สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 16 การรักษาที่มีแผนร้าย

        อันที่จริงแม่นมฮวาก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ตอนนั้นนางเห็นด้วยตาของนางเองว่าพระชายาตื่นขึ้นมานั่งอยู่ที่พื้นด้วยเกศาและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง โลหิตนองอยู่ใต้ร่างของนางอย่างมหาศาล

        ไม่อาจรู้ได้ว่าซูจิ่นซีตั้งใจหรือไม่ แก้มของนางกระดากอายจนแดงก่ำ และมือขวาของนางค่อยๆ ลูบซี่โครงที่บาดเจ็บบนร่างกายของนาง

        เดิมทีเว่ยเหม่ยเจียก็เสียใจมากจนเหมือนมีคนเอามีดมาแทงที่หัวใจอยู่แล้ว จมูกของนางแดงราวกับจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้

        ด้วยความที่นางเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถึงอย่างไรนางก็แสร้งอยู่ข้างกายเฉินไท่เฟยมาหลายปี ความรู้สึกเท่านี้ยังพอปกปิดได้ แม้ภายในใจจะกำลังถูกขยี้อย่างขมขื่น ทว่านางก็สามารถแบกไว้ในใจไม่เปิดเผย ดวงหน้าของนางยังคงเหมือนตอนแรกเริ่มที่ยิ้มอย่างสดใสเข้ามา

        “พี่สะใภ้ ในเมื่อไม่มีผ้าเปื้อนเลือดพรหมจรรย์ เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด หากกลับไปคุยกับเสร็จป้าดีๆ ข้าเชื่อว่าเสด็จป้าจะต้องเข้าใจแน่ นี่ก็สายมากแล้ว เสด็จป้ายังต้องการข้ากลับไปดูแล เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

        ซูจิ่นซีเสแสร้งทำเป็นขมวดคิ้ว

        “ทำไมกลับเร็วนักเล่า? เจ้าดูสิ พี่สะใภ้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ จึงไม่สามารถต้อนรับเจ้าให้ดีได้ เจ้าอย่าเอาเก็บไปคิดมากเล่า! ”

        ไม่เก็บไว้ในใจแต่จะเก็บไว้ในสมอง

        ซูจิ่นซี เจ้ามันต่ำช้า อย่าได้ใจจนเกินไปนัก หากเสด็จป้ายังอยู่ไม่ช้าก็เร็วเสด็จพี่จะต้องมาสู่ขอข้าเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นดูเอาแล้วกันว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร คอยดูเถิด!

        เพียงเสี้ยวนาทีของเวลา เว่ยเหม่ยเจียที่อิจฉาริษยาก็ด่าทอต่อว่าซูจิ่นซีในใจไปหลายคราทีเดียว

        “พี่สะใภ้ เช่นนั้นข้ากลับก่อน! ”

        “แม่นมฮวา ส่งคุณหนู! ”

        ขณะนี้ในใจของเว่ยเหม่ยเจียได้ถูกซูจิ่นซีกับแม่นมฮวากระทำจนสาหัสสากรรจ์ แม้ว่าดวงหน้าของนางภายนอกจะแสดงออกราวกับไม่มีสิ่งใด ทว่าภายในใจอดทนจนถึงขีดจำกัด หากมีเรื่องอันใดอีกละก็ วันนี้นางจะต้องควบคุมไว้ไม่อยู่เป็นแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะเสียสติทำเรื่องที่น่าอายออกมาก็เป็นได้

        นางสามารถเดินออกไปจากจวนโยวอ๋องได้อย่างราบรื่นก็ดีเพียงใดแล้ว ทว่าความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า คนที่ไร้ยางอายแม้ภายนอกดูเป็นสตรีเรียบร้อยทว่าภายในเหม็นเน่า กระทั่งสวรรค์ก็ไม่อยากข้องเกี่ยว

        แม่นมฮวาส่งเว่ยเหม่ยเจียออกจากประตูเรือนอวิ๋นไค ยังไม่ทันได้ก้าวลงบันไดหน้าประตู พ่อบ้านเฒ่าประจำตำหนักก็พาบุรุษชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีผมสีนกกระเรียนขาวราวหิมะและผิวสีแดงก่ำดูสุขภาพดี ใบหน้าดูมีเมตตาคุณธรรมเข้ามาพบนาง

        เว่ยเหม่ยเจียรู้จักบุรุษผู้นี้ หมอเทวดาหวาซึ่งเป็นคนใต้อาณัติของเยี่ยโยวเหยา เขามีทักษะแพทย์ที่หาตัวจับอยากยิ่ง

        “หมอเทวดาหวา ท่านมาได้อย่างไรกัน? ”

        เสด็จพี่ไม่ได้อยู่ในจวน เวลานี้ยังได้มาเจอหมอเทวดาหวาที่นี่อีก เว่ยเหม่ยเจียรู้สึกแย่เล็กน้อย

        หมอเทวดาหวาหัวเราะร่าอย่างมีอัธยาศัยดี “คุณหนูเหม่ยเจียเกรงใจแล้ว ชายาท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องให้นำหลิงเซียวตานกับหยกดำที่เอาไว้ใช้ต่อกระดูกมาถวายให้พระชายาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บนั้น”

        กระไรนะ?

        เสด็จพี่ส่งท่านหมอเทวดาหวามารักษาเจ้าต่ำช้าซูจิ่นซีนั่น แถมยังให้ยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกอีกหรือ?

        หมอเทวดาหวามิใช่ว่าให้รักษาใครก็รักษาได้ตามใจชอบ!

        ครั้งก่อนเสด็จป้าไม่สบายเกือบทั้งเดือน อีกเพียงนิดอาจล้มป่วยถึงขั้นสวรรคต ทว่าเสด็จพี่กลับไม่เชิญท่านหมอเทวดาหวามารักษา ซูจิ่นซีเจ้าคนต่ำช้านั่น นางมีดีอันใดถึงกับต้องให้หมอเทวดาหวามารักษากัน

        ทว่าเรื่องหมอเทวดานั้นช่างมันเสียเถิด แต่เรื่องยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกนี้เป็นยาวิเศษที่หายากในโลกใบนี้

        ปีนั้นตอนที่เสด็จพี่ไปจวนเสินโหว มณฑลยูนนานเพื่อยุติความไม่สงบและได้รับบาดเจ็บ เสด็จพี่ได้พบเจอทายาทของเสินหนง [1] โดยบังเอิญ ทายาทเสินหนงจึงได้ถวายยาให้ ปีนั้นเสด็จพี่เองไม่กล้าที่จะใช้จนหมดด้วยซ้ำ

        โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาหลิงเซียวตาน ได้ยินมาว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค เป็นยาดีที่ผู้มีอำนาจมากมายในโลกนี้ทุ่มเงินซื้อจำนวนไม่น้อยทว่ากลับหาซื้อไม่ได้

        คาดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จะนำของมีค่าพวกนี้ออกมาให้ซูจิ่นซี

        รักมากเลยสินะ!

        เสด็จพี่ท่านรู้หรือไม่ว่าไท่จื่อผลักสตรีที่ไม่ต้องการนางนี้มาให้ท่านหมายความว่าอย่างไร?

        นางเข้ามาในตำหนักไม่ทันไรก็นำความอับอายมาให้ แล้วคนภายนอกพูดถึงเสด็จพี่เช่นไร?

        เว่ยเหม่ยเจียนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกปวดหัวใจอย่างยิ่ง

        นางซวนเซแทบล้มลงกับพื้น หากไม่ใช่เพราะอดทนอดกลั้นไว้ละก็ นางอาจเข้าไปในเรือนอวิ๋นไคแล้วลากซูจิ่นซีออกมาเตะต่อยให้หายชังน้ำหน้า

        “คุณหนูเหม่ยเจีย ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ”

        พ่อบ้านเฒ่ารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงเว่ยเหม่ยเจียที่กำลังจะล้มลง

        เว่ยเหม่ยเจียหน้านิ่วคิ้วขมวด “ข้าไม่เป็นไร! ” พูดพร้อมโบกมือ หลังจากนั้นจึงเดินโซซัดโซเซออกจากจวนโยวอ๋องไปทันที

        ไม่เป็นไรที่ไหนกันเล่า หมอเทวดาหวาดูแวบเดียวก็ทราบแล้ว ความโกรธของเว่ยเหม่ยเจียพุ่งไปยังศีรษะของนางทำเอาลมปราณหยุดนิ่ง ทว่าไม่สามารถแสดงออกมาได้!

        เขาชำเลืองมองไปยังชั้นบนของเรือนอวิ๋นไคอย่างครุ่นคิด แล้วจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

        “พระชายา ท่านอ๋องให้ท่านหมอเทวดาหวานำยามารักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านเพคะ! ”

        หลังจากส่งเว่ยเหม่ยเจียที่ริษยาจนเศร้าโศกออกไปแล้ว แม่นมฮวาก็ยิ้มแฉ่งเชิญท่านหมอเทวดาหวาขึ้นมาบนเรือน

        ซูจิ่นซีกำลังนอนอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินอย่างนี้สิ่งแรกที่นึกถึงคือฮัวโต๋ [2] แพทย์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

        “นำยาหลิงเหยา [3] เช่นใดมาหรือ? ”

        “เรียนพระชายา เป็นยาหลิงเซียวตานกับหยกดำต่อกระดูกพ่ะย่ะค่ะ”

        หมอเทวดาหวาก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับหยิบยาออกจากกล่อง

        เมื่อได้ยินชื่อยาซูจิ่นซีก็ควบคุมตนเองไม่ได้ นางย้อนนึกถึงละครที่เคยดูบ่อยๆ ‘ดาบมังกรหยก’ ตอนที่เจ้าหมิ่นได้ให้ยาหยกดำต่อกระดูกกับเตียบ่อกี้ มันเป็นยาอายุวัฒนะลึกลับสำหรับต่อกระดูกที่แม้แต่ผู้พิการมานานกว่า 20 ปีก็สามารถรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

        หยกดำต่อกระดูกของหมอเทวดาหวาผู้นี้ คงไม่ใช่หยกดำต่อกระดูกที่มีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์แบบนั้นกระมัง?

        “หมอเทวดาหวา หากใช้ยาหยกดำของท่านต่อกระดูกแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องนอนอยู่เฉยๆ ถึงสามเดือน ทว่าหนึ่งเดือนก็สามารถลงจากเตียงขยับร่างกายได้แล้วใช่หรือไม่? ”

        น่าเสียดายที่หมอเทวดาหวาไม่ได้ให้คำตอบที่ซูจิ่นซีต้องการ

        เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วจับชีพจรของซูจิ่นซีเพื่อให้แน่ใจว่านอกจากซี่โครงที่หักบนร่างกายของนาง เรื่องอื่นๆ เป็นจริงตามที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยหมอคนก่อนแล้ว นางไม่มีอาการแสดงถึงโรคอื่น ท่านหมอจึงถวายยาหลิงเซียนตานให้ซูจิ่นซีเสวย

        ซูจิ่นซีได้รับยาเม็ดสีขาวใสราวกับผลึกแก้วทว่าไม่ได้กินโดยทันที ซูจิ่นซีทดสอบกับระบบถอนพิษของตนและเมื่อมั่นใจว่ายานี้ไม่มีพิษจึงวางใจกินเข้าไป

        หมอเทวดาหวาได้ถวายยาหยกดำต่อกระดูกให้แม่นมฮวา “ยาต่อกระดูกนี้ใช้ทาให้พระชายาทุกเช้า ในตอนกลางคืนก่อนนอนล้างให้สะอาด และทาแบบนี้เป็นเวลาสามวัน! ”

        หลังจากที่แม่นมฮวารับยาแล้ว หมอเทวดาหวาได้แนะนำซูจิ่นซีอีกครั้ง “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ยาต่อกระดูกนี้เมื่อทาแล้วจะรู้สึกร้อนและปวดเหมือนเข็มแทง นี่เป็นอาการปกติท่านอาจต้องอดทนระยะหนึ่ง”

        ซูจิ่นซีพยักหน้า

        ผู้ที่จะทายาต่อกระดูกให้ซูจิ่นซี เรื่องเช่นนี้หมอเทวดาหวาซึ่งเป็นบุรุษจึงไม่สะดวกเป็นแน่ ให้แม่นมฮวาเป็นผู้ทาให้นั้นดีแล้ว หลังจากท่านหมอสอนการใช้งานและข้อควรระวังเสร็จเขาก็จากไปทันที

        ความจริงซูจิ่นซีอยากจะถามหมอเทวดาว่าเหตุใดเยี่ยโยวเหยาไม่พาท่านหมอมารักษานางด้วยตนเอง ทว่าเมื่อพิจารณาเป็นเวลาหนึ่ง นางจึงรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรถามและอดทนไว้

        แม่นมฮวาถือยาต่อกระดูกไว้แล้วยิ้มจนถึงดวงตา มีความสุขกว่าเยี่ยโยวเหยานำยามาให้นางเองเสียอีก นางพูดใส่หูของซูจิ่นซีเสมอว่าเยี่ยโยวเหยาดีต่อซูจิ่นซีเพียงใด ท่านอ๋องไม่เคยมองสตรีที่ใดเลย ยิ่งไม่มีสตรีนางใดสามารถเข้าไปในใจของท่านอ๋องได้ ฟังไปฟังมาหูของซูจิ่นซีก็ใกล้จะตั้งครรภ์ได้เสียแล้ว

        ทว่าในใจของซูจิ่นซีเข้าใจดีและมั่นใจยิ่งว่า ครั้งที่เยี่ยโยวเหยาพานางออกมาจากสายตาของมหาชนมุ่งกลับมาที่จวนในวันอภิเษกสมรสของเราสอง เห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาและมีความอาฆาตมาดร้ายอย่างแรงกล้า ในเวลานั้นท่านอ๋องต้องการจะฆ่านางอย่างแท้จริง

        ไม่เพียงเท่านั้น… สิ่งที่ทำเพื่อนางเหล่านี้จะต้องมีแผนร้ายอันใดเป็นแน่

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset