เจ็บ
เซอร์ยุนซีแค่รู้สึกว่ากระดูกที่อยู่บนใบหน้าของตนเองนั้นแตกละเอียดไปหมดแล้ว ในปาก เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
สิ่งที่เขาตกตะลึงท่ามกลางความงุนงงนั้น และยิ่งแปลกใจไปกว่านั้นเมื่อพบว่า โห้หลีเฉินที่ดูเป็นคนสง่างาม พอออกหมัดทำร้ายคนยังดุเดือดได้ถึงเพียงนี้ นี่ย่อมหมายความว่าเป็นการใช้พลังของคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้มา
โห้หลีเฉิน ดูจากสภาพแล้วเกรงว่าคงไม่ใช่คนแสนจะธรรมดาเหมือนภายนอกที่แสดงออกมาให้เห็นเป็นแน่
ความแข็งแกร่งและการคาดเดาของอีกฝ่าย หลังจากที่ถูกต่อยมาแล้วสองหมัด พลันกระตุ้นความกระหายของเซอร์ยุนซีที่ต้องการอยากจะเอาชนะ
ขอแค่มีศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ถึงได้เป็นการต่อสู้ที่น่าสนใจ
เซอร์ยุนซีปาดคราบเลือดที่มุมปาก พร้อมทั้งจัดการปรับอารมณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จัดการลงมือกับโห้หลีเฉินทันที
ชายหนุ่มทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน พละกำลังมากมายมหาศาล แถมยังมีความคิดเกินครึ่งที่ต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายถึงจะยอมหยุด
เย้นหว่านเห็นมองยิ่งขนหัวลุก จนอึดอัดมากมายเหลือเกิน
ทำไมพอจะต่อยกันก็ต่อยกันขึ้นมาได้ล่ะ?
โห้หลีเฉินทำไมถึงได้เป็นคนหุนหันพลันแล่นไปได้ นี่มันเข้าใจกันยกใหญ่แล้ว?
นั่นก็หมายความว่ารอให้โห้หลีเฉินจัดการเซอร์ยุนซีให้ได้ซะก่อน คนต่อไปคือมาจัดการเธอเหรอ? เธอไม่เอาด้วยนะ เพราะว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ใช่ไหมล่ะ
เย้นหว่านจ้องมองทั้งสองคนที่กำลังต่อยกันไปมาอย่างดุเดือดอย่างร้อนรน พร้อมทั้งตะเบ็งเสียงเรียก
“โห้หลีเฉินเซอร์ยุนซีเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เขาคือคนที่เข้ามาช่วยฉัน ตอนที่ฉันโดนรังแก เลยจัดการเอาเสื้อโค้ตมาคลุมตัวฉันเอาไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น การกระทำของโห้หลีเฉินพลันหยุดลงทันที
“ผลั่ก” เสียงทุ้มดังขึ้น หมัดหนึ่งกระทบลงบนใบหน้าของเขา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาขยับเล็กน้อย
เย้นหว่านตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นว่าโห้หลีเฉินถูกต่อย จนเกิดความรู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหวออกมาทันที
เธอตะโกนกลับอย่างโมโห “เซอร์ยุนซีไม่อนุญาตให้นายมาต่อยโห้หลีเฉินนะ!”
เซอร์ยุนซีเหมือนกำลังเรียกพลังมา พลันออกกำปั้นออกมา แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พลันตัวแข็งทื่อทันที
ต่อยโห้หลีเฉินไม่ได้? ใช่สิ เพราะว่าโห้หลีเฉินเป็นพี่เมียที่เขาต้องเอาอกเอาใจเป็นอย่างดี!
ต่อยไม่ได้!
จากนั้น แต่กำปั้นของเขาก็ลอยละล่องออกมา พุ่งตรงไปยังใบหน้าของโห้หลีเฉิน มันไม่สามารถดึงกลับมาได้ทัน
แววตาของโห้หลีเฉินเย็นชาเล็กน้อย พร้อมทั้งยืนตรงไม่ยอมหลบหลีกสักนิด พร้อมทั้งให้หมัดนั่นพุ่งมาทางตนเอง ในเวลาเดียวกัน ขายาวๆ ของเขาก็เตะออกไป
ก็เห็นว่าหมัดที่ลอยมานั้นเซไปทางด้านหลังในเวลานั้นเอง ตัวทั้งตัวของเซอร์ยุนซีก็ลอยขึ้นมา พร้อมทั้งซวนเซจนล้มลงอย่างแรง
“ตุบ——”
เป็นเสียงทุ้มๆ ดังขึ้น พร้อมทั้งมีฝุ่นละอองกระจายออกมา ทั้งตัวของเซอร์ยุนซีล้มลงไปกับกับพื้นอย่างรุนแรง
กระดูกทั้งตัวของเขาราวกับแตกละเอียด ก้นก็ปวดจนทนไม่ไหว
ช่างรุนแรงเหลือเกิน
เขาไม่กล้าออกแรงกับโห้หลีเฉิน แต่ว่าโห้หลีเฉินเองก็ไม่ได้ออกแรงกับเขาสักนิดเลย
เขาจ้องมองโห้หลีเฉินที่กำลังเขยิบมาใกล้เขา ร่างกายที่เจ็บปวดนั้นตัวเกร็งขึ้นมา เพื่อเป็นการป้องกันจากการโดนทำร้ายผู้ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ฝ่ายเดียว เขารีบพูดอธิบายทันที
“พี่ พี่อย่าเข้าใจผิด อย่าได้เข้าใจผิด ผมไม่ได้ทำอะไรเสี่ยวหว่านทั้งนั้นแหละ ไอ้เวรโอหยางฝู่คนนั้นมันรังแกเสี่ยวหว่าน ตอนที่ผมรีบตามไปนั้นเสื้อผ้าของเสี่ยวหว่านก็ถูกมันดึงจนขาดวิ่นไปหมดแล้ว ถึงได้ให้ใส่เสื้อโค้ตผมเอาไว้ ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆ ผมยังเป็นคนดีที่ช่วยเธอเอาไว้นะ”
เมื่อสิ้นเสียงเขาแล้ว เท้าข้างหนึ่ง ก็กดเหยียบลงบริเวณท้องของเขาทันทีแบบไม่ออมแรงไว้เลย
แรงอันมากมายมหาศาล จนทำให้เซอร์ยุนซีรู้สึกว่าอวัยวะภายในถูกเหยียบจนใกล้จะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว
เขารู้สึกอึดอัดใจตอนที่มองไปที่โห้หลีเฉิน ใบหน้าที่เคร่งขรึมเช่นนั้น ความอาฆาตนั้นราวกับต้องการจะฆ่า และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงไปสักนิดทั้งๆ ที่เขาได้อธิบายไปหมดเปลือกแล้ว
ทำไมกัน?
เขาได้อธิบายว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วนี่ แล้วทำไมโห้หลีเฉินยังอยากจะทำร้ายเขาอีกล่ะ
เซอร์ยุนซีจะบ้าตายอยู่แล้ว
แววตาอันเย็นชาคมกริบของโห้หลีเฉิน พร้อมทั้งท่าทางมองต่ำลงมามองเซอร์ยุนซี แววตาทอประกายเปลวเพลิงไฟลุกไหม้อย่างโชกโชน
ถ้าไม่ใช่ว่ายังควบคุมไว้ได้ เท้าของเขานี้ ก็คงจะเอาชีวิตของเซอร์ยุนซีไปทันที
“พาเย้นหว่านออกไป แต่กลับให้เธอถูกรังแก แกคิดว่า แกยังเป็นฮีโร่อยู่หรือไง?”
ทุกคำที่พูดออกมา โห้หลีเฉินลงแรงที่ใต้ฝ่าเท้า และหนักขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งความเกลียดชังและความอาฆาตอย่างปะปนรวมกันทุกอย่าง
“ถ้าแกกล้าแอบเอาตัวเธอออกไปเองอีกครั้ง แล้วทำให้เธอได้รับอันตรายเซอร์ยุนซีฉันจะเอาชีวิตแก”
ทุกคำพูด มันเป็นคำเตือนที่ทำได้อย่างแน่นอน
ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจฐานะเจ้าชายของเขาเลยสักนิด ถึงได้พูดและทำได้ตามที่พูด
เซอร์ยุนซีโตมาจนถึงป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนข่มขู่เช่นนี้ ถามยังรู้สึกหวาดหวั่นมาก นี่มันไม่ใช่แค่พูดออกมาเท่านั้นเอง
โห้หลีเฉินทำได้จริงๆ
ส่วนหลีโห้เฉินที่กำลังอาฆาตพยาบาทที่อยู่ด้านหน้านั้น เซอร์ยุนซีเองก็ไม่อาจจับจุดได้ ว่าจะสามารถมีชีวิตรอดไปจากมือของเขาแล้วเดินออกไปหรือเปล่า
สีหน้าของเย้นหว่านยืนอยู่ด้านข้างอย่างสับสน พร้อมทั้งจ้องมองโห้หลีเฉินที่กำลังโมโหเดือดพล่านและพยายามควบคุมอาการต้องการฆ่าคนอยู่
การที่อยู่ข้างกายเขามาตั้งนานขนาดนี้ เธอย่อมเข้าใจความรู้สึกของเขาอย่างชัดเจน โห้หลีเฉินมีความรู้สึกต้องการฆ่าเซอร์ยุนซีจริงๆ
แม้ว่าเซอร์ยุนซีไม่ได้ให้เธอถูกทำร้ายก็ตาม แต่ว่าเซอร์ยุนซี เป็นคนพาเธอออกไป จนเกิดเรื่องราวอันตรายขึ้น นั่นก็เป็นโทษของเซอร์ยุนซี
“โห้หลีเฉิน ….”
เย้นหว่านก้าวเท้าเล็กๆ เดินมายืนข้างกายโห้หลีเฉิน พลางยื่นมือออกไปจับมือที่เขากำลังกำหมัดอยู่
น้ำเสียงของเธอนั้นเบา พร้อมทั้งอ่อนโยนมาก “พวกเรากลับไปกันเถอะ ดีไหม?”
ความอาฆาตกำลังแผ่รัศมีรอบตัวโห้หลีเฉิน ตอนที่เย้นหว่านเขยิบเข้าหาใกล้ๆ นั้น พลันลดน้อยลงไปไม่น้อยอย่างไม่รู้ตัว
เขามองมาทางเธออยู่แวบหนึ่ง พร้อมทั้งจับมือเล็กๆ เอาไว้แน่น พลันยกเท้าออกแล้วเดินหนี
ถ้าให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป เขาคงอดใจไม่ได้ที่ต้องฆ่าเซอร์ยุนซี.ให้ตายคามือแน่
เย้นหว่านไม่กล้าถ่วงเวลา พลันวิ่งเหยาะๆ ตามโห้หลีเฉินไป ตอนที่วิ่งไปนั้น เธอก็คอยค่อยๆ หันศีรษะกลับมามองเซอร์ยุนซี เมื่อเห็นว่าเขาพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นได้แล้ว และยังไม่ตาย เธอก็วางใจไปได้เปลาะหนึ่ง
ตอนนี้ปัญหาสำคัญไม่ใช่เซอร์ยุนซี แต่เป็นโห้หลีเฉินแทน
เธอไม่เคยรับรู้ความรู้สึก ที่โห้หลีเฉินโกรธแค้นได้หนักขนาดนี้มาก่อนเลยสักนิด
ลมหายใจที่แผ่รัศมีออกมาจากร่างกาย ราวกับต้องการต้องมอดไหม้ไปทั่วทั้งบริเวณ แม้แต่เธอเอง เธอยังรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
โห้หลีเช่นหน้าดำคร่ำเครียด พร้อมทั้งเม้มริมฝีปากเอาไว้ จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวไปทางด้านหน้าโดยที่ไม่เสียงพูดออกมาสักคำ
เย้นหว่านจ้องมองเขาอย่างกังวลใจ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดเสียงแผ่วเบา
“โห้หลีเฉิน…”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไร
พร้อมทั้งเดินตรงไปด้านหน้าทั้งที่ไม่เหลียวหลังหันมามองแม้แต่หางตา
เย้นหว่านเองไม่ชินกับพระราชวังเลย พลันเกิดความรู้สึกทางข้างหน้ามันช่างแปลกตามาก และก็ไม่รู้ว่าโห้หลีเฉินจะพาเธอไปไหนกันแน่
ในใจที่รู้สึกไม่สบายใจ พร้อมทั้งไม่คุ้นชินกับอาการโกรธเคืองของเขาเช่นนี้
เธอเลยพูดออกไปอีกครั้งอย่างแผ่วเบา
“โห้หลีเฉิน คุณจะพาฉันไปที่ไหนกัน…”
เขายังไม่ได้พูด เอาแต่เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
“ยังจะต้องเดินไปอีกนานเท่าไหร่ ฉันเริ่มปวดเท้าแล้ว”
“โห้หลีเฉิน…”
คำพูดของเธอยังไม่ทันพูดจบ อยู่ดีๆ ก็ใช้แรงดึงเธอ เปลี่ยนอีกทางแทน เพื่อดึงเย้นหว่านให้เลี้ยวเข้าไปยังทางเดินอีกทาง
จากนั้น ก็โยนเย้นหว่านไปกระทบกับกำแพง ร่างกายของชายหนุ่มกดทับลงมา
ราวกับภูเขาขนาดมหึมา จนเป็นเงาปกคลุมเธอไปทั้งตัว
ใบหน้าของชายหนุ่มที่มีแต่ความอาฆาตอย่าหนักหน่วง พร้อมทั้งเขยิบเข้าหาอย่างอันตราย
หัวใจของเย้นหว่านบีบรัดอย่างอดไม่ได้ พลันรู้สึกว่าโห้หลีเฉินกลัวว่าจะสำลักความโกรธของตนเองออกมา
เธอตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว เพราะด้วยความกลัวจึงหลับตาลง
จากนั้นก็ ….