บทที่ 217 แสดงสิทธิ์
ฉูรั่วไป๋เห็นเย้นหว่านหายใจหอบ ก็บอกว่า: “มานั่งพักก่อนเถอะ”
“โอเค”
เย้นหว่านเดินตามไป และเห็นโต๊ะกลมใหญ่สามโต๊ะ มีสองโต๊ะที่นั่งเต็มแล้ว และโต๊ะหลักยังพอเหลือที่ว่างอยู่
เห็นได้ชัดว่าเว้นไว้ให้โห้หลีเฉิน
เย้นหว่านไม่อยากทำตัวเด่น และไม่อยากนั่งข้างโห้หลีเฉิน เลยไปนั่งข้างฉูรั่วไป๋
ฉูรั่วไป๋เทน้ำให้เย้นหว่านอย่างสุภาพบุรุษ “ดื่มน้ำก่อนนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เย้นหว่านรับน้ำมา และยิ้มให้ฉูรั่วไป๋อย่างมีมารยาท
เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ พูดอย่างขัดเขินว่า: “วันนี้ได้รับแจ้งกะทันหันว่าจะหยุดงาน เลยไม่ได้ลงมาหาคุณ คุณก็ได้รับแจ้งล่ะสิ ไม่ได้มาที่โรงแรมใช่ไหม?”
สบสายตาเกรงใจของเย้นหว่าน ฉูรั่วไป๋ยิ้มอย่างเอ็นดู
“ผมก็ได้รับเลยไม่ได้มา”
เขาไม่ได้บอกเธอว่าเขามาแล้ว และยังรอเธอพักหนึ่ง เขายังโทรหาเธอด้วย แต่โทรไม่ติด
เขากำลังคิดจะขึ้นไปหาเธอ ก็ได้รับแจ้งว่าหยุดงานพอดี
“งั้นก็ดี”
เย้นหว่านค่อยโล่งอกหน่อย
ฉูรั่วไป๋เห็นเธอถอนหายใจโล่งอก เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศของทั้งคู่ดูเป็นมิตรต่อกันดี
โห้หลีเฉินเข้ามาเห็นช็อตนี้พอดี
ใบหน้าคมคายของเขาทะมึนลงทันที สายตาเย็นเยียบ
เย้นหว่านหลอกล่อให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตัวเองแอบหนีมาก่อนไม่บอก เพื่อมาหาฉูรั่วไป๋งั้นหรอ?
โห้หลีเฉินรู้สึกขัดตาเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเย้นหว่าน ต่อหน้าเขา เธอไม่เคยยิ้มร่าเป็นกันเองแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้คนอื่นเริ่มสังเกตเห็นว่าโห้หลีเฉินมาแล้ว พากันลุกขึ้นมาทักทายกันหมด
“คุณโห้”
รอยยิ้มบนหน้าเย้นหว่านชะงักทันที รีบหันไปทางโห้หลีเฉิน
และสบตาเข้ากับสายตาอันตรายของเขาอย่างที่คิดเลย
เธอใจเต้นผิดจังหวะไปหน่อย ร้อนรนเล็กน้อย เขาโกรธแล้วจริงหรอ?
เธอกระพริบตาและลุกตามคนอื่น ก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่ทำได้
สิ่งที่สะท้อนมาในสายตาโห้หลีเฉินคือ เธอกำลังร้อนตัว
อารมณ์เขายิ่งแย่หนักกว่าเดิม
เขาสีหน้าทะมึนเมินเฉยทุกคนที่ทักทายเขา เดินก้าวเท้ามาหาเย้นหว่าน
บรรยากาศอันตรายเหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ดักเย้นหว่านไว้ข้างใน
เย้นหว่านร้อนใจจนแทบจะกระโดดออกมานอกอกแล้ว ทำไมเธอรู้สึกว่านิสัยเขาสองวันนี้เริ่มแย่ลงเรื่อยๆเนี่ย ทั้งใจแคบ ทั้งโกรธง่าย
เหมือนตอนนี้
ฉูรั่วไป๋สังเกตเห็นว่าท่าทีที่มีต่อเย้นหว่านของโห้หลีเฉินไม่เหมือนคนอื่น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขยับขึ้นหน้าหนึ่งก้าว และกันเย้นหว่านไว้ด้านหลังเขา
สีหน้าเขายิ้มสนิทสนมอย่างมีมารยาท ยื่นมือออกไปหาโห้หลีเฉิน
“คุณโห้ ผมฉูรั่วไป๋ สวัสดีครับ พบกันครั้งแรกยินดีที่ได้รู้จักครับ”
โห้หลีเฉินกลับไม่ชายตาแลฉูรั่วไป๋เลย เขาเดินอ้อมไปยืนตรงหน้าเย้นหว่าน
จนห่างกับเธอแค่ก้าวเดียว ร่างสูงใหญ่ยืนข้างเธอ แสดงออกว่าสนิทสนมกันมาก
เขาก้มหัวลงต่ำหาเธอ ถามว่า:
“ผมแค่ไปเปลี่ยนชุด ทำไมไม่รอผมล่ะ?”
พอคำนี้ออกมา รอบข้างเงียบสนิท
แม้แต่มือฉูรั่วไป๋ที่เตรียมวางลงยังชะงักค้างกลางอากาศ
เขามองโห้หลีเฉินสลับกับเย้นหว่านอย่างไม่เชื่อสายตา คำพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?
หรือว่าเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกันงั้นหรอ?
สีหน้าของเย้นหว่านร้อนผ่าว เธอพยายามหาทางแอบหนีออกมา ก็เพราะอยากจะปิดบังเรื่องเขากับเธออยู่ห้องเดียวกัน
แต่ทำไมตอนนี้เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยงี้ล่ะ?
เธอเหลือบตาขึ้นก็เห็นทุกคนตาค้าง เธออายจนอยากจะมุดดินหนี
โห้หลีเฉินกลับไม่ยอมปล่อยเธอ เขาโอบเธอเข้าอ้อมกอดอย่างเป็นธรรมชาติมาก
เขาก้มหัวลงชิดเธอ ท่าทางสนิทสนมมาก “หือ?”
เธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนของผู้ชายที่พ่นรดใบหน้าขณะพูด เธอยิ่งทำอะไรไม่ถูก หน้าแดงหยั่งกับแอปเปิ้ล
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โห้หลีเฉินจะเริ่มกล้าทำอะไรแบบนี้กับเธอต่อหน้าคนอื่น
แต่เธอดันไม่กล้าคัดค้านเขาต่อหน้า ยังต้องไว้หน้าเขา
เย้นหว่านแอบบ่นในใจ ได้แต่ตอบหน้าตรงว่า “ฉันกลัวมาไม่ทัน เลยมาก่อน คุณเป็นประธานใหญ่ มาช้าก็ไม่เป็นไรนี่”
“คุณมาช้า ก็ไม่มีใครกล้าว่าคุณหรอก”
โห้หลีเฉินพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด
ท่าทีโห้หลีเฉินที่มีต่อเย้นหว่านดูจะเปิดเผย ไม่ปิดบังเลยสักนิด
คนของเมืองเจียงไม่รู้ข่าวลือฝั่งเมืองหนาน และไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของกโห้หลีเฉินับเย้หว่าน คราวนี้เห็นกับตา เลยรู้สึกตกใจกันมาก
คุณโห้ที่อยู่สูงส่ง ทำไมดูสนิทกับเย้นหว่านจัง หรือว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน?
สายตาเคลือบแคลงของพวกเขามองไปทางฉูรั่วไป๋ด้วย
ฉูรั่วไป๋มองโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านอย่างตกตะลึง ดูเย้นหว่านไม่ค่อยสบายตัวในอ้อมกอดเขา ในใจเขาเองก็ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน
เขาขมวดคิ้วถาม:
“พวกคุณ…เป็นแฟนกัน?”
“ไม่ใช่”
ใครจะคิดว่าโห้หลีเฉินปฏิเสธทันควันขนาดนี้
ฉูรั่วไป๋ยิ่งคิ้วขมวดหนักขึ้น วินาทีเดียวคิดไปหลายสถานะมาก และที่เด่นชัดที่สุดคือโห้หลีเฉินเห็นเย้นหว่านเป็นของเล่นเสร็จแล้วไม่รับผิดชอบ
ถึงปกติเขาทำแบบนี้กับผู้หญิงอื่นเหมือนกัน แต่พอผู้หญิงที่เขารู้สึกดีด้วยโดนทำแบบนี้ เขาไม่ชอบใจเอาซะเลย
สีหน้าเขาแย่มาก นิ้วมือขยับเล็กน้อย ทำท่าเหมือนจะดึงเย้นหว่านกลับมา
ส่วนโห้หลีเฉินไม่แยแสเขาสักนิด และหยิบแก้วของเย้นหว่านบนโต๊ะยกขึ้น พลางหันไปทางทุกคน
“สองวันนี้ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยผมดูแลเย้นหว่าน”
คนในเมืองหนานที่รู้เบื้องลึกต่างตกใจกันถ้วนหน้า
หวางกวนจิ้งนำทีมรีบยกแก้วขึ้นทันที “เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้วครับ”
มือฉูรั่วไป๋ที่อยากดึงเย้นหว่านกลับชะงักค้างอีกแล้ว มองหน้าโห้หลีเฉินอย่างไม่เข้าใจ
เขาขอบคุณทุกคนอย่างเปิดเผยแบบนี้ ทำให้เย้นหว่านดูไม่เหมือนของเล่นสนุกๆเลย แต่กลัวดูเหมือนคนทางเมืองหนานต่างรู้กันดี
เขาไม่เข้าใจ ระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านเป็นอะไรกันแน่?
ความสงสัยเต็มหัวใจ แต่ละครยังต้องเล่นต่อ ฉูรั่วไป๋ยกแก้วขึ้นมาดื่มกับทุกคนเหมือนกัน
และตอนนี้โห้หลีเฉินกลับถือแก้วหันมาทางเขา
โห้หลีเฉินเม้มปากมองฉูรั่วไป๋ แก้วเหล้าในมือยกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงชนแก้ว
น้ำเสียงเขาพูดไม่เบาไม่หนัก “คุณฉู ได้ยินว่าสองวันมานี้คุณพาเย้นหว่านออกไปดูงาน ในฐานะคู่หมั้นของเธอ ผมขอบคุณสำหรับการดูแลเป็นพิเศษด้วยนะครับ”
พิเศษสองคำนี้เขาแทบจะกัดฟันพูดออกมา บรรยากาศเลยดูอึมครึมพิกล
ฉูรั่วไป๋กลับตะลึง มองทั้งคู่อย่างไม่เชื่อสายตา
คู่หมั้น?!
เย้นหว่านคือคู่หมั้นในตำนานของโห้หลีเฉิน ผู้หญิงที่จะแต่งเข้าบ้านโห้?
เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเย้นหว่านที่ดูน่ารักธรรมดานั่นกลับมีฐานะแบบนี้
มิน่าคืนนั้นเธอดูมีใจกับเขาขนาดนั้น กลับยืนกรานปฎิเสธเขา ที่แท้เธอมีคู่ที่ดีขนาดนี้ ก่อนแต่งงานไม่มีทางทำตัวเละเทะข้างนอกแน่
เห็นท่าทางฉูรั่วไป๋เหมือนกระทบกระเทือนอย่างหนัก บรรยากาศข้างโห้หลีเฉินกลับยิ่งดูอันตรายขึ้นหลายเท่า