวกับไม่มีสิ่งใด ทว่าภายในใจอดทนจนถึงขีดจำกัด หากมีเรื่องอันใดอีกละก็ วันนี้นางจะต้องควบคุมไว้ไม่อยู่เป็นแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะเสียสติทำเรื่องที่น่าอายออกมาก็เป็นได้
นางสามารถเดินออกไปจากจวนโยวอ๋องได้อย่างราบรื่นก็ดีเพียงใดแล้ว ทว่าความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า คนที่ไร้ยางอายแม้ภายนอกดูเป็นสตรีเรียบร้อยทว่าภายในเหม็นเน่า กระทั่งสวรรค์ก็ไม่อยากข้องเกี่ยว
แม่นมฮวาส่งเว่ยเหม่ยเจียออกจากประตูเรือนอวิ๋นไค ยังไม่ทันได้ก้าวลงบันไดหน้าประตู พ่อบ้านเฒ่าประจำตำหนักก็พาบุรุษชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีผมสีนกกระเรียนขาวราวหิมะและผิวสีแดงก่ำดูสุขภาพดี ใบหน้าดูมีเมตตาคุณธรรมเข้ามาพบนาง
เว่ยเหม่ยเจียรู้จักบุรุษผู้นี้ หมอเทวดาหวาซึ่งเป็นคนใต้อาณัติของเยี่ยโยวเหยา เขามีทักษะแพทย์ที่หาตัวจับอยากยิ่ง
“หมอเทวดาหวา ท่านมาได้อย่างไรกัน? ”
เสด็จพี่ไม่ได้อยู่ในจวน เวลานี้ยังได้มาเจอหมอเทวดาหวาที่นี่อีก เว่ยเหม่ยเจียรู้สึกแย่เล็กน้อย
หมอเทวดาหวาหัวเราะร่าอย่างมีอัธยาศัยดี “คุณหนูเหม่ยเจียเกรงใจแล้ว ชายาท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องให้นำหลิงเซียวตานกับหยกดำที่เอาไว้ใช้ต่อกระดูกมาถวายให้พระชายาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บนั้น”
กระไรนะ?
เสด็จพี่ส่งท่านหมอเทวดาหวามารักษาเจ้าต่ำช้าซูจิ่นซีนั่น แถมยังให้ยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกอีกหรือ?
หมอเทวดาหวามิใช่ว่าให้รักษาใครก็รักษาได้ตามใจชอบ!
ครั้งก่อนเสด็จป้าไม่สบายเกือบทั้งเดือน อีกเพียงนิดอาจล้มป่วยถึงขั้นสวรรคต ทว่าเสด็จพี่กลับไม่เชิญท่านหมอเทวดาหวามารักษา ซูจิ่นซีเจ้าคนต่ำช้านั่น นางมีดีอันใดถึงกับต้องให้หมอเทวดาหวามารักษากัน
ทว่าเรื่องหมอเทวดานั้นช่างมันเสียเถิด แต่เรื่องยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกนี้เป็นยาวิเศษที่หายากในโลกใบนี้
ปีนั้นตอนที่เสด็จพี่ไปจวนเสินโหว มณฑลยูนนานเพื่อยุติความไม่สงบและได้รับบาดเจ็บ เสด็จพี่ได้พบเจอทายาทของเสินหนง [1] โดยบังเอิญ ทายาทเสินหนงจึงได้ถวายยาให้ ปีนั้นเสด็จพี่เองไม่กล้าที่จะใช้จนหมดด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาหลิงเซียวตาน ได้ยินมาว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค เป็นยาดีที่ผู้มีอำนาจมากมายในโลกนี้ทุ่มเงินซื้อจำนวนไม่น้อยทว่ากลับหาซื้อไม่ได้
คาดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จะนำของมีค่าพวกนี้ออกมาให้ซูจิ่นซี
รักมากเลยสินะ!
เสด็จพี่ท่านรู้หรือไม่ว่าไท่จื่อผลักสตรีที่ไม่ต้องการนางนี้มาให้ท่านหมายความว่าอย่างไร?
นางเข้ามาในตำหนักไม่ทันไรก็นำความอับอายมาให้ แล้วคนภายนอกพูดถึงเสด็จพี่เช่นไร?
เว่ยเหม่ยเจียนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกปวดหัวใจอย่างยิ่ง
นางซวนเซแทบล้มลงกับพื้น หากไม่ใช่เพราะอดทนอดกลั้นไว้ละก็ นางอาจเข้าไปในเรือนอวิ๋นไคแล้วลากซูจิ่นซีออกมาเตะต่อยให้หายชังน้ำหน้า
“คุณหนูเหม่ยเจีย ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ”
พ่อบ้านเฒ่ารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงเว่ยเหม่ยเจียที่กำลังจะล้มลง
เว่ยเหม่ยเจียหน้านิ่วคิ้วขมวด “ข้าไม่เป็นไร! ” พูดพร้อมโบกมือ หลังจากนั้นจึงเดินโซซัดโซเซออกจากจวนโยวอ๋องไปทันที
ไม่เป็นไรที่ไหนกันเล่า หมอเทวดาหวาดูแวบเดียวก็ทราบแล้ว ความโกรธของเว่ยเหม่ยเจียพุ่งไปยังศีรษะของนางทำเอาลมปราณหยุดนิ่ง ทว่าไม่สามารถแสดงออกมาได้!
เขาชำเลืองมองไปยังชั้นบนของเรือนอวิ๋นไคอย่างครุ่นคิด แล้วจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“พระชายา ท่านอ๋องให้ท่านหมอเทวดาหวานำยามารักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านเพคะ! ”
หลังจากส่งเว่ยเหม่ยเจียที่ริษยาจนเศร้าโศกออกไปแล้ว แม่นมฮวาก็ยิ้มแฉ่งเชิญท่านหมอเทวดาหวาขึ้นมาบนเรือน
ซูจิ่นซีกำลังนอนอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินอย่างนี้สิ่งแรกที่นึกถึงคือฮัวโต๋ [2] แพทย์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
“นำยาหลิงเหยา [3] เช่นใดมาหรือ? ”
“เรียนพระชายา เป็นยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกพ่ะย่ะค่ะ”
หมอเทวดาหวาก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับหยิบยาออกจากกล่อง
เมื่อได้ยินชื่อยาซูจิ่นซีก็ควบคุมตนเองไม่ได้ นางย้อนนึกถึงละครที่เคยดูบ่อยๆ ‘ดาบมังกรหยก’ ตอนที่เจ้าหมิ่นได้ให้ยาหยกดำต่อกระดูกกับเตียบ่อกี้ มันเป็นยาอายุวัฒนะลึกลับสำหรับต่อกระดูกที่แม้แต่ผู้พิการมานานกว่า 20 ปีก็สามารถรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
หยกดำต่อกระดูกของหมอเทวดาหวาผู้นี้ คงไม่ใช่หยกดำต่อกระดูกที่มีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์แบบนั้นกระมัง?
“หมอเทวดาหวา หากใช้ยาหยกดำของท่านต่อกระดูกแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องนอนอยู่เฉยๆ ถึงสามเดือน ทว่าหนึ่งเดือนก็สามารถลงจากเตียงขยับร่างกายได้แล้วใช่หรือไม่? ”
น่าเสียดายที่หมอเทวดาหวาไม่ได้ให้คำตอบที่ซูจิ่นซีต้องการ
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วจับชีพจรของซูจิ่นซีเพื่อให้แน่ใจว่านอกจากซี่โครงที่หักบนร่างกายของนาง เรื่องอื่นๆ เป็นจริงตามที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยหมอคนก่อนแล้ว นางไม่มีอาการแสดงถึงโรคอื่น ท่านหมอจึงถวายยาหลิงเซียนตานให้ซูจิ่นซีเสวย
ซูจิ่นซีได้รับยาเม็ดสีขาวใสราวกับผลึกแก้วทว่าไม่ได้กินโดยทันที ซูจิ่นซีทดสอบกับระบบถอนพิษของตนและเมื่อมั่นใจว่ายานี้ไม่มีพิษจึงวางใจกินเข้าไป
หมอเทวดาหวาได้ถวายยาหยกดำต่อกระดูกให้แม่นมฮวา “ยาต่อกระดูกนี้ใช้ทาให้พระชายาทุกเช้า ในตอนกลางคืนก่อนนอนล้างให้สะอาด และทาแบบนี้เป็นเวลาสามวัน! ”
หลังจากที่แม่นมฮวารับยาแล้ว หมอเทวดาหวาได้แนะนำซูจิ่นซีอีกครั้ง “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ยาต่อกระดูกนี้เมื่อทาแล้วจะรู้สึกร้อนและปวดเหมือนเข็มแทง นี่เป็นอาการปกติท่านอาจต้องอดทนระยะหนึ่ง”
ซูจิ่นซีพยักหน้า
ผู้ที่จะทายาต่อกระดูกให้ซูจิ่นซี เรื่องเช่นนี้หมอเทวดาหวาซึ่งเป็นบุรุษจึงไม่สะดวกเป็นแน่ ให้แม่นมฮวาเป็นผู้ทาให้นั้นดีแล้ว หลังจากท่านหมอสอนการใช้งานและข้อควรระวังเสร็จเขาก็จากไปทันที
ความจริงซูจิ่นซีอยากจะถามหมอเทวดาว่าเหตุใดเยี่ยโยวเหยาไม่พาท่านหมอมารักษานางด้วยตนเอง ทว่าเมื่อพิจารณาเป็นเวลาหนึ่ง นางจึงรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรถามและอดทนไว้
แม่นมฮวาถือยาต่อกระดูกไว้แล้วยิ้มจนถึงดวงตา มีความสุขกว่าเยี่ยโยวเหยานำยามาให้นางเองเสียอีก นางพูดใส่หูของซูจิ่นซีเสมอว่าเยี่ยโยวเหยาดีต่อซูจิ่นซีเพียงใด ท่านอ๋องไม่เคยมองสตรีที่ใดเลย ยิ่งไม่มีสตรีนางใดสามารถเข้าไปในใจของท่านอ๋องได้ ฟังไปฟังมาหูของซูจิ่นซีก็ใกล้จะตั้งครรภ์ได้เสียแล้ว
ทว่าในใจของซูจิ่นซีเข้าใจดีและมั่นใจยิ่งว่า ครั้งที่เยี่ยโยวเหยาพานางออกมาจากสายตาของมหาชนมุ่งกลับมาที่จวนในวันอภิเษกสมรสของเราสอง เห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาและมีความอาฆาตมาดร้ายอย่างแรงกล้า ในเวลานั้นท่านอ๋องต้องการจะฆ่านางอย่างแท้จริง
ไม่เพียงเท่านั้น… สิ่งที่ทำเพื่อนางเหล่านี้จะต้องมีแผนร้ายอันใดเป็นแน่
……