สอนสวาทคุณอาที่รัก – ตอนที่ 3

ราชาวดีวิ่งหนีไปนั่งหลบอยู่ในไร่ชาจนเย็น จึงยอมกลับเข้ามาในบ้าน ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นว่าชาติพยัคฆ์กำลังทุรนทุรายด้วยความเป็นห่วงหล่อนมากมายแค่ไหน แต่มันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็เป็นไปได้ ในเมื่อเขาไม่ได้รักหล่อนนี่ ในสายตาของเขาหล่อนมันก็เป็นแค่เพียงเด็กสาวในปกครองน่ารังเกียจเท่านั้น

“หายไปไหนมาวดี รู้ไหมว่าคนอื่นเขาเป็นห่วง”

คนถูกถามเชิดหน้า และจะเดินหนีไม่สนใจ แต่ก็ถูกชาติพยัคฆ์กระชากข้อมือเอาไว้เสียก่อน

“ผู้ใหญ่พูดด้วยห้ามเดินหนี”

หญิงสาวพยายามสะบัดข้อมือแต่ก็ไม่เป็นผล จึงเปลี่ยนเป็นการโต้ตอบด้วยวาจาแทน

“ก็เด็กไม่อยากพูดกับผู้ใหญ่นี่คะ ปล่อยมือวดีค่ะ วดีจะขึ้นไปนอน”

“ยังไปไหนไม่ได้ เรามีเรื่องต้องพูดกัน”

ใบหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของชาติพยัคฆ์ทำให้ราชาวดีเต็มไปด้วยความน้อยใจ เขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกของหล่อน และแน่นอนว่าผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยก็ไม่มีทางเป็นหล่อน ทำไมมันเจ็บอย่างนี้นะ ทำไมถึงได้ตัดใจไม่ขาดเสียที ทำไมจะต้องไปรักผู้ชายไม่มีหัวใจคนนี้ด้วย

“แต่วดีไม่มีอะไรจะคุยกับอาเสือ ปล่อยวดี”

เขาไม่ปล่อย และก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากลากร่างเล็กของหล่อนให้เดินตามเขาขึ้นบันไดบ้านไปยังชั้นสอง จากนั้นร่างของหล่อนก็ถูกผลักเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง โดยมีเขาก้าวตามเข้ามาติดๆ แต่กระนั้นประตูห้องก็ยังคงเปิดค้างเอาไว้

หญิงสาวมองบานประตูที่เปิดค้างเอาไว้ด้วยความน้อยใจ

“ไม่ต้องกลัววดีจะปล้ำหรอกค่ะ เพราะวดีไม่มีนิสัยชอบขืนใจผู้ชาย”

แม้จะถูกตัดพ้อยังไง แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจหล่อน เพราะเขายังคงแสดงท่าทางเย็นชา ไร้ความรู้สึกเช่นเดิม

“วันนี้ไปไหนมา”

หญิงสาวไม่ตอบสะบัดหน้าหนี จึงถูกเขาตวาดลั่น

“ถามว่าหายไปไหนมา หูแตกหรือไง!”

ชาติพยัคฆ์ไม่เคยดุดันก้าวร้าวแบบนี้กับหล่อนมาก่อน พอเขาทำเข้าก็ทำให้หล่อนทั้งตกใจและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน

“วดี… ก็ไปนั่งเล่นในไร่ชา”

“ไปนั่งเล่นในไร่?”

“ค่ะ”

หล่อนเสียงสะบัด ในขณะที่เขาจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาลุกเป็นไฟ

“ในไร่มีแต่คนงานผู้ชาย เธอทำแบบนี้ได้ยังไงกันวดี”

“แต่ที่นี่มันไร่ของอาเสือนะคะ ไม่มีใครมาทำอะไรวดีหรอกค่ะ และอีกอย่างอาเสือก็คงไม่สนใจอะไรวดีหรอกหาวดีจะไปทำอะไรกับคนงานในไร่ โอ๊ย!”

หญิงสาวร้องลั่นเมื่อถูกตะบบหัวไหล่เต็มแรงด้วยผู้ชายที่กำลังเต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่เขาจะมาเดือดดาลจะมาโมโหใส่หล่อนทำไมในเมื่อเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับหล่อนสักหน่อย แถมยังทั้งรังเกียจทั้งรำคาญอีกต่างหาก ราชาวดีคิดอย่างน้อยใจ

“อย่าพูดแบบนี้อีกเชียวนะ ไม่อย่างนั้นอาจะส่งเธอไปอยู่ที่อื่น”

คนฟังน้ำตาร่วงกราว

“มันก็แค่ข้ออ้างของอาเสือที่ไม่อยากให้วดีอยู่ขวางหูขวางตาเท่านั้นแหละ จะให้ไป ไม่อยากให้อยู่ก็บอกกันมาดีๆ ก็ได้ค่ะ ไม่เห็นต้องทำมาโมโหใส่แบบนี้เลย”

“เธอกำลังเข้าใจผิด เธอไม่ได้ขวางหูขวางตาฉัน”

“ไม่จริง มีวดีอยู่อาเสือคงไม่สะดวกที่จะพาแฟน หรือผู้หญิงเข้ามาที่นี่ เพราะวดีคอยขัดขวาง”

“มันไม่ใช่…”

“เอาเถอะค่ะ ต่อไปวดีจะไม่ขัดขวาง จะไม่แสดงท่าทางอะไรที่ไม่ดีเวลาที่อาเสือพาผู้หญิงเข้ามาที่นี่อีก วดีสัญญาค่ะ”

ทั้งๆ ที่เขาควรที่จะรู้สึกยินดีกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เขากำลังไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ก็เขาจะไปรู้สึกอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อเขาไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย นอกจากหล่อน ผู้หญิงที่เขาอยากจะลากขึ้นเตียงแล้วขย่มโยกให้หายคลั่งก็มีแค่หล่อนคนเดียวเท่านั้น ราชาวดี

แต่เขากลับแสดงความรู้สึกแท้จริงออกไปไม่ได้

“แน่ใจนะว่าจะรักษาสัญญาได้”

คนฟังน้ำตาร่วง แต่ก็รีบยกมือขึ้นป้ายทิ้ง

“วดีสัญญาค่ะ จะไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับอาเสืออีก เชิญอาเสือสนุกสนานกับผู้หญิงของตัวเองไปให้สบายใจ”

บรรยากาศรอบกายเงียบงันไปชั่วขณะ สายตาคมกริบของเขายังจับจ้องมาที่หล่อนเขม็ง หล่อนไม่สามารถอ่านไม่ออกได้เลย ไม่เคยเลยสักครั้ง

“ขอบใจมาก และพยายามอยู่ให้ห่างจากอาที่สุด จำเอาไว้”

เขาหมุนตัวจะเดินออกไป แต่ก็ชะงักเท้าชั่วขณะเมื่อได้ยินคำพูดของสาวน้อยด้านหลัง

“ค่ะ วดีจะไม่เข้าใกล้อาเสืออีกถ้าไม่จำเป็น และที่สำคัญถ้ามหา’ลัยเปิดเทอมเมื่อไหร่ วดีจะไปอยู่หอจะไม่กลับมาทำให้อาเสืออึดอัดลำบากใจอีก”

คิดว่าเขาจะฉุดจะรั้งจะอาลัยอาวรณ์บ้าง แต่เปล่าเลย ไม่มีเลยสักนิดสำหรับผู้ชายที่ชื่อชาติพยัคฆ์ เขาแสนจะยินดีที่หล่อนจะไปให้พ้นหูพ้นตา

“นั่นคือสิ่งที่ควรทำที่สุด ขอบใจมากที่ให้ความร่วมมือ”

แล้วเขาก็ก้าวยาวๆ เดินข้ามธรณีประตูห้องของหล่อนไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่เจ้าของหล่อนถึงกับทรุดฮวบลงกองกับพื้น หยาดน้ำตาที่ป้ายทิ้งไปทะลักออกมาประจานความอ่อนแออีกครั้ง มันหลั่งริน หลั่งไหลออกมาอย่างท่วมท้น หญิงสาวสะอื้นไห้ปานจะขาดใจ

“อาเสือใจร้าย… อาเสือใจร้าย…”

นี่คือคำเดียวที่หล่อนสามารถเค้นมันออกมาจากลำคอที่ตีบตันของตนเองได้ หัวใจทุกข์ทรมานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มันผิดมากหรือไง ผิดมากใช่ไหมที่หล่อนหลงรักผู้อุปการะของตัวเองน่ะ เขาไม่ใช่สายเลือดเดียวกับหล่อนสักหน่อย ทำไมจะรักกันไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาไม่ได้รักหล่อนนั่นเอง ชาติพยัคฆ์ไม่ได้รักหล่อน ในสายตาของเขาหล่อนเป็นแค่เด็กกะโปโลน่ารำคาญเท่านั้น

ตัดใจเสียเถอะวดี ตัดใจเถอะ

หญิงสาวร้องไห้พยายามปลอบประโลมตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่น้ำหูน้ำตาก็ยังไม่หยุดไหลเสียที หัวใจก็ยังคงกระหวัดไปคิดถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นตลอดเวลา ผู้ชายที่หล่อนทั้งเทิดทูนทั้งภักดี แต่เขากลับไม่เคยเหลียวแลและแยแสหล่อนเลยสักนิด

“ทำไมไม่มองวดีบ้างคะอาเสือ วดีไม่สวยไม่น่าปรารถนาเลยหรือไง”

ในขณะที่หญิงสาวกำลังคร่ำครวญด้วยความน้อยอกน้อยใจอยู่นั้น คนที่พึ่งเผ่นพรวดออกมาก็กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ริมสระน้ำ ชายหนุ่มเทเหล้าหายเข้าไปในลำคออึกใหญ่ ก่อนจะเงยขึ้นมองแผ่นฟ้าที่ยามนี้มืดคลึ้มไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำทะมึน

“ยศ สุรีย์ ฉันสัญญาว่าจะไม่แตะต้องลูกสาวของพวกเธอ ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด”

เหล้าในแก้วถูกเทลงลำคอแกร่งไปอีกครั้ง ใบหน้าหล่อลากดินแดงเล็กน้อยด้วยอิทธิฤทธ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปสองแก้วรวด

“แม้ว่าฉันจะต้องปวดร้าวไปทั้งตัวก็ตาม ฉันจะไม่มีวันทำให้วดีต้องมีราคีเพราะฉัน”

“คุณเสือขา… ทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ด้วยล่ะคะ ในเมื่อคุณเสือเองก็รักคุณวดีเธอเหมือนกัน”

คำพูดเบาๆ แต่ก็ได้ชัดเจนยิ่งนักในหูของชาติพยัคฆ์

“ป้าแก้ว…”

แม่บ้านเก่าแก่ที่พึ่งวางกับแก้มสองจานลงบนโต๊ะกระจกระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ

“อย่าฝืนใจตัวเองเลยค่ะคุณเสือ เชื่อป้าเถอะ”

“ผมไม่รู้ว่าป้าแก้วกำลังหมายความว่าอะไร”

ชาติพยัคฆ์แสร้งทำเป็นรินเหล้าและกระดกลงลำคอ

ป้าแก้วถอนใจออกมาเบาๆ

“คนอื่นไม่มีใครรู้ได้เลยว่าภายใต้ใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกของคุณเสือกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ป้าเลี้ยงคุณเสือมาตั้งแต่เล็ก ทำไมป้าจะไม่รู้คะว่าคุณเสือกำลังคิดอะไรอยู่”

ป้าแก้วจ้องใบหน้าเย็นชาของชาติพยัคฆ์นิ่ง

“คุณเสือรักคุณหนูวดี ทำไมไม่ยอมพูดออกไปคะ”

“ครั้งนี้ป้าแก้วกำลังเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้รักวดี และมันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย”

“คุณเสือคะ อย่าปิดกั้นหัวใจตัวเองเลยค่ะ คุณหนูวดีเองก็ออกจะรักคุณเสือขนาดนั้น เธอทั้งตื้อทั้งยั่วคุณเสือตลอดเวลา ทำไมคุณเสือจะต้องโกหกตัวเองด้วย”

“ป้าแก้วครับ…”

ชายหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคู่สนทนา

“ตอนนี้ผมสามสิบเจ็ดแล้ว ในขณะที่วดีแค่สิบแปด เราห่างกันตั้งเกือบยี่สิบปี ป้าคิดหรือครับว่าระยะห่างของอายุขนาดนี้มันจะสามารถครองคู่กันได้”

แม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ความเจ็บลึกในอกก็ฉายชัดออกมาทางดวงตาจนป้าแก้วเห็น

“ถ้าสองคนรักกัน ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้หรอกค่ะ เชื่อป้าเถอะค่ะคุณเสือ อย่าโกหกความรู้สึกของตัวเองอีกเลย รักก็บอกว่ารักเถอะค่ะ คุณหนูวดีเธอจะได้ดีใจ ไม่ต้องแอบร้องไห้ทุกวันแบบนี้”

นัยน์ตาคมกริบเลื่อนไปเหม่อมองดูผิวน้ำเบื้องหน้า

“อย่าลุ้นเลยครับป้าแก้ว ก็อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้คิดอะไรกับวดีเกินกว่าคำว่าอากับหลานสาวเลยจริงๆ ขอโทษนะครับ แต่ผมอยากอยู่คนเดียว”

“สักวันคุณเสือจะต้องเสียใจ หากคุณหนูวดีเธอตัดใจจากคุณเสือได้จริงๆ”

ป้าแก้วพูดจบก็เดินจากไปทิ้งให้ชาติพยัคฆ์นั่งทอดถอนลมหายใจอยู่เพียงลำพังที่ริมสระว่ายน้ำ

เขารักหล่อน รักจนหมดใจ แต่ก็แตะต้องไม่ได้ นี่ถ้าเขารู้ว่าการรับราชาวดีมาอุปการะแล้วจะต้องมาทุกข์ทรมานไปทั้งตัวและหัวใจแบบนี้ เขาจะไม่มีทางรับเจ้าหล่อนมาอยู่ในบ้านด้วยเด็ดขาด เขายินดีจะจ่ายเงินเพื่อจ้างคนอื่นอุปการะแทน

สอนสวาทคุณอาที่รัก

สอนสวาทคุณอาที่รัก

Status: Ongoing
อ่านนิยาย สอนสวาทคุณอาที่รักเสื้อกล้ามสีขาวบนเรือนกายบึกบึนทรงพลังของชาติพยัคฆ์เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ซิกแพ็คสมบูรณ์แบบจึงมองเห็นได้อย่างง่ายดาย และนั่นก็ยิ่งทำให้ราชาวดีต้องรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำลายที่สออยู่มุมปากอย่างรวดเร็ว แต่สายตากลับแหงะออกจากมาจากกำยำของคุณอานอกไส้ตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่วินาที ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่ชาติพยัคฆ์คนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลและปกป้องหล่อน จากคำบอกเล่าของเขาก็คือพ่อกับแม่ของหล่อนเสียชีวิตไปตั้งแต่หล่อนเกิดได้มาไม่เพียงกี่เดือน และเขาก็เป็นเพียงญาติคนเดียวของหล่อนจึงต้องทำหน้าที่อุปการะหล่อนเอาไว้ ทุกอย่างมันคงดำเนินไปด้วยดีตามวิถีทางของมันถ้าหล่อนกลับไม่บังเกิดไปหลงรักชาติพยัคฆ์เข้าให้อย่างจังแบบตอนนี้ หล่อนพยายามที่จะตัดใจจากเขา พยายามที่จะไม่สนใจผู้ชายที่แก่กว่าเกือบยี่สิบปี แต่ก็ทำไม่ได้สักที หึงและหวงทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาเข้าใกล้เขา “อาไม่ใช่ข้าวนะ ไม่ต้องมองแบบหิวอย่างนั้นหรอก” คำพูดเตือนสติของผู้ชายตรงหน้าทำให้คนฟังแก้มแดงก่ำ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “อาเสืออย่ามาแซววดีแต่เช้าสิคะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset