ฉินโม่หานไม่ได้พาซูสือเยว่กลับบ้าน แต่ว่าพาเธอไปที่ทางตะวันออกของเมืองแทน
บนรถตู้ที่มีโทรศัพท์ของลั่วเยียนอยู๋นั้น มีเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งกับหุ่นจำลองหลายตัว
ตอนที่ซูสือเยว่กับฉินโม่หานตามมาถึงนั้น ผู้ชายคนนั้นได้ถูกฉินหนานเซิงตีจนหน้าช้ำไปหมด ตอนนี้ถูกคุ้มกันโดยบอดี้การ์ดหลายคน
ส่วนฉินหนานเซิงนั้นได้พาคนไปตามหาลั่วเยียนแล้ว
“ท่านชาย”
พอเห็นว่าฉินโม่หานพาซูสือเยว่มาที่นี่แล้ว บอดี้การ์ดที่คอยเฝ้าอยู่นั้นก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับทันที “คนคนนี้ไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ”
“เดิมทีคุณชายหนานเซิงจะถามเกี่ยวกับตำแหน่งที่อยู่ของคุณลั่วเยียน แต่ว่าเขาไม่ยอมพูดอะไรเลย”
“ขนาดนี้โดนซ้อนจนเป็นขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมพูด ปากหนักมาก”
พอได้ยินที่บอดี้การ์ดพูด ซูสือเยว่ก็มองไปที่ผู้ชายคนนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและคราบเลือด เนื้อตัวถูกซ้อมจนเสื้อผ้าขาดรุ่ย
แต่ว่าใบหน้านี้……
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว เดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็มองอย่างละเอียด
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงตอนที่อยู่ที่โรงแรมชุนหม่านก่อนหน้านี้ ภาพเหตุการณ์ตอนที่เธอเข้าไปในลิฟต์!
ผู้ชายคนนี้ ก็คือหนึ่งในสองคนที่คุยกับซูโม่อยู่ตรงสุดทางเดินไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้ ซูสือเยว่รู้สึกเหมือนกับว่าเลือดไหลร่างกายของเธอจะไหลย้อนกลับแล้ว!
เธอตัวสั่นพร้อมกับเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนนั้น “ซูโม่บงการนายใช่ไหม? ”
ผู้ชายคนนั้นมองซูสือเยว่อย่างเย็นชา “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
มือของซูสือเยว่กำหมัดแน่น
เธอหลับตา และภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่โรงแรมชุนหม่านก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง
ตอนที่อยู่ที่หน้าประตูนั้น เธอได้เจอกับซูโม่และเย่เชียนจิ่วโดยบังเอิญ
เย่เชียนจิ่วเตือนเธออย่างเยาะเย้ย บอกว่าหลังจากเมาในงานเลี้ยงปิดกล้อง ก็จะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด
หลังจากนั้นเธอก็เลยเหน็บแนมเย่เชียนจิ่วสองสามประโยค แล้วก็เข้าประตูไป
หลังจากนั้นก็ถูกลั่วเยียนไล่ออกมาจากห้องอาหาร
และหลังจากนั้น เธอก็เห็นว่าซูโม่กำลังพูดอะไรอยู่กับผู้ชายคนนี้
สุดท้าย ลั่วเยียนที่เมามายก็ถูกคนพาตัวไป
เอามาบวกกับท่าทีที่ซูโม่ประจบเย่เชียนจิ่ว……
ซูสือเยว่ก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ซูโม่กับเย่เชียนจิ่วน่าจะรู้ว่าคืนนี้เธอซูสือเยว่มีงานเลี้ยงปิดกล้อง แต่ไม่รู้ว่า ลั่วเยียนให้จัดงานเลี้ยงปิดกล้องของเธอพร้อมกันด้วย
ดังนั้นคนพวกนั้นก็เลยจับตัวลั่วเยียนไป
ถ้ายังงั้น ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ถูกลั่วเยียนไล่ออกมาล่ะ?
คนที่ตามหาไม่เจอ และท่าทางจะรอดกลับมาได้ยากจะเป็นใครกัน?
การค้นพบที่น่ากลัวนี้ ทำให้ซูสือเยว่อึ้งไปเลย
เธอก็นึกว่าเย่เชียนจิ่วกับซูโม่จะมาเพียงเพื่อพูดเพื่อเอาชนะเธอเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่า……พวกเธอจะกล้า!
และลั่วเยียน ก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!
เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเธอก็คือเธอ!
พอคิดได้แบบนี้ ซูสือเยว่ก็หันหน้าไป แล้วก็จับมือฉินโม่หานพร้อมกับน้ำตานองหน้า “ต้องหาลั่วเยียนให้เจอให้ได้เลยนะ”
“ต้องไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับลั่วเยียนเด็ดขาด”
ถ้าไม่ยังงั้นล่ะก็ เธอต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!
ลั่วเยียนต้องมารับเคราะห์ร้ายแทนเธอ!
ฉินโม่หานกุมมือของเธอ “ไม่มีเรื่องร้ายแรงแน่นอน”
แต่ว่าต่อให้พูดแบบนี้ ที่จริงแล้วในใจของเขาก็ไม่ได้แน่ใจเท่าไหร่นัก
ลั่วเยียนหน้าตาสวย แถมยังเมาอีกต่างหาก ใครก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า……
ตอนที่ซูสือเยว่ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของฉินโม่หานนั้น บอดี้การ์ดทางฝั่งนี้ก็ได้รับข่าว : เจอเธอแล้ว!
บอดี้การ์ดรีบรายงานฉินโม่หานอย่างตื่นเต้น “ท่านชายครับ ทางฝั่งนั้นบอกว่าเจอแล้วครับ ที่โรงงานร้าง!”
“ตอนนี้พวกเราไปกันเลยไหมครับ?”
ฉินโม่หานพยักหน้า แล้วก็อุ้มซูสือเยว่ขึ้นรถไป
รถเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่ไกล สุดท้ายก็ไปถึงโรงงานร้าง
โรงงานแห่งนี้เสื่อมโทรมและเก่าแก่ และมีสนิมขึ้นทุกหนทุกแห่ง
พอรถจอดสนิท ซูสือเยว่ก็แทบรอไม่ไหวที่จะวิ่งเข้าไป
แต่ว่าภาพเหตุการณ์ในโรงงานนั้น ทำให้เธอชะงักไปในทันที พูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
กลิ่นเลือดมันอบอวลไปทั่วทั้งโรงงาน
ชายวัยกลางคนหลายคนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยและถูกบอดี้การ์ดกดไว้กับพื้น
ลั่วเยียนถูกฉินหนานเซิงกอดไว้ในอ้อมแขน ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด
ร่างกายที่ทรุดโทรมของเธอถูกห่อไว้ด้วยเสื้อคลุมของฉินหนานเซิง แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ยังสามารถเห็นได้ชัดว่าขาที่เรียวยาวของลั่วเยียนนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือด
ซูสือเยว่ขาอ่อน เธอแทบจะทรุดล้มลงไปกับพื้น
โชคดีที่ฉินโม่หานคอยประคองเธออยู่ด้านหลัง
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้านั้น แม้แต่คนที่สงบเยือกเย็นอย่างฉินโม่หาน ยังรู้สึกว่ามันน่าสยดสยองเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ลดเสียงลง “เธอเป็นยังไงบ้าง”
“สลบไปแล้ว”
ฉินหนานเซิงกอดลั่วเยียน นิ้วมือลูบไปที่ใบหน้าที่ฟกช้ำของเธอ “รถพยาบาลกำลังมา”
“ไม่แน่ใจเรื่องอาการบาดเจ็บของเธอ แต่ว่าก็ไม่กล้าอุ้มเธอขึ้นมา”
เสียงของเขาสั่น “ความผิดผมเอง”
“ผมไม่ควรทะเลาะกับเธอเลย……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินหนานเซิงแบบนี้ ซูสือเยว่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง เธออ้าปาก แต่ว่าก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้แม้เพียงคำเดียว
เกิดเรื่องขึ้นกับลั่วเยียนจริงๆ ด้วย
นี่มันส่งผลกระทบกระเทือนทางจิตใจเธออย่างมาก……
ฉินโม่หานกอดซูสือเยว่ ณ ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หันหน้าไปแล้วก็มองคนที่ถูกกดอยู่กับพื้น “ตัดสิ่งที่พวกมันไม่ควรจะมีออกมาซะ”
พวกบอดี้การ์ดมองหน้ากัน เขาเข้าใจความหมายของฉินโม่หานในทันที
“ไว้ชีวิตพวกผมเถอะ!”
ชายวัยกลางคนสองสามคนที่ถูกกดอยู่กับพื้นเริ่มคร่ำครวญ
“มีคนบอกพวกเราว่าเราสามารถเล่นได้ตามต้องการเลย พวกเราก็เลยมา!”
“ใช่ครับ คนนั้นยังบอกอีกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นดาราสาวที่ไม่มีชื่อเสียง แถมยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอีก ให้เล่นได้ตามต้องการเลย!”
“พวกเรายังไม่ทันได้ทำอะไรเธอเลย ได้แต่ใช้มีด แส้แล้วก็เทียนเล่นแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง!”
“ถ้าไม่ได้พวกเราจ่ายเงินก็ได้นะ! ครอบครัวพวกเรายังรอให้พวกเรามีทายาทไว้สืบสกุลอยู่นะ!”
“ฉันยังไม่มีลูกเลย!”
เสียงคร่ำครวญของผู้ชายพวกนี้ทำให้ฉินหนานเซิงขมวดคิ้วอย่างรุนแรงมากขึ้น
“ฟังคำสั่งอาเล็ก ตัดของมันออกมา!”
“ครับ!”
บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งตอบรับ แล้วก็ลากคนพวกนั้นออกไป
ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงกรีดร้องของผู้ชายพวกนั้น
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น “ฉันน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ”
……
ณ คฤหาสน์ซู
คืนนี้ซูโม่มีความสุข ก็เลยดื่มค่อนข้างเยอะ
ก่อนที่เธอจะกลับบ้านนั้น ได้รับข้อความที่คนคนนั้นส่งมา บอกว่าทุกอย่างราบรื่นด้วยดี ผู้หญิงคนนั้นที่เธออยากจัดการ ได้ถูกโยนเข้าไปในโรงงานร้างแล้ว แล้วก็ถูกพวกชายวัยกลางคนรับไว้แล้ว
ซูโม่นอนอยู่บนเตียง ในหัวไม่รู้จักบันยะบันยังเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“ฮ่าๆๆๆๆ ——!”
เธอมองเพดาน แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น
ในที่สุด
ในที่สุด!
ในที่สุดก็ได้ให้ยัยซูสือเยว่นั่นได้รับบทเรียนแล้ว!
ใครให้เธอได้แย่งท่านชายฉิน!
ใครให้เธอไม่รู้จักชั่วดี!
ต่อให้ท่านชายฉินไม่แคร์ว่าเธอจะเคยมีลูกแล้วมันยังไงกัน?
เมื่อก่อนซูสือเยว่เคยตั้งท้องก่อนที่จะรู้จักกับท่านชายฉิน เขาไม่สนใจเรื่องนี้ได้
แต่ว่าหลังจากเรื่องคืนนี้ล่ะ?
หลังจากคืนนี้ผ่านไป ซูสือเยว่ก็จะเป็นหญิงกากีที่คนเป็นหมื่นคนรังเกียจ!
ไม่มีผู้ชายคนไหนรับได้ที่ตัวเองถูกสวมเขาหรอก!
ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่หย่ากับซูสือเยว่ได้หรอก!
ถึงเวลานั้น——
“ปังๆๆๆ ——!”
ตอนที่ซูโม่กำลังจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ที่มีความสุขของเธอกับฉินโม่หานในอนาคตนั้น ด้านล่างก็มีเสียงเคาะประตูอย่างแรง
“ใคร!”
เสียงเคาะประตูทำให้เฉินฟางหมดความอดทนและลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดประตู “ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรค่อยพูดพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ? ”
พอเปิดประตูออก ภาพเหตุการณ์ด้านนอก ก็ทำให้เฉินฟางอึ้งไปในทันที